บทที่ 654 ข้าจะนั่งข้าง ๆ นาง!
บทที่ 654 ข้าจะนั่งข้าง ๆ นาง!
เจียงลั่วฝูตกตะลึงกับท่าทางมั่นใจของซูอัน นางเคยพบเจอกับผู้ชายที่มีความมั่นใจมามากมายนับไม่ถ้วน แต่ความมั่นใจของคนเหล่านั้นหล่อหลอมขึ้นจากระดับการบ่มเพาะและภูมิหลังอันแข็งแกร่ง คนที่อ่อนแอแต่ยังคงรักษาท่าทีสงบและเต็มไปด้วยความมั่นใจในสถานการณ์เช่นนี้อย่างซูอันหายากกว่ามาก
ทูตยุทธ์เสื้อแพรเข้าล้อมและเหวี่ยงโซ่เกี่ยววิญญาณพันรอบตัวซูอัน พวกเขาแสดงความโล่งใจเมื่อเห็นได้ชัดเจนว่าอีกฝ่ายไม่ขัดขืน
แม้จะอยากจะต่อต้าน มันก็สายเกินไปแล้ว บรรดาผู้ที่ถูกผูกมัดด้วยโซ่เกี่ยววิญญาณจะพบว่าพลังชี่ทั้งหมดของตนถูกยับยั้ง ไม่ว่าจะมีการบ่มเพาะที่แข็งแกร่งเพียงใด พวกเขาก็ไม่ต่างจากคนธรรมดาทั่วไป
ซูอันขมวดคิ้ว เขาสัมผัสได้ว่ากระแสพลังชี่ของตัวเองถูกยับยั้งในทันที เมื่อเขาก้มศีรษะลง ก็สังเกตเห็นว่าผิวของโซ่ถูกปกคลุมไปด้วยอักขระลึกลับแปลกตามากมาย อักขระเหล่านี้งดงามและมีแสงสีน้ำเงินจาง ๆ ไหลผ่านตลอดเวลา พวกมันนี่เองที่ผนึกพลังชี่ทั้งหมดภายในร่างกายของเขาไว้
โชคดีที่เขายังคงใช้จ้าววายุ นกเป็ดน้ำสีคราม และนกกระจิบร้อยเสียงได้ นี่ทำให้เขามีความมั่นใจขึ้นเล็กน้อยในทันที
เซี่ยอี้เดินเข้ามา “ท่านอ๋องเหลียงของข้า ในเมื่อท่านเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว ทำไมไม่พักที่เมืองจันทร์กระจ่างอีกสองสามวันล่ะ? ผู้น้อยปรารถนาที่จะนำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ในเมืองของเราให้มากกว่านี้”
อ๋องเหลียงกล่าวในทันทีว่า “ขอบคุณเจ้าเมืองเซี่ยสำหรับความตั้งใจดีของท่าน แต่เรายังมีธุระที่ต้องดูแลซึ่งไม่สามารถล่าช้าได้ เราต้องออกเดินทางในทันที!”
นี่มันเรื่องตลกอะไร?
ซูอันเพิ่งเปิดเผยให้โลกรับรู้ว่ากำลังครอบครอง วิชาวัฏจักรหงส์อมตะอยู่ ใครจะไปรู้ว่ากลิ่นเลือดจะดึงฉลามมากี่ตัว พวกเขาจะเสียเวลาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน??
นอกจากนี้ เซี่ยอี้เป็นคนของฝ่ายราชันฉี จึงไม่มีทางที่อ๋องเหลียงจะปล่อยให้อีกฝ่ายมีโอกาสสร้างเรื่องวุ่นวายได้
เขาออกคำสั่งทันทีโดยไม่รอคำตอบ “นำตระกูลซ่างไปด้วย เราจะกลับเมืองหลวงกันทันที!”
รถม้ากรงขังของพ่อลูกตระกูลซ่างและเจิ้งตานจอดลงตรงเบื้องหน้า เจิ้งตานยังคงสวมชุดเจ้าสาวที่สวยงามแม้ใบหน้าของนางจะเต็มไปด้วยความเศร้าโศก สำหรับนางแล้วอนาคตของตัวเองช่างมืดมน
แต่เมื่อนางเหลือบมองออกไปกรงขังและเห็นซูอันถูกล่ามโซ่ไว้ นางตกใจมากจนลุกขึ้นยืน นางเอามือจับซี่กรงขัง ดวงตาเต็มไปด้วยคำถามว่าทำไมเขาถึงปรากฏตัวขึ้นที่นี่…
ซูอันยิ้มให้นาง แต่น่าเสียดายที่พลังชี่ของเขาถูกผนึกไว้ ดังนั้นทั้งสองคนจึงไม่สามารถพูดคุยกันผ่านกระแสพลังชี่ได้
อ๋องเหลียงสั่งการต่อ “หารถม้ามาอีกคัน ข้าต้องการรถที่แน่นหนากว่านี้!”
ผู้รับคำสั่งค่อนข้างลำบากใจ “ไม่มีเวลาแล้ว รถม้าของเมืองจันทร์กระจ่างไม่แข็งแรงพอ พวกเราไม่มีเวลาสร้างรถใหม่หรอกท่านอ๋อง”
อ๋องเหลียงโกรธจัด “พวกเจ้าทุกคนจัดการเรื่องง่าย ๆ แค่นี้ไม่ได้เหรอไง!?”
เห็นได้ชัดว่าคนพวกนั้นรู้สึกถึงความอยุติธรรม เจ้าไม่มีเวลาพอที่จะให้พวกเราเตรียมตัวเลย เจ้าคาดหวังให้เราเสกมันออกมาจากอากาศเหรอ?
ซูอันหัวเราะและพูดว่า “ไม่จำเป็นหรอก รถม้าคันนั้นดูกว้างขวางมาก ข้าจะนั่งกับนาง!”
เขาชี้ไปที่เจิ้งตาน
ใบหน้าของเจิ้งตานแดงก่ำทันที มีคนจับตาดูอยู่เยอะมาก ทำไมผู้ชายคนนี้ต้อง…?
หากอยู่ในที่ส่วนตัวนางคงเต็มใจที่จะทำอะไรก็ได้กับเขา แต่นางได้สร้างภาพลักษณ์ที่สง่างามและเป็นกุลสตรีเฉกเช่นที่คุณหนูใหญ่เจิ้งพึงจะเป็นมาตลอดเวลากว่าสิบปีแล้ว เมื่อเห็นการกระทำเช่นนี้ของซูอัน นางแทบจะอ้อนขอสวรรค์ให้มีรูสักรูหนึ่งในรถม้าเพื่อที่นางจะได้เข้าไปซ่อนตัว
ใบหน้าของซ่างเชียนก็แดงทันทีเช่นกัน แต่เป็นเพราะความโกรธ เขาคำรามใส่ซูอัน “ไอ้สารเลว! เจ้าล้ำเส้นเกินไปแล้ว!”
ถ้าไม่ใช่เพราะกรงเหล็กของรถกรงขัง เขาคงกระโจนออกไปเอาชีวิตของซูอันแล้ว
ซูอันทำหน้าไร้เดียงสา “ข้าแค่เสนอแนะเพื่อช่วยให้ทุกคนประหยัดเวลา ทำไมเหรอ? หรือนายน้อยซ่างพยายามสร้างปัญหาประวิงเวลาที่จะไปเมืองหลวงเพราะความกลัว? ท่านนี่ไม่ไหวเลย แม้แต่ข้าเองก็ไม่รู้สึกกลัวเลยทั้ง ๆ ที่ข้าเป็นผู้ที่ทำให้องค์จักรพรรดิขุ่นเคืองแท้ ๆ นายน้อยซ่าง ในฐานะบุรุษเจ้าไม่ควรขี้ขลาดแบบนี้มันไม่เหมาะสม”
“ไม่ใช่สักหน่อย ข้าไม่ได้ ข้า…” ซ่างเชียนโกรธจนตัวสั่น เห็นได้ชัดว่าไอ้สารเลวนี้หยอกภรรยาต่อหน้าเขา!
แต่ตอนนี้เขาอ่อนล้าและเคร่งเครียดจนเกินไป อยากจะพูดอะไรก็เรียบเรียงไม่ถูกด้วยซ้ำ
“พอแล้ว พอ! เชียนเอ๋อร์ เจ้าไม่ใช่คู่มือเขา หยุดทะเลาะกับเขาได้แล้ว” เมื่อเห็นลูกชายของเขาถูกหยอกล้อเช่นนี้จึงทำให้ซ่างหงปวดหัวมาก เขาหยุดลูกชายจากการโต้เถียงที่จะเกิดขึ้นทันที
อ๋องเหลียงสูดจมูก “เปลี่ยนตัวเจิ้งตานย้ายมาอีกคันแทนที่ซ่างหง เราจะให้ซ่างหงและซูอันอยู่รถคันเดียวกัน!”
ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้ซูอันและเจิ้งตานอยู่ด้วยกัน
ดวงตาของซ่างเชียนเป็นประกายในทันทีเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังจะได้อยู่ในรถกรงขังเดียวกันกับเจิ้งตาน ความโกรธของเขาเปลี่ยนเป็นความปีติยินดีในทันที “ใช่แล้ว ต้องอย่างนี้สิ!”
ใบหน้าของซ่างหงดูมืดมน เจ้าดีใจที่จะทิ้งพ่อไปงั้นเหรอ?
ใบหน้าของเจิ้งตานซีดเผือดเมื่อได้ยินประโยคคำสั่งนี้ นางนั่งกอดเข่าซุกศีรษะอย่างหดหู่
แต่แน่นอนว่ามีหรือซูอันจะยินยอม? “อ๋องเหลียง! ข้าไม่เข้าใจความคิดของท่านจริง ๆ ท่านคิดได้อย่างไรถึงจะให้เจ้าสาวและเจ้าบ่าวที่แต่งงานใหม่ไว้ในรถม้าคันเดียวกัน? ทำเช่นนี้มันไม่ต่างอะไรกับการให้โอกาสพวกเขาได้ทำเรื่องไม่เหมาะสมทั้ง ๆ ที่ยังแต่งงานกันไม่เสร็จเรียบร้อยดีด้วยซ้ำ ท่านกำลังหาเรื่องเพลิดเพลินระหว่างทางกลับให้ทหารของตัวเองหรือไงกัน?”
อ๋องเหลียงตกตะลึง ดูเหมือนเขาเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าสิ่งนี้ไม่เหมาะสมเล็กน้อยเช่นกัน “ถ้าอย่างนั้น…”
ทันทีที่สายตาของเขาหันไปหาซ่างหง ซูอันกล่าวขัดทันที “นั่นยิ่งไม่เหมาะสมมากกว่า! ท่านคิดว่าการให้พ่อตาและเจ้าสาวคนใหม่อยู่ในรถม้าคันเดียวกันมันเหมาะสมได้ยังไง? นี่ไม่ดีต่อชื่อเสียงของอ๋องเหลียงผู้มากปัญญาเลยแม้แต่น้อย!”
อ๋องเหลียงโกรธมากจนหนวดสั่น “หมายความว่าข้าควรให้เจ้ากับแม่นางเจิ้งนั่งรถม้าคันเดียวกันหรือไง?”
ซูอันพยักหน้า “แน่นอน! ข้าเป็นคนนอกอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นไม่มีใครต้องกังวลว่าจะเกิดเรื่องใด ๆ ขึ้นทั้งนั้น ข้าคืออาจารย์ของแม่นางเจิ้งที่สถาบันจันทร์กระจ่าง ซ้ำแม่นางเจิ้งยังเป็นที่รู้จักในเรื่องความเป็นกุลสตรีและไว้ตัว ดังนั้นไม่มีทางที่นางจะยอมให้ข้าดูหมิ่นนาง อย่าลืมว่า พวกเราทั้งหมดถูกผนึกไว้ และมีสายตามากมายอยู่ทุกหนทุกแห่ง จะมีอะไรผิดพลาดได้อย่างไร?”
“นี่…” อ๋องเหลียงเงียบลงช้า ๆ สิ่งที่เด็กคนนี้พูดฟังดูสมเหตุสมผลอยู่เช่นกัน
ซ่างเชียนตื่นตระหนกทันที “ไม่มีทาง! อย่า…”
ซูอันพูดตัดบทก่อนที่ซ่างเชียนจะพูดจบประโยค “ทำไมเหรอนายน้อยซ่าง? เจ้าไม่ไว้ใจแม่นางเจิ้งเลยงั้นเหรอ? เจ้าคิดว่านางจะทำอะไรกับผู้ชายคนอื่นต่อหน้าต่อตากองทหารราชองครักษ์รึไง?”
ซ่างเชียนถูกกดดันอย่างหนัก “ภรรยาของข้าใสสะอาดเหมือนศิลาแก้ว ไร้ที่ติประหนึ่งหยกขาว แน่นอนข้าเชื่อใจนาง! แต่…”
ซูอันตัดบทเขาอีกครั้ง “เช่นนั้นก็แปลว่าเจ้ากำลังสงสัยในความเที่ยงธรรมของอ๋องเหลียงสินะ? เจ้าคิดว่าเขาจะไม่เข้ามาขัดขวางงั้นเหรอ หากข้าทำมิดีมิร้ายต่อแม่นางเจิ้ง?”
ซ่างเชียนโบกมืออย่างบ้าคลั่งทันทีเมื่อเขาเห็นการแววตาที่เย็นชาของอ๋องเหลียง “ม…ไม่ใช่! ข้าจะกล้าสงสัยท่านอ๋องผู้เที่ยงธรรมได้ยังไง ก็แค่…”
ซูอันได้ตัดบทเขาเป็นครั้งที่สาม “ท่านอ๋องเหลียงที่เคารพ ในเมื่อนายน้อยซ่างเห็นด้วยกับคำแนะนำของข้า…”