ตอนที่ 182-1 แสดงฝีมือ

วันต่อมายอดหญิงงามมาเยี่ยมเยียน บอกว่ามีของขวัญแต่งงานชิ้นใหญ่จะมอบให้

ได้ยินว่าวันงานพิธีนางก็ตามยิ่นอ๋องมาร่วมงานด้วย น่าเสียดายก็แต่ไม่อาจเข้ามาถึงเรือนด้านในได้

เดิมทีเฉียวเวยคิดจะเชิญนางเข้าไปที่บ้านชิงเหลียน แต่กลับได้รับการบอกกล่าวว่านางพาบุรุษคนหนึ่งมาด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้คงไม่สะดวกที่จะเข้าออกบ้านชิงเหลียนได้อย่างอิสระ

เฉียวเวยเปลี่ยนไปใส่อาภรณ์สบายๆ แล้วไปต้อนรับแขกคนสำคัญที่โถงรับแขก

ยอดหญิงงามยังคงแข็งแรงกำยำดังเดิม แต่กลิ่นอายของ “ความรัก” ทำให้สีหน้านางดูมีสีสันเพิ่มขึ้นสามส่วน นางเปลี่ยนมาอยู่ในเสื้อผ้าของสตรีต้าเหลียง ท่าทางองอาจของนางทำให้ทุกอย่างดูต่างไป

ข้างกายนางมีบุรุษคนหนึ่งที่ดูแข็งแรงกำยำเช่นเดียวกันยืนอยู่ ใบหน้าสี่เหลี่ยม เครื่องหน้าทั้งห้าคล้ายตกใจจนนึกอยากหนีออกไปจากใบหน้านี้ ทั้งหมดดูเบิกโตไปหมด

ระยะห่างระหว่างตาทั้งสองทำให้เขาดูทึ่มทื่อ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขาถูกอัดจนจมูกเขียวหน้าบวม

เฉียวเวยมองเขาด้วยความแปลกใจ “แม่นางเสี่ยวเวย เขาเป็นใครหรือ”

ยอดหญิงงามตอบว่า “พี่รองของข้า เขาเป็นคนที่ปีนั้นทำเรื่องผิดต่อเจ้า ข้าสั่งสอนเขาแทนเจ้าแล้ว เวลานี้ที่พาเขามาก็เพื่อให้เขาขอโทษเจ้า เป็นอย่างไร ของขวัญแต่งงานชิ้นนี้ไม่เลวเลยกระมัง”

เฉียวเวยมองพี่รอง ตาข้างหนึ่งของพี่รองบวมจนลืมไม่ขึ้น ฟันหน้าก็หักไปซี่หนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเขาถูกอันจนน่วมไปหมด

เป็นของขวัญที่ไม่เลวจริงๆ ดีกว่าพวกแก้วแหวนเงินทองเหล่านั้นมากนัก

พี่รองนั่งเอียงข้างอยู่บนเก้าอี้ราวกับเป็นสะใภ้สาว ไม่อยากสนใจน้องสาวของตนสักนิด

ยอดหญิงงามหยิกหูพี่ชาย บังคับให้เขาหันหน้ากลับมา “นางก็คือแม่นางที่เจ้าทำร้ายเมื่อปีนั้น เจ้าทำนางถูกขับออกจากตระกูล ลูกสองคนที่อยู่กับนางเกือบต้องหิวหาย รีบโขกศีรษะขอโทษนางเร็วเข้า!”

พี่รองลืมตาที่บวมเป่งแล้วเหลือบมองเฉียวเวย “ข้าไม่ได้ทำร้ายนางเสียหน่อย!”

“ยังไม่ยอมรับอีก?” ยอดหญิงงามฟาดอีกฝ่ายให้ทีหนึ่งจนตับม้ามภายในแทบจะปริแตก

พี่รองเอ่ยอย่างหัวเสียว่า “ข้าไม่ได้ทำร้ายนางจริงๆ! สตรีที่ข้าจับตัวมาคราก่อนไม่ใช่นาง!”

เฉียวเวยกับยอดหญิงงามตะลึงงันไปทั้งคู่

พี่รองจับแขนที่ถูกตีจนหักแล้วเอ่ยด้วยความน้อยใจและฉุนเฉียวว่า “สตรีที่งดงามเพียงนี้ ข้าจะไม่เก็บไว้ลิ้มรสเองหรือ เหตุใดถึงต้องเอาไปให้คนอื่นเชยชมด้วย สตรีที่ข้าจับมาเป็นคนที่มีกระเต็มหน้าไปหมด!”

เฉียวเวยขมวดคิ้ว “เจ้าแน่ใจ?”

พี่รองตอบด้วยความเดือดดาลว่า “หากข้าโกหก ขอให้ภรรยาข้าคลอดบุตรออกมาไม่มีรูก้น!”

คนโบราณให้ความสำคัญกับคำสัตย์สาบาน จะไม่ยอมสาบานอะไรง่ายๆ และยิ่งระมัดระวังเรื่องการสาบานแช่งตัวเองเช่นนี้

ในใจเฉียวเวยพลันงุนงงสงสัยไปหมด

หากคืนนั้นคนที่ถูกโยนเข้าไปในกระโจมยิ่นอ๋องเป็นอีกคนหนึ่ง เช่นนั้นเหตุใดนางถึงไปอยู่บนเตียงยิ่นอ๋องได้ แล้วสตรีคนที่พี่รองหามาเล่าไปอยู่เสียที่ใด

เรื่องนี้ดูเหมือนจะกลับไปยังจุดเริ่มต้นอีกครั้ง

เฉียวเวยเอ่ยอย่างใช้ความคิดว่า “ตอนแรกที่ข้ารู้เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้น ข้ายังคิดว่าอาสะใภ้ของข้าเป็นคนทำเพื่อให้มีเหตุผลในการขับข้าออกจากตระกูล นางจะได้ขึ้นมายึดครองทรัพย์สมบัติกับการหมั้นหมายของข้า แต่หลังจากได้สัมผัสใกล้ชิดหลายครั้งข้าก็ได้รู้ว่าไม่ใช่

แต่ต่อให้ไม่ใช่นาง ข้าก็รู้สึกว่าจะต้องมีคนอื่น

ตำแหน่งฮูหยินน้อยตระกูลจีเป็นเนื้อติดมันชิ้นใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง เชื่อว่าต้องมีคนจำนวนมากคิดอยากดึงข้าลงจากหลังม้า เพียงแต่ตอนหลังได้ยินเจ้าบอกว่าพี่รองของเจ้าหาผู้หญิงคนหนึ่งมารับผิดแทน ข้าก็คิดว่าทุกอย่างเป็นเพียงการเข้าใจผิด แต่ดูจากสถานการณ์ในเวลานี้ คงมีคนประสงค์ร้ายข้าแล้วจริงๆ”

ยอดหญิงงามผายมือออก “เวลานี้ความจริงได้ปรากฏแล้ว ความลำบากตลอดหกปีที่เจ้าได้รับ อย่ามาลงกับพี่รองข้าอีกเล่า”

พี่รองพลันหน้าบึ้งตึง: ดังนั้นที่เขาโดนซ้อมก็เจ็บตัวเปล่างั้นสิ…

เมื่อส่งยอดหญิงงามกับพี่ชายกลับไปแล้ว เฉียวเวยเดินออกจากโถงรับแขกด้วยใบหน้าบูดบึ้ง

ชาติชั่วเอ้ย ใครลอบเล่นงานนางกัน

ทางที่ดีอย่าให้นางจับได้เชียวนะ ไม่อย่างนั้นนางจะฉีกร่างคนผู้นั้นให้แหลกเป็นชิ้นๆ เลยคอยดู!

บ้านชิงเหลียนมีคนมากแต่งานน้อย ไม่ยุ่งวุ่นวายเท่าไรนัก ตามปกติหลังมื้อเช้าประมาณหนึ่งชั่วยาม งานภายในเรือนก็ไม่ได้มีอะไรให้ทำมากอีก เวลานี้ใกล้ถึงยามเที่ยง โดยหลักการน่าจะไม่ค่อยมีคนเท่าไร แต่กระนั้นที่น่าแปลกก็คือ ประตูใหญ่บ้านชิงเหลียนมีคนมาออกันอยู่แน่นขนัด ข้างในมีเสียงโหวกเหวกโวยวาย ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

“มีอะไรหรือ” เสียงเฉียวเวยดังขึ้นด้านหลังฝูงชน

หญิงรับใช้ที่อยู่วงด้านนอกสุดพอเห็นนางก็รีบถอยออกไปอยู่ด้านข้าง พวกนางยังไม่ลืมว่าเมื่อวานนี้ฮูหยินคนใหม่ผู้นี้จัดการหญิงรับใช้สองคนไปอย่างไร

เมื่อหญิงรับใช้ทั้งสองเปิดทางให้ ไม่นานคนอื่นๆ ก็เห็นว่าเฉียวเวยมา จึงเปิดทางให้อย่างว่าง่ายเช่นกัน

เฉียวเวยเดินเข้าไปในเรือน ทางเดินเส้นเล็กตรงกลางที่ปูด้วยหินกรวด มีอู๋มามาเอนตัวนอนล้มอยู่พร้อมใบหน้าซีดขาว อู๋มามาพิงอยู่กับอกของปี้เอ๋อร์ ตรงหน้าคนทั้งสองมีเยียนเอ๋อร์ยืนอยู่พร้อมใบหน้าแดงก่ำ

เยียนเอ๋อร์เป็นสาวใช้ขั้นสองของบ้านชิงเหลียน คืนวันแต่งงานนางเป็นคนปรนนิบัติตอนรมกลิ่นหอม

เยียนเอ๋อร์เอ่ยด้วยความร้อนรนและหวาดกลัวว่า “ไม่ใช่ข้า…ไม่ใช่ข้าจริงๆ นะ ข้าไม่รู้ว่าทำไมอยู่ดีๆ นางถึงล้มลงไปได้ ข้าแค่ผลักนางเบาๆ ทีเดียวเท่านั้น!”

ปี้เอ๋อร์มองอีกฝ่ายด้วยสายตาดุดัน “เจ้าโกรธแค้นที่อู๋มามาเอาเรื่องไปรายงานฮูหยินน้อย จึงใช้โอกาสนี้แก้แค้นนางใช่หรือไม่”

“ไม่ใช่นะ ไม่ใช่…” เยียนเอ๋อร์ร้อนรนจนน้ำตาใกล้จะไหลออกมาเต็มที

เฉียวเวยเดินเข้าไปหา “เกิดอะไรกัน”

ทุกคนเงียบกริบ ทำความเคารพนาง

ปี้เอ๋อร์จึงบอกว่า “ฮูหยิน เมื่อครู่เยียนเอ๋อร์ไม่รู้พูดอะไรกับอู๋มามา จู่ๆ อู๋มามาก็ตัวแข็งไป สองขาขยับไม่ได้เลยเจ้าค่ะ!”

เมื่อวานอู๋มามาเอาพวกนางมา “ขาย” พวกนางนึกแค้นเคืองอยู่ในใจ จะบอกว่านางทำให้อู๋มามาล้มก็ใช่ว่าจะอธิบายไม่ได้ แต่เฉียวเวยอ่านสีหน้าเยียนเอ๋อร์แล้วไม่เหมือนว่านางกำลังโกหก

เยียนเอ๋อร์คับแค้นใจในตัวอู๋มามานั้นเป็นเรื่องจริง ดังนั้นตอนเดินมาเห็นอู๋มามาขวางทางตนอยู่ นางจึงทนไม่ไหวผลักอีกฝ่ายให้ทีหนึ่ง แต่ก็เพียงเท่านั้นจริงๆ เรื่องอื่นนางไม่ได้ทำทั้งสิ้น

อู๋มามาไม่เคยพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนจึงตกใจจนร้องไห้เสียงดัง นางก็คิดว่าเป็นเยียนเอ๋อร์ที่ทำร้ายนาง จึงร้องไห้พลางตะโกนด่าว่าไปด้วย

เฉียวเวยย่อตัวลงไปจับข้อมืออู๋มามาขึ้นมาจับชีพจรให้นาง ตามด้วยใช้นิ้วจิ้มที่ขาข้างขวา “รู้สึกอะไรหรือไม่”

อู๋มามาร้องไห้พลางส่ายหน้า

“ที่นี่เล่า” เฉียวเวยจิ้มไปที่น่อง

อู๋มามายังคงส่ายหน้า

เฉียวเวยเลยถามว่า “ช่วงนี้เจ้ารู้สึกร่างกายอ่อนแรงบ้างหรือไม่”

อู๋มามายังคงส่ายหน้า

เฉียวเวยถามต่อ “เช่นนั้นมีอาเจียน ไม่อยากอาหาร หรือบางครั้งรู้สึกว่าหัวใจตัวเองเต้นเร็วผิดปกติบ้างหรือไม่”

อู๋มามาไม่รู้ส่ายหน้าเป็นครั้งที่เท่าไรแล้ว