“เธอพูดก็ถูก”แลนเซอร์พยักหน้า
ตอนนี้เองประตูห้องแต่งหน้าก็ถูกเปิดออก แล้วก็มีพนักงานคนหนึ่งเข้ามาจากด้านนอก “ขอโทษที่รบกวนครับ ผมคือคนที่คุณวารุณีส่งให้มา นางแบบของเธอเพิ่งล้มและอยู่ในห้องพยาบาล เลยบอกให้ผมไปเอาชุดและเครื่องประดับไปที่ห้องพยาบาล ไม่ทราบว่าชุดกับเครื่องประดับของคุณวารุณีอยู่ตรงไหนหรอครับ?”
พอได้ยินดังนั้น อันนากับแลนเซอร์ก็สบตากันในทันที
“พวกเธอไม่ได้มาสายจริงๆด้วย!”แลนเซอร์กัดฟันและพูดด้วยความไม่พอใจ
อันนาหัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วมันยังไงกันล่ะ อย่าลืมนะ ต่อให้ไม่สาย แต่ว่านางแบบของพวกเธอทำเรื่องตลกตอนอยู่บนแคทวอล์ค คะแนนของพวกเธอก็จะกลายเป็นต่ำสุดและเธอก็จะตกรอบ”
“พูดอีกก็ถูกอีก”แลนเซอร์ยิ้มขึ้นมาในทันที หลังจากนั้นก็ชี้ไปที่เก้าอี้ตรงหน้าของตัวเอง “อยู่นี้ค่ะ”
“โอเคครับ ขอโทษที่รบกวนด้วยนะครับ” พนักงานคนนั้นยิ้มและเดินมาข้างหน้า พร้อมกับยกกล่องและเดินออกไป
ทันใดนั้นติ๊นาก็เรียกเขาเอาไว้“รอก่อนค่ะ”
พนักงานคนนั้นหยุดเดิน
ติ๊นาก็เดินเข้าไป แล้วก็กระซิบบอกกับพนักงานคนนั้นว่า “ช่วยบอกพวกวารุณีให้ฉันหน่อย ว่าชุดอาจจะมีปัญหา”
พนักงานคนนั้นได้ยินดังนั้น ก็มีประกายแสงแวบวาบในดวงตาของเขา หลังจากนั้นเขาก็ยิ้มและพยักหน้า “เข้าใจแล้วครับ งั้นผมไปรายงานก่อนนะครับ”
“เดินดีๆนะคะ”ติ๊นาตอบรับแล้วก็หลีกทางให้เขา
เธอหันหน้าไป แล้วก็กลับไปที่ตำแหน่งของตัวเอง ทันใดนั้นอันนาก็จับแขนของเธอเอาไว้ “เมื่อกี้เธอพูดอะไรกับคนคนนั้น?”
ติ๊นามองไปที่มือของ อันนาและดึงแขนของเธอออกอย่างไม่แสดงอารมณ์ “ไม่มีอะไร”
“เธอ……”อันนายังอยากจะพูดอะไรอีก แต่ว่าแลนเซอร์ก็ดึงเธอออกมา“พอแล้วไม่ต้องถามแล้ว ถามมากไปก็เหมือนเป็นการแฉตัวเองนะ”
“เธอนึกว่าหล่อนจะไม่สงสัยพวกเราหรอ?”อันนายิ้มเยาะเย้ย
แลนเซอร์พึ่งไป“เธอจะบอกว่าเมื่อกี้หล่อน……”
“เมื่อกี้ตอนที่เรากำลังทำอะไรอยู่นั้น ฉันเห็นว่าผู้หญิงคนนี้มองมาที่พวกเราตั้งหลายครั้ง ฉันก็เลยสงสัย เธอต้องรู้แน่ๆว่าพวกเราทำอะไรอยู่”อันนาหรี่ตาลง
แลนเซอร์เริ่มรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา “ถ้าอย่างนั้นทำยังไงดี ?”
“มีวิธีเดียวเท่านั้น ก็คือจัดการกับเธอซะ แต่ว่าตอนนี้ยังทำอะไรไม่ได้ ต่อให้เดินแคทวอล์คเสร็จแล้วค่อยว่ากัน”อันนาพูดด้วยสีหน้าที่ชั่วร้าย
แลนเซอร์พยักหน้า“ก็คงทำได้แค่นี้แหละ”
เธอมองไปที่ติ๊นา แววตาเต็มไปด้วยคำขอโทษ
เธอไม่เคยวางแผนจะลงมือกับติ๊นาเลย เพราะว่าติ๊นาจะอ่อนแอกว่าเธอเสมอ
แต่ว่าวารุณีงั้นไม่เหมือนกัน ความสามารถวารุณีไม่ได้น้อยไปกว่าเธอเลย หรือแม้แต่จะแข็งแกร่งกว่าเธอด้วยซ้ำ แถมยังเด็กกว่าเธออีก สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ตัวตนของสามีของวารุณีก็ไม่ธรรมดาเลย สามารถโน้มน้าวผู้จัดเกมได้
ถ้าเกิดว่าวารุณีให้สามีของตัวเองยัดใต้โต๊ะเพื่อให้ตัวเองชนะ แล้วพวกเธอก็จะไม่สามารถชนะได้แล้ว
ดังนั้นเธอก็เลยเลือกที่จะจัดการกับวารุณี นอกจากความสามารถของวารุณีแล้วนั้น อีกหนึ่งเหตุผลก็คือภูมิหลังของเธอเอง
เพื่อที่จะขัดขวางไม่ให้วารุณีได้แชมป์ไปเพราะว่าทุนหนา เธอก็ต้องหาวิธีกำจัดวารุณีไปก่อน เชื่อว่าคนอื่นๆที่มีความคิดไม่ดี แล้วจับจ้องไปที่วารุณี ก็เพราะเหตุผลนี้เหมือนกัน
อีกห้องนึงนั้น พนักงานก็ส่งกล่องให้กับวารุณี
วารุณีรับกล่องไป ก็กำลังจะบอกขอบคุณ
แล้วพนักงานคนนั้นก็บอกในสิ่งติ๊นาฝากมาบอกเธอ
วารุณีได้ยินดังนั้นก็ยิ้มออกมา “ขอบคุณนะคะ ฉันเข้าใจแล้ว ขอโทษที่รบกวนด้วยนะ”
“ไม่ต้องเกรงใจไปหรอกค่ะคุณนาย” พนักงานโค้งคำนับด้วยความเคารพแล้วก็เดินออกไป
วารุณีปิดประตู
ลีน่าดึงกล่องในมือของเธอไป “ฉันได้ยินแล้ว ติ๊นานี่เป็นคนดีจังเลยนะ ไม่รู้ว่าผู้หญิงสองคนนั้นทำอะไรกับของในนี้บ้าง”
ตอนที่พวกเธอดูกล้องวงจรปิดนั้น เนื่องจากว่ามีคนบางเอาไว้ เธอก็เลยไม่เห็นในสิ่งที่แลนเซอร์และอันนาทำกับชุดและเครื่องประดับที่อยู่ในกล่อง
“เดี๋ยวดูเอาก็รู้แล้ว”เชอรีนที่แต่งหน้าแต่งตัวเสร็จแล้วก็เดินเข้ามา แล้วก็ยื่นมือไปหากล่องนั้น
แต่ว่าวารุณีคลิปห้ามเธอเอาไว้ “เชอรีน หยุดก่อน”
เชอรีนยังไม่ทันจะยื่นมือเข้าไปข้างใน ก็ดึงมือกลับในทันที “ทำไมหรอ?”
ลีน่าก็มองมาที่เธอเหมือนกัน
วารุณีเม้มปากที่แดงก่ำพร้อมกับพูดว่า “ถึงแม้ว่าอันนากับแลนเซอร์จะพุ่งเป้าหมายมาที่ฉันก็นาน่า แต่ว่าคนที่ใส่ชุดและเครื่องประดับคือเธอเชอรีน เผื่อว่าพวกนั้นจะใส่แมลงมีพิษไว้ หรือทำบางสิ่งที่ทำให้ผิวหนังแท้ออกมา และเธอจะไม่สามารถขึ้นบนรันเวย์ได้หากสัมผัสโดนมัน”
“ถูกต้อง”พอวารุณีพูดแบบนี้ ลีน่าก็ตระหนักได้ในทันที “เชอรีน เธออย่าจับนะ พวกนั้นไม่รู้ว่าชุดและเครื่องประดับในนี้ไม่ใช่สิ่งที่เธอจะใส่จริงๆ ดังนั้นก็เลยทำอะไรบางอย่างกับมัน ฉันคิดว่า เป้าหมายของพวกเธอ คือทำให้เธอไม่สามารถขึ้นบนรันเวย์ ดึกเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นบนรันเวย์มากกว่า ถ้าเป็นแบบนี้คะแนนของฉันกับวารุณีก็จะไม่สูง แล้วก็จะถูกคัดออกได้โดยธรรมชาติ”
“พวกเธอร้ายมากจริงๆ!”เชอรีนโมโหมาก
วารุณีนวดระหว่างคิ้วตัวเอง “เอาน่ะอย่าเพิ่งโมโหไปเลย นาน่า เหลือเวลาไม่เยอะแล้ว พาเชอรีนไปเตรียมตัวที่หลังรันเวย์ก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันจะเอากล่องนี้ไปให้นัทธี ให้เขาไปให้คนมาดูว่าข้างในนี้มันมีอะไรอยู่กันแน่”
“ OK”ลีน่าพยักหน้า
แล้วทั้งสามคนก็แบ่งกันไปทำหน้าที่
วารุณีถือกล่องนี้ไปที่ห้องพักผ่อน ไปหานัทธีกับลูกสาว 2 คน
เพราะว่าเมื่อกี้ที่พวกเธอดูกล้องวงจรปิดงานเป็นห้องแต่งหน้าของนางแบบหญิง ดังนั้นนัทธีจะเข้ามาก็คงไม่ดีเท่าไหร่มา ก็เลยต้องอยู่กับลูกทั้งสองคนที่นี่
ตอนนี้เอง วารุณีก็มาหาเขาที่ห้องพัก
ไม่นาน เธอก็มาถึงห้องพัก
บอดี้การ์ดที่อยู่หน้าห้องก็เปิดประตูให้กับเธอ
ตอนที่วารุณีเข้ามานั้น ลูกทั้งสองคนนอนหลับอยู่บนโซฟา นัทธีกับมารุตคนหนึ่งยืนคนหนึ่งนั่ง กำลังคุยอะไรบางอย่าง พอเห็นเธอเดินเข้ามาหยุดการสนทนาทันที
“คุณนาย”มารุตพยักหน้าทักทายเธอ
วารุณีตอบกลับเขาด้วยรอยยิ้ม
นัทธีก็ยืนขึ้น แล้วก็ประคองเธอมาตรงที่นั่งของตัวเอง “ถ้าไม่ส่งมาที่นี่ได้ล่ะ งานเดินแบบจะเริ่มแล้วไม่ใช่หรอ?”
“ฉันกับพวกนาน่า จับตามองคนที่มีเจตนาร้ายน่ะ”วารุณีตอบ
นัทธีหรี่ตามอง “ใครหรอ?”
“อันนากับแลนเซอร์ พวกเธอทำอะไรบางอย่างกับชุดปลอมและเครื่องประดับปลอมที่พวกเราจงใจทิ้งไว้ แต่เพราะว่ามันเป็นจุดอับของกล้อง พวกเราก็เลยไม่รู้ว่าพวกเธอทำอะไรกันแน่ แล้วก็ไม่กล้าหยิบออกมาดูด้วย ถ้าเกิดว่ามีพิษหรืออะไรก็คงจะไม่ดีเท่าไหร่ ฉันก็เลยเอามาที่นี่ให้คุณช่วยตรวจสอบหน่อย”
ระหว่างที่พูดอยู่นั้น วารุณีก็เอากล่องวางไว้บนโต๊ะ
นัทธีมองไปที่มารุต
มารุตพยักหน้าในทันที “เข้าใจแล้วครับ เดี๋ยวผมจะให้คนมาตรวจสอบ”
“เดี๋ยวก่อน”วารุณีเรียกเขาไว้
เขาหยุดเดิน“คุณนายมีอะไรจะสั่งเพิ่มไหมครับ?”
“ให้คนอื่นทำดีกว่า เดี๋ยวเชอรีนจะเริ่มเดินแบบแล้ว นี่คือการเดินแบบครั้งแรกตั้งแต่ที่คุณคบกับเธอมา ฉันคิดว่าคุณคงไม่อยากพลาดหรอกใช่ไหม?”วารุณีมองไปที่กล้องดิจิตอลที่แขวนอยู่ตรงหน้าอกของเขาได้รอยยิ้ม
นัทธีเลิกคิ้ว
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง
ตอนนั้นเขาก็ยังสงสัยมากว่าทำไมมารุตถึงได้พกกล้องมาด้วย แต่ว่าถึงแม้ว่าเขาจะสงสัย แต่ว่าเขาก็ไม่เคยถามเรื่องส่วนตัวของคนอื่นมาก่อน ดังนั้นก็เลยไม่คิดอะไรมากมาย
มารุตไม่คิดเลยว่าวารุณีจะอ่านใจของตัวเองออก ฉันเกาหัวเล็กน้อยอย่างเขินอาย และใบหน้าของเขาแดงก่ำ
วารุณีหัวเราะเบาๆ “คุณไปสั่งคนอื่นให้ทำเถอะ ถ้าสั่งเสร็จแล้วก็ไปที่แคทวอล์คนะ เชอรีนแสดงเป็นคนสุดท้าย คุณก็ไม่ควรจะพลาดเหมือนกัน”
“ท่านประธานครับ”มารุตกําหมัดแน่น แล้วก็มองไปที่นัทธีด้วยความตื่นเต้นและคาดหวัง
ถึงแม้ว่าคุณนายจะให้เขาทำแบบนี้ แต่ว่าสุดท้ายแล้วหัวหน้าของเขาก็คือท่านประธาน
เขาต้องได้รับการเห็นด้วยจากท่านประธานเท่านั้นถึงจะกล้าทำ
นัทธีมองไปที่สายตาที่ตักเตือนของวารุณี แล้วก็มองไปที่สายตาที่เต็มไปด้วยความหวังของมารุต สุดท้ายเขาก็เอามือมานวดขมับ “ฟังคุณนายเถอะ”