บทที่ 618 เรื่องของลู่เหยา

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม

บทที่ 618 เรื่องของลู่เหยา

บทที่ 618 เรื่องของลู่เหยา

ครั้นสวีกุ้ยเฟยเห็นองค์รัชทายาทมีสีหน้าจริงจัง ไม่เหมือนกับหยอกล้อแม้แต่น้อย จึงยิ่งตกใจอยู่ภายใน

ถึงอย่างไรในตอนแรกเริ่มองค์รัชทายาทก็ยอมอ่อนน้อมถามตนต่อหน้านางเพื่อหลินซือ แต่บัดนี้เมื่อเวลาผ่านไป คุณหนูแห่งตระกูลลู่กลับอยู่ในสายตาขององค์รัชทายาท เด็กอย่างไรก็เป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ ชอบลองสิ่งใหม่ ๆ

ครั้นองค์รัชทายาทได้ยินคำถามของสวีกุ้ยเฟย ก็ทรงพยักหน้า “ขอรับ”

“ช่วงนี้นางมักจะเข้าวังมาเยี่ยมเยือนข้าอยู่บ่อยครั้ง ทำไมหรือ? คุณหนูลู่ไม่ได้ไปหาเจ้าอย่างนั้นรึ? นางจะเข้าวังตั้งแต่เช้าตรู่ในทุกวัน พอใกล้เลิกเรียนนางก็จะรีบกลับ ข้าคิดว่านางไปหาเจ้า”

“เช่นนี้หรือ?” ครั้นได้ยินคำบอกเล่าของสวีกุ้ยเฟย องค์รัชทายาทก็ตกสู่ความเงียบ

เขาคิดว่านางไม่เข้าวังเลย กลับคาดไม่ถึงว่านางจะเข้าวังมาโดยที่ไม่มาหาเขา ทำไมกัน ตอนแรกนางเกาะเขาติดหนึบ ตอนนี้กลับห่างเหินเสียอย่างนั้น?

เขาอดยิ้มเย้ยหยันอยู่ในใจไม่ได้ คำพูดของผู้หญิงมักโกหกอย่างที่คาดคิดไว้

“เจ้าอย่ากังวลไปเลย บางทีคุณหนูลู่อาจจะมีเรื่อง ดังนั้นจึงไม่ได้ไปหาเจ้า”

ครั้นเห็นท่าทางขององค์รัชทายาท สวีกุ้ยเฟยก็เดาได้ว่าทั้งสองคนอาจจะมีเรื่องไม่พอใจกัน

ช่วงนี้คุณหนูลู่มักจะเข้ามาปฏิสัมพันธ์กับนางมากขึ้น นางน่ารักมากทีเดียว นิสัยบริสุทธิ์ไม่ได้มีหัวการค้าเหมือนกับตู้เหิงแต่อย่างใด

นางเองก็ชอบมากเช่นกัน สำหรับนาง คุณหนูลู่คนนี้ช่างไร้เดียงสา แต่องค์รัชทายาทต้องสืบทอดราชบัลลังก์ในเร็ววัน ถ้าได้คนแบบนี้อยู่ในวัง เกรงว่าคงจะลำบากน่าดู

ต้องบอกก่อนว่าสายตาขององค์รัชทายาทนั้นกว้างไกลโดยแท้จริง คุณหนูหลินผู้นั้นก็เป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก ไม่ว่าจะเป็นการพูดการจาหรือการปฏิบัติตัวก็ล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดังนั้นจึงทำให้องค์รัชทายาทจดจำได้ ส่วนคุณหนูลู่แม้ว่าจะดูไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่หลังจากได้อยู่ด้วยกันมานาน กลับสัมผัสได้ถึงความบริสุทธิ์ใจจากตัวของนาง ทุกอย่างล้วนบริสุทธิ์ไปเสียหมด

“ขอรับ ลูกเข้าใจแล้ว”

“ดีแล้ว เจ้าคือองค์รัชทายาท ไม่ควรเฉื่อยชากับเรื่องรักใคร่ของหนุ่มสาว หากเจ้าชมชอบ และไม่ใช่เรื่องใหญ่ก็ให้เสด็จพ่อของเจ้าจัดงานอภิเษกสมรสให้เจ้าเสีย เหตุใดเจ้าต้องวิตกกังวลถึงเพียงนี้”

“เสด็จแม่ทรงเข้าใจผิดแล้ว ลูกคิดกับคุณหนูลู่แค่เพื่อนเท่านั้น ความจริงแล้วคนที่ลูกชมชอบมาตลอดคืออาซือ”

“เจ้ายังชอบคุณหนูหลินอยู่อีกหรือ?”

“อาซือคือคนที่ลูกชอบมาตลอด จะให้ไปชอบผู้อื่นได้อย่างไร ดังนั้นเสด็จแม่ท่านอย่าได้จับคู่ให้ลูกเลย”

“ก็ได้ ๆ แล้วแต่เจ้า”

ถึงอย่างไรสวีกุ้ยเฟยก็เป็นเพียงแม่เลี้ยงคนหนึ่ง ดังนั้นจึงต้องยับยั้งชั่งใจเสมอ ไม่พูดสิ่งใดอีก

หลังจากที่องค์รัชทายาทออกจากตำหนักของสวีกุ้ยเฟยมา อารมณ์ที่คุกกรุ่นในใจก็ไม่เคยจางหาย

เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน ว่าตอนนี้ลู่เหยาจะไม่อยากเจอเขาแล้ว

หรือเขาไปยั่วโมโหนางตรงไหน? ไม่มีทาง ถึงอย่างไรตัวเองก็ไม่เคยหาเรื่องใคร อีกทั้งนิสัยของลู่เหยา ไม่มีทางเจ้าคิดเจ้าแค้นแน่นอน

ขณะที่ครุ่นคิด ก็เห็นลู่เหยาพาสาวใช้เดินออกมาจากอีกด้านพอดี ลู่เหยาในวันนี้แต่งกายด้วยชุดกระโปรงยาวสีขาว มวยผมสองข้างที่เกล้าอยู่บนศีรษะเพิ่มความมีชีวิตชีวาไม่น้อย

“ลู่เหยา”

เสียงขององค์รัชทายาทดังขึ้นด้านหลังของลู่เหยา ทำให้ร่างกายของลู่เหยาหยุดชะงักด้วยจิตใต้สำนึก จากนั้นก็รีบเร่งฝีเท้า ราวกับว่าคนที่เรียกชื่อนางจากด้านหลังไม่ใช่องค์รัชทายาท แต่เป็นสัตว์ประหลาดอะไรสักอย่างก็มิปาน

ครั้นเห็นลู่เหยาเร่งฝีเท้ายิ่งกว่าเดิม องค์รัชทายาทก็ยิ่งเร่งฝีเท้าของตัวเองอย่างรวดเร็วราวกับมีพายุอยู่ใต้ฝ่าเท้า

ถึงอย่างไรลู่เหยาก็เป็นสตรี ไฉนเลยจะสู้องค์รัชทายาทที่ได้รับการฝึกฝนมาตั้งแต่เด็กได้ ดังนั้นนางจึงถูกองค์รัชทายาทไล่ตามมาได้ทัน

“เจ้าจะหนีทำไม?”

“หม่อมฉันน้อมทักทายองค์รัชทายาทเพคะ”

ครั้นเห็นว่าหลบเลี่ยงไม่พ้น ลู่เหยาจึงต้องคำนับทำความเคารพแด่องค์รัชทายาทอย่างตรงไปตรงมา

“ข้าถามเจ้า ว่าเจ้าจะหนีทำไม”

“หม่อม …. หม่อมฉันไม่ได้หนี หม่อมฉันแค่กำลังจะออกนอกวังเท่านั้น”

“ลู่เหยา เจ้าเปลี่ยนไป เมื่อก่อนเจ้าไม่เคยพูดโป้ปดเช่นนี้”

“หม่อม…หม่อมฉัน หม่อมฉันไม่ได้โป้ปดเพคะ”

แม้ว่าปากจะอวดดี แต่ครั้นเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่สบายใจของลู่เหยาก็รู้แล้วว่านางกำลังวิตกกังวล

“พวกเจ้าออกไปก่อน ข้ามีเรื่องจะคุยกับคุณหนูลู่”

คำสั่งนี้ เป็นคำสั่งที่องค์รัชทายาทตรัสสั่งกับเหล่านางกำนัลที่อยู่ด้านหลัง

“เพคะ”

เหล่านางกำนัลตอบรับและถอยออกไป ส่วนสาวใช้ของลู่เหยาก็ทำได้เพียงถอยออกไป ถึงอย่างไรก็เป็นคำสั่งขององค์รัชทายาท ใครเล่าจะกล้าขัดคสั่ง

“ช่วงนี้เจ้าเป็นอะไร?”

“หม่อมฉันไม่เป็นไรเพคะ”

ลู่เหยากล่าวด้วยรอยยิ้ม แต่ขาทั้งสองข้างกลับถอยร่นไม่หยุด ราวกับกลัวว่าจะใกล้ชิดกับองค์รัชทายาทมากเกินไป

“ใช่หรือ? ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าเจ้ากำลังกลัวข้า ทำไม? ไม่เจอกันนาน กลายเป็นคนขี้ขลาดเหมือนแต่ก่อนแล้วงั้นสิ”

เดิมทีองค์รัชทายาทเห็นลู่เหยาเป็นเพียงของเล่นสนุก แค่อยากหยอกเย้านาง แต่ครั้นเห็นนางหลีกเลี่ยงตนอย่างจริงจัง ในใจก็อดโกรธเคืองไม่ได้ จึงยิ่งเดินบีบเข้าไปใกล้ลู่เหยามากขึ้น

“ไม่ทราบว่าองค์รัชทายาทมาหาหม่อมฉันมีเรื่องอันใดหรือ?”

ดูเหมือนจะทนต่อการเดินบีบเข้าใกล้ขององค์รัชทายาทไม่ไหว ลู่เหยาจึงถอยร่นไปด้านหลังหลายก้าว จากนั้นก็คารวะต่อองค์รัชทายาทด้วยความเคารพอีกครั้ง

“ช่วงนี้เหตุใดเจ้าถึงไม่มาหาข้า? เพราะแม่ของเจ้าทำให้เจ้าลำบากใจใช่หรือไม่ หรือเจ้าไม่อยากมาหาข้าเอง หื้อ?”

“ถึงอย่างไรหม่อมฉันก็เป็นผู้หญิง หากยังฝืนอยู่ข้างกายขององค์รัชทายาทต่อไปอาจจะทำลายเกียรติขององค์รัชทายาทอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ท่านแม่ดีกับหม่อมฉันเสมอ ได้โปรดองค์รัชทายาทอย่าได้กล่าวหาท่านแม่ข้าเป็นเช่นนี้เลยเพคะ”

ลู่เหยาเสียใจอยู่ภายใน รู้เช่นนี้น่าจะเชื่อฟังคำสั่งสอนของมารดาตั้งแต่แรก ช่วงนี้อย่าเข้าวังเป็นดีที่สุด

แต่ในใจนางยังไม่อาจวางใจเรื่ององค์รัชทายาทลงได้ จึงทำได้แค่ใช้ข้ออ้างในการเข้าวังมาน้อมทักทายสวีกุ้ยเฟยในทุกวัน เช่นนี้อาจจะทำให้ได้รู้ข่าวสารเกี่ยวกับองค์รัชทายาทบ้าง

แม้ว่าไม่ต้องทำเช่นนี้ก็ได้ แต่นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ลู่เหยาคิดได้

องค์รัชทายาทไม่ชอบนาง นางกลับอยู่ใกล้ชิดกับองค์รัชทายาท ยิ่งอยู่ยิ่งถลำลึก เพื่อให้ตัวเองไม่สับสนไปมากกว่านี้ จึงทำได้แค่ลดจำนวนการเจอองค์รัชทายาทลง

“เจ้ากลับปกป้องมารดาของเจ้า ลู่เหยา เจ้ารู้หรือไม่ว่าอาซือกลับเมืองมาแล้ว”

ครั้นเห็นเด็กสาวปกป้องมารดาของตัวเอง ภาพนั้นทำให้องค์รัชทายาทเลิกคิ้วสูง

เขาคาดไม่ถึงว่าเด็กสาวผู้นี้จะมีความรู้สึกลึกซึ้งกับมารดาของตัวเองเช่นนี้ แต่ความรู้สึกแบบนี้ ไม่เคยเกิดขึ้นในราชวงศ์

“ได้โปรดองค์รัชทายาททรงวางพระทัย เรื่องที่หม่อมฉันให้สัญญากับฝ่าบาทไว้หม่อมฉันทำได้แน่นอน ถึงตอนนั้น หม่อมฉันยังคิดว่าจะพาองค์รัชทายาทเสด็จออกไปภายใต้พระนามของกุ้ยเฟยเหนียงเหนียง จากนั้นก็ค่อยหาโอกาสให้องค์รัชทายาทและพี่หลินซือได้อยู่กันตามลำพังเพคะ”

เป็นอย่างที่คิดไว้ ไม่ใช่เรื่องของพี่หลินซือ องค์รัชทายาทไม่มีวันนึกถึงนาง ตัวเองจะมัวคาดหวังอะไรอีก?

“จริงรึ?”

“จริงแน่นอน” ผ้าเช็ดหน้าในมือถูกบีบซ้ำแล้วซ้ำเล่า ลู่เหยาพยายามโน้มน้าวตัวเองอย่างต่อเนื่อง

ขอแค่องค์รัชทายาทเบิกบานใจก็พอ เรื่องอื่นล้วนไม่สำคัญ

“งั้นก็ดี ช่วงนี้ข้าเห็นว่าเจ้าว่าง เช่นนั้นก็เข้าวังมาหาข้าก็แล้วกัน ไม่มีเจ้าอยู่ วังน่าเบื่อมากทีเดียว”

“องค์รัชทายาท หม่อมฉัน…”

“หากเจ้าปฏิเสธข้า ข้าจะไปหาฮูหยินลู่ เชื่อเลยว่านางต้องเห็นด้วย ใช่หรือไม่?”

“คำสั่งขององค์รัชทายาท หม่อมฉันต้องปฏิบัติตามอยู่แล้วเพคะ”

“ก็ตามนี้แล้วกัน ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มเย็นแล้ว รีบกลับเถอะ”

หลังจากองค์รัชทายาทพูดจบ แล้วจากไป ส่วนลู่เหยาได้แต่มองร่างเงาขององค์รัชทายาท นัยน์ตาล้วนเต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์ แต่กลับไม่กล้าแสดงออกมา

นางรู้ดีที่สุดว่าตัวเองเป็นคนแบบไหน ส่วนนางในแบบนี้ไม่มีคุณสมบัติที่จะยืนหน้าองค์รัชทายาทด้วยซ้ำ

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เด็กน้อยลู่เหยาคนนี้ช่างจงรักภักดีต่อองค์รัชทายาทเสียจริง

ไหหม่า(海馬)