บทที่ 653 ข้ายินดีไปพบกับองค์จักรพรรดิ

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 653 ข้ายินดีไปพบกับองค์จักรพรรดิ

บทที่ 653 ข้ายินดีไปพบกับองค์จักรพรรดิ

“วิชาวัฏจักรหงส์อมตะ!” เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ในฝูงชน บรรดาผู้ที่กำลังวิ่งหนีกลัวโดนลูกหลงต่างก็หยุดวิ่ง

“วิชาวัฏจักรหงส์อมตะคืออะไร?” หลายคนไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับมันมาก่อนและถามคนอื่นด้วยความงงงวย

“มันเป็นวิชาลับอัศจรรย์ที่คาดว่าจะมีอยู่ในตำนานเท่านั้น! มีข่าวลือที่ว่ามันสามารถมอบชีวิตนิรันดร์ให้แก่ผู้บ่มเพาะได้ มีคนมากมายเหลือเกินที่แสวงหามันด้วยความหวังว่าจะได้รับชีวิตนิรันดร์ แต่ไม่มีใครเคยได้พบมัน! แล้วซูอันจะครอบครองมันอยู่ได้ยังไง!?”

เหล่าผู้คนของตระกูลใหญ่ในเมืองจันทร์กระจ่างต่างก็เคยได้ยินเรื่องราวของวิชาอันแสนวิเศษนี้มาบ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถอธิบายได้อย่างรวดเร็ว

สิ่งหนึ่งที่เป็นจริงตั้งแต่สมัยโบราณ ไม่ว่าการบ่มเพาะของคนเราจะยิ่งใหญ่เพียงใดและไม่ว่าจะช่วยยืดอายุขัยไปได้นานแค่ไหนก็ตาม สุดท้าย สิ่งมีชีวิตทุกรูปแบบย่อมหนีความตายไม่พ้น

จักรพรรดิองค์ปัจจุบันมีอำนาจมากขนาดไหนใครก็รู้ อย่างไรก็ตาม ทุกคนรู้ว่าพระองค์ใกล้ถึงขีดจำกัดแล้วและอาจสิ้นพระชนม์ได้ทุกเมื่อ

แววตาของเซี่ยอี้เปล่งประกายขึ้นมาทันใด เขาก้มศีรษะลงเพื่อซ่อนสีหน้า ไม่น่าแปลกใจเลยที่จักรพรรดิจงใจสร้างเรื่องวุ่นวายต่าง ๆ นานาในการกวาดล้างตระกูลฉู่เพื่อจับตัวซูอัน วิชาลับนี้เป็นเหตุผลของทั้งหมด ข้าต้องรายงานเรื่องนี้ต่อราชันฉีโดยเร็วที่สุด!

ราชันฉีสามารถต่อสู้กับจักรพรรดิได้ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเพราะจักรพรรดิใกล้ถึงขีดจำกัดของอายุขัยแล้ว นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ราชันฉีอดทน เวลาเป็นข้อได้เปรียบของเขา!

อย่างไรก็ตาม หากจักรพรรดิได้รับชีวิตนิรันดร์ ฝ่ายของพวกเขาจะเหลือความหวังอะไร?

ใครจะโง่พอที่จะต่อสู้กับผู้บ่มเพาะระดับสูงสุดของโลกที่เป็นอมตะกันเล่า?

การแสดงออกของเซี่ยอี้แย่ลงในวินาทีขณะที่เขาไตร่ตรองถึงผลที่ตามมา หากผิดพลาดเพียงนิดเดียว ฝ่ายของราชันฉีจะล่มสลายลง

เจียงลั่วฝูมองไปที่ซูอันด้วยสีหน้าตกตะลึง เด็กคนนี้ยังมีความลับซ่อนไว้อีกเท่าไหร่กัน?

พรสวรรค์ระดับเลิศล้ำนั้นน่าตกใจมากพอแล้ว ตอนนี้เขายังมีวิชาวัฏจักรหงส์อมตะด้วยงั้นเหรอ?!

นางเริ่มจะมึนหัว ถ้านางกับเขาไม่ได้สนิทกัน นางอาจจะพยายามขโมยมันมา

ฉู่จงเทียนและฉินหว่านหรูแลกเปลี่ยนสายตากัน ใจที่คิดตรงกันสะท้อนอยู่ในดวงตาของอีกฝ่าย ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมจักรพรรดิถึงหาเรื่องพวกเขาอย่างเอาเป็นเอาตายโดยไม่คำนึงถึงกฎเกณฑ์ พวกเขาคิดว่าการจับซูอันเป็นเพียงข้ออ้าง แต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าเมื่อเทียบกับค่าของซูอันแล้ว ตระกูลฉู่มีความสำคัญน้อยกว่ามาก…

จากบันทึกทางประวัติศาสตร์ของตระกูลฉู่ พวกเขาเคยได้ยินเกี่ยวกับวิชาวัฏจักรหงส์อมตะมาก่อน แต่คาดไม่ถึงว่าซูอันจะเป็นคนที่ได้ครอบครองมัน

ทุกคนคิดว่าซูอันโชคดีและได้ฐานะทางสังคมเพิ่มขึ้นจากการเข้าร่วมกับตระกูลฉู่ แต่ตอนนี้มันยากที่จะบอกว่าฝ่ายไหนมีความสำคัญมากกว่า

เมื่อได้ยินคำพูดของซูอัน แม้แต่อ๋องเหลียงและหลิวเหย่าต่างก็ตกตะลึง แม้ว่าพวกเขาจะรับผิดชอบในการจับกุมซูอัน แต่พวกเขาไม่เคยรับรู้ถึงเหตุผลที่แท้จริงของจักรพรรดิ มีการคาดเดาบ้างเล็กน้อย แต่ไม่เคยคิดถึงวิชาลับในตำนานอย่างวิชาวัฏจักรหงส์อมตะมาก่อน

หัวหน้าทูตยุทธ์เสื้อแพรตะคอกด้วยความโกรธทันที “ไร้ยางอายยิ่งนัก ทำไมเจ้าถึงหลอกลวงผู้คนด้วยคำโป้ปดเช่นนี้ ใครก็รู้ว่าไม่มีวิชาวัฏจักรหงส์อมตะอยู่จริงในโลก!”

คงจะดีกว่านี้ถ้าเขาเงียบปากไว้ กิริยาที่กระวนกระวายใจทำให้ทุกคนเชื่อว่าเขาร้อนตัว ทุกคนมองดูซูอันอย่างโหยหา ทุกคนต่างต้องการจับตัวเขาเอาไว้เอง!

ฉู่จงเทียน! ชายผู้มีชื่อเสียงบริสุทธิ์ไร้ที่ติมาโดยตลอดจริง ๆ แล้วเป็นคนเจ้าเล่ห์มากอุบายขนาดนี้เชียวเหรอ?

ทุกคนเชื่อว่าตระกูลฉู่ได้แต่งเด็กที่ไร้ค่าจากท้องถนนเข้าตระกูล แต่เป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขาคือวิชาวัฏจักรหงส์อมตะ!

ข้าเองก็จะให้เขาแต่งงานกับลูกสาวของข้าด้วยถ้าทำได้!

ซูอันกลืนน้ำลายอย่างประหม่า เขาคงไม่คิดอะไรเลยถ้าเป็นกลุ่มสาวน่ารัก ๆ จ้องมอง แต่ขณะนี้ คนส่วนใหญ่ที่จ้องมองเขาคือเหล่าชายชราที่แววตาเต็มไปด้วยความปรารถนาซึ่งมันทั้งน่าขนลุกและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน!

เขากระแอมในลำคอและพูดกับทูตยุทธ์เสื้อแพร “ก็ได้ ก็ได้ ในเมื่อพวกเจ้าบอกว่าข้าไม่มี งั้นข้าไม่มีก็ได้ เอาล่ะ ในเมื่อข้าไม่มี งั้นข้าขอตัวกลับไปพักผ่อนในบ้านของข้าต่อก็แล้วกันตกลงไหม?”

หวงฮุ่ยฮงแทบสำลักลมหายใจตัวเอง “ม…ไม่ได้! เราต้องพาเจ้ากลับไปสอบสวน!”

ซูอันยักไหล่ เขาไม่ได้พูดอะไรต่ออีก แต่ฝูงชนรอบ ๆ ส่งเสียงจิ๊จ๊ะอย่างไม่พอใจ พวกเขาเย้ยหยันหัวหน้าทูตยุทธ์เสื้อแพรอย่างชัดเจนว่าเป็นคนสองหน้า

หวงฮุ่ยฮงโกรธมาก เขาส่งสัญญาณให้ทูตยุทธ์เสื้อแพรคนอื่น ๆ เข้าล้อมซูอันทันที “จับเขาไว้ เจ้าเคยรอดไปได้เพราะเราประมาท แต่เราจะไม่ทำผิดพลาดแบบเดิมอีกแน่นอน”

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เป้าหมายแทบทั้งหมดมักจะต้อนรับทูตยุทธ์เสื้อแพรด้วยการโค้งคำนับและแสดงความเคารพอย่างยิ่งเมื่อถูกจับได้ บางครั้งแม้อาจจะมีคนต่อต้าน แต่พวกเขาก็จะถูกคร่ากุมอย่างรวดเร็ว ดวงตาของพวกเขาจะเต็มไปด้วยความหวาดกลัวตลอดเวลา

อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแต่ซูอันจะไม่กลัวพวกเขา แต่พวกเขาเองยังเป็นฝ่ายกลัวว่าอีกฝ่ายจะใช้อุบายบางอย่าง

ซูอันส่ายหัว “ไม่ต้องห่วง คราวนี้ข้าจะไม่หนีแล้ว ข้าจะไปพบจักรพรรดิกับพวกเจ้า”

ทุกคนต่างตกใจเมื่อได้ยิน

สีหน้าของหวงฮุ่ยฮงมืดลง “เจ้ามีกลอุบายอะไรอีกกันแน่!?”

เขาอาจจะเชื่อถ้าอีกฝ่ายเป็นคนอื่น แต่เด็กคนนี้ดูไม่เหมือนคนที่จะยอมจำนนง่าย ๆ!

ซูอันยิ้ม “กลัวอะไรกันนักหนา? ข้ายืนอยู่เฉย ๆ ไม่เห็นหรือไง? หรือเป็นไปได้ไหมว่าทูตยุทธ์เสื้อแพรอันเกรียงไกรไม่กล้าแม้แต่จะจับข้า?”

ฉู่จงเทียนและฉินหว่านหรูต่างก็พูดคุยกับซูอันผ่านกระแสพลังชี่อย่างร้อนรน “อาซูเจ้ากำลังทำอะไร! หนีไปซะ! เราจะช่วยเจ้าหันเหความสนใจของพวกเขา!”

แต่ซูอันส่ายหัว “ไม่จำเป็น ข้าไม่ต้องการที่จะรบกวนพวกท่านทั้งหมด นอกจากนี้ ข้ามีแผนของข้าเอง ท่านทั้งสองไม่ต้องเป็นกังวล”

เจียงลั่วฝูเป็นอีกคนหนึ่งที่พูดกับซูอันผ่านกระแสพลังชี่ “เจ้าเด็กปากเหม็น! ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังวางแผนบ้าอะไร แต่ถ้าเจ้าถูกพาตัวกลับไปที่เมืองหลวงเจ้าไม่รอดแน่! จักรพรรดิไม่มีทางยอมให้ชายอื่นนอกเหนือจากตัวเองได้รับชีวิตนิรันดร์!”

ซูอันตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ขอบคุณอาจารย์ใหญ่ที่เป็นห่วงข้า แต่ท่านดูข้าสิ ข้าดูเหมือนคนงี่เง่าที่กำลังจะโยนชีวิตทิ้งง่าย ๆ หรือเปล่า?”

เจียงลั่วฝูสูดหายใจเข้า “ข้ายอมรับว่าเจ้าไม่ได้โง่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉลาด ข้าไม่รู้ว่าเจ้าวางแผนอะไรแบบไหน แต่แผนการที่ดีที่สุดก็ไร้ความหมายเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริงอย่างจักรพรรดิ!”

“อาจไม่เป็นอย่างนั้น” ซูอันคิดเกี่ยวกับแผนของเขาด้วยสีหน้าแปลก ๆ เวรเอ๊ย ข้าจะให้จักรพรรดิสวมหมวกสีเขียวใบนั้นยังไงดี?