บทที่ 624 สองอริยะจากสำนักซ่อนเร้น

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 624 สองอริยะจากสำนักซ่อนเร้น

วันเวลาเคลื่อนคล้อย

ผ่านไปอีกหนึ่งพันปี

หานเจวี๋ยนั่งขัดสมาธิบนบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักร เริ่มตรวจดูจดหมาย

[หยางตู๋สหายของท่านได้รับการชี้แนะจากอริยะลึกลับ พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]

[จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านผสานรวมกับพลังแห่งมรรคาสวรรค์สำเร็จ ควบคุมพลังแห่งมรรคาสวรรค์ได้]

[หานทั่วบุตรชายของท่านเข้าสู่แดนต้องห้ามอันธการ]

[สือตู๋เต้าสหายของท่านเผชิญกับคำสาปแช่งลึกลับ]

[ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงสหายของท่านเผชิญกับคำสาปแช่งลึกลับ]

[เทพสูงสุดอู๋ฝ่าสหายของท่านเผชิญกับคำสาปแช่งลึกลับ]

….

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว

เหตุใดหานทั่วถึงออกจากแดนเซียนไปอีกแล้ว

หานเจวี๋ยนับนิ้วทำนายดู อดถอนหายใจไม่ได้

เหตุผลที่เด็กคนนี้ออกจากแดนเซียน ก็เพื่อไปช่วยอี๋เทียน

แม้แต่ชีวิตก็ไม่สนใจแล้ว

หานเจวี๋ยไม่ได้วิจารณ์อะไร ทุกคนล้วนมีคนสำคัญที่สุดของตนอยู่

หากว่าหานทั่วถูกอริยะจับตัวไปอีกครั้ง หานเจวี๋ยไม่มีทางไปช่วยเขาอีก

เขาเคยกำชับไปแล้ว หานทั่วยังกล้าออกไปอีก เช่นนั้นก็ต้องรับผิดชอบผลจากการกระทำของตัวเอง

เขาตรวจดูจดหมายต่อ พบว่าระยะนี้เหล่าอริยะล้วนเผชิญกับคำสาปแช่งลึกลับทั้งสิ้น ยกเว้นเขาคนเดียว

‘เหตุใดข้าถึงไม่โดนสาปแช่ง’ หานเจวี๋ยถามในใจ

[อาณาเขตเต๋าปิดกั้นผลกรรมจากการสาปแช่ง]

หานเจวี๋ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง อาณาเขตเต๋ายอดเยี่ยมจริงๆ

‘ข้าอยากทราบว่าเป็นผู้ใดที่สาปแช่งเหล่าอริยะ’ หานเจวี๋ยซักถามในใจต่อไป

[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งแสนหกหมื่นล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

จากนั้น ผู้คนมากหน้าหลายตาพลันปรากฏขึ้นในสมองหานเจวี๋ย

[โพธิสัตว์จุนที: อริยะมหามรรค มหาจักรพรรดิไร้ขอบเขต ผู้ก่อตั้งสำนักพุทธ เนื่องจากท่านตัดขาดบ่วงกรรมระหว่างเขาและฉิวซีไหล จึงเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 5 ดาว]

[มหาจักรพรรดิเซียว: เซียนทองต้าหลัวเบิกฟ้าระยะกลาง อริยะมรรคาสวรรค์ หนึ่งในบรรพชนแห่งเผ่ามาร ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 3 ดาว]

[อินกั่วเทียน: ดวงจิตมหามรรค จำแลงมาจากมหามรรคแห่งกรรม ภายหลังถูกปรมาจารย์ลัญจกรสรวงควบคุม ชิงต้นกำเนิดมหามรรคไป เกลียดชังอาฆาตมรรคาสวรรค์ เนื่องจากท่านขัดขวางแผนการทำลายมรรคาสวรรค์ จึงเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 4 ดาว]

[เต้าปู้หวัง: นักพรตเต๋าผู้หลุดพ้น มหาจักรพรรดิไร้ขอบเขต หนึ่งในสิ่งมีชีวิตกลุ่มแรกในยุคเบิกฟ้า เนื่องจากถูกมรรคาสวรรค์ขับไล่ไปในมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต จึงเป็นอริกับมรรคาสวรรค์ เนื่องจากท่านขัดขวางแผนการทำลายมรรคาสวรรค์ จึงเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 2 ดาว]

….

หานเจวี๋ยพูดไม่ออก ไม่คิดเลยว่าจะมีคนสวมรอยเป็นเขาถึงสี่คน ล้วนเป็นตัวตนที่เทียบเคียงกับระดับมหามรรคได้ทั้งสิ้น

นี่ก็นับว่าเป็นเรื่องดี พูดให้ชัดคือผู้ทรงพลังเหล่านี้มิได้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

หานเจวี๋ยเหลือบมองหลี่เต้าคงที่อยู่ด้านข้าง

หลี่เต้าคงใกล้จะพิสูจน์มรรคสำเร็จแล้ว สังขารยกระดับขึ้นสู่ระดับอริยะแล้ว ดวงวิญญาณอยู่ห่างจากการเปลี่ยนแปลงให้สำเร็จสมบูรณ์เพียงก้าวเดียวเท่านั้น

หานเจวี๋ยเองก็ค่อนข้างตื่นเต้นเช่นกัน หลี่เต้าคงคืออริยะรายแรกที่เขาชุบเลี้ยงขึ้นมา!

เจ็ดสิบหกปีต่อมา

ระลอกพลังอันยิ่งใหญ่เทียมฟ้าเข้าปกคลุมปวงสวรรค์หมื่นโลกา

“ข้า หลี่เต้าคงแห่งสำนักซ่อนเร้น วันนี้อาศัยพลังพิสูจน์มรรค พิสูจน์มรรคผลแห่งอริยะ ข้าจะปกป้องคุ้มครองศิษย์แห่งสำนักซ่อนเร้น ดูแลความเรียบร้อยในสำนักซ่อนเร้น รับผิดชอบพิทักษ์รักษาให้จงได้!”

สรรพสิ่งต่างพากันแตกตื่น!

มีคนพิสูจน์มรรคสำเร็จอีกแล้ว!

สำหรับหลี่เต้าคง สรรพสิ่งต่างไม่รู้สึกแปลกหน้าห่างเหินเลย เนื่องจากหลี่เต้าคงมักจะครอบครองลำดับแรกบนทำเนียบดวงชะตามรรคาสวรรค์มาโดยตลอด แต่ไม่คิดเลยว่าจะมีอริยะถือกำเนิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดคือในอดีตที่ผ่านมาอริยะล้วนประกาศปณิธานอันยิ่งใหญ่ ปฏิญาณต่อมรรคาสวรรค์ ทว่าหลี่เต้าคงกลับปฏิญาณต่อสำนักซ่อนเร้น…

สำนักซ่อนเร้นก่อระลอกคลื่นขึ้นอีกครั้ง

กลุ่มอิทธิพลต่างๆ ในแดนเซียนล้วนตกตะลึง

ในวันนั้น หลี่เต้าคงขึ้นสู่ชั้นฟ้าที่สามสิบสาม เริ่มสร้างอาณาเขตเต๋าขึ้น

อริยะรายอื่นๆ ก็พากันมาแสดงความยินดี

สีหน้าสือตู๋เต้าไม่น่ามองยิ่งนัก เนื่องจากหลี่เต้าคงตามราวีเขามาตลอด ไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะสำเร็จเป็นอริยะได้ ไม่นึกเลยว่าหลี่เต้าคงจะไล่ตามมาอีก

เป็นอย่างที่คาดจริงๆ พอหลี่เต้าคงมองเห็นสือตู๋เต้าประโยคแรกที่เอ่ยคือ “เฮอะ พวกเรายังไม่รู้ผลแพ้ชนะ วันหน้ามาประลองกันต่อ!”

สือตู๋เต้านิ่งเงียบ ไม่ปริปากตอบ

เทพสูงสุดหนานจี๋เอ่ยด้วยความสะท้อนใจ “สำนักซ่อนเร้นปรากฏอริยะขึ้นสองรายแล้ว ศิษย์หลานเต้าคง ต่อไปเจ้าก็ต้องรับผิดชอบดูแลปกป้องมรรคาสวรรค์ด้วยเช่นกัน”

สำหรับเทพสูงสุดหนานจี๋ เจ้านิกายเทียนเจวี๋ย มหาจักรพรรดิเซียวและฉิวซีไหลแล้ว หลี่เต้าคงมิใช่คนแปลกหน้าเลย

ศิษย์เอกของหลี่มู่อี คุณสมบัติของเขาเคยทำให้พวกเขานึกริษยาอย่างยิ่ง จนกระทั่งวันนี้ พวกเขาก็ยังรู้สึกว่าคุณสมบัติของหลี่เต้าคงยังคงเป็นหนึ่งมิมีสองอยู่

หลี่เต้าคงเอ่ยว่า “ย่อมเป็นเช่นนั้น ในสถานการณ์ปกติทั่วไปข้าจะเอาท่านเจ้าสำนักเป็นเยี่ยงอย่าง ตั้งใจฝึกบำเพ็ญ ทุกท่านไม่จำเป็นต้องกังวลเลยว่าข้าจะก่อเรื่องวุ่นวาย”

เหล่าอริยะพยักหน้ารับ ต่างโล่งอกอยู่ในใจ

พวงเขาล้วนหวาดหวั่นว่าพอหลี่เต้าคงพิสูจน์มรรคสำเร็จ จะกระทำการอุกอาจกับกระดานมรรคาสวรรค์ โชคดีที่หลี่เต้าคงเจริญรอยตามหานเจวี๋ย เป็นผู้อุตสาหะเพียรบำเพ็ญ

ถึงแม้สำนักซ่อนเร้นจะแทรกซึมเข้าสู่กลุ่มอิทธิพลต่างๆ แต่ไม่ได้เข้าครอบงำภาพรวมของมรรคาสวรรค์เลย ซึ่งนี่ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่เหล่าอริยะไม่เพ่งเล็งสำนักซ่อนเร้นอีก

แน่นอน สาเหตุสำคัญที่สุดคือสู้เขาไม่ได้นั่นเอง

“ตำแหน่งในมรรคาสวรรค์เหลือเพียงที่เดียวแล้ว เมื่อครบเก้าตำแหน่ง ดวงชะตามรรคาสวรรค์เติมเต็มสมบูรณ์ พวกเราถึงจะวางใจฝึกบำเพ็ญได้” จอมอริยะเสวียนตูเปิดปากเอ่ย

สือตู๋เต้าถามด้วยความแปลกใจ “ครบเก้าคนแล้วมิใช่หรือ”

เทพสูงสุดหนานจี๋ ฉิวซีไหล เจ้านิกายเทียนเจวี๋ย มหาจักรพรรดิเซียว เทพสูงสุดอู๋ฝ่า สือตู๋เต้า หลี่เต้าคง เจ้าสำนักซ่อนเร้น!

เก้าคนพอดี!

เจ้านิกายเทียนเจวี๋ยส่ายหน้าก่อนตอบ “สหายเต๋าหานมิใช่อริยะมรรคาสวรรค์ ถึงแม้เขาจะอยู่ในขอบเขตมรรคาสวรรค์ ทว่ามิได้ถูกดวงชะตามรรคาสวรรค์ผูกมัดไว้”

เรื่องนี้พวกเขาก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน

หานเจวี๋ยทำได้อย่างไรกันแน่

พิสูจน์มรรคในขอบเขตมรรคาสวรรค์ ทว่ากลับไม่ถูกมรรคาสวรรค์ผูกมัด

สือตู๋เต้าเงียบไป สนใจใคร่รู้ในตัวเจ้าสำนักซ่อนเร้นยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ก่อนหน้านี้หานเจวี๋ยติดต่อกับเขาด้วยฐานะของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้จักเจ้าสำนักซ่อนเร้น

“อีกเรื่องหนึ่ง ระยะนี้เจ้าแดนต้องห้ามอันธการจับตามองพวกเราอยู่ หากพวกเจ้าถูกสาปแช่ง ต้านรับไม่ไหว สามารถมาขอความช่วยเหลือจากพวกเราได้ ด้วยสภาพของมรรคาสวรรค์ในยามนี้รองรับการส่งอริยะมาแทนที่ไม่ไหวแล้ว” จอมอริยะเสวียนตูเอ่ยเตือน

เจ้าแดนต้องห้ามอันธการ…

แววตาสือตู๋เต้าวูบไหว เขาลอบคิดอยู่ในใจ ‘ขออภัยด้วย ข้าคงต้องเลือกอยู่ฝ่ายเดียวกับเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ’

ถึงแม้ปราณม่วงอนธการที่เขาได้รับจะมิได้มาจากเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ แต่อริยะท่านนั้นที่มอบปราณม่วงอนธการให้เขาก็คงไม่มีเจตนาดีเช่นกัน

เมื่อเทียบกับอริยะมากเล่ห์แล้ว เขาชื่นชอบเจ้าแดนต้องห้ามอันธการมากกว่า

เหล่าอริยะพูดคุยกันอยู่สักพัก จากนั้นก็แยกย้ายกันไป

….

สามร้อยปีต่อมา

“ข้า ฟางเหลียง จักรพรรดิสวรรค์แห่งวังสวรรค์ ผู้สถาปนาสำนักวิถีสวรรค์ ข้าจะตรากฎควบคุมความเป็นระเบียบเรียบร้อยในมรรคาสวรรค์ แบ่งแยกดีชั่ว นำพาสรรพสิ่งให้ก้าวเดินไปในเส้นทางคุณธรรม!”

เสียงของฟางเหลียงพลันแว่วดังไปทั่วปวงสวรรค์หมื่นโลกา ทำให้สรรพสิ่งตกตะลึงอีกครั้ง มีอริยะกำเนิดขึ้นอีกแล้ว!

เหล่าอริยะตกใจยิ่ง ไม่คิดเลยว่าฟางเหลียงจะกลายเป็นอริยะมรรคาสวรรค์คนสุดท้าย!

แดนเซียน ณ สำนักแยกนภา

ภายในพระราชวังหลังหนึ่ง

บุรุษชุดดำผู้หนึ่งพลันลืมตาขึ้น แสดงสีหน้าราวกับคาดไม่ถึงออกมา

“เป็นไปได้อย่างไร! สมควรจะเป็นข้ามิใช่หรือ”

เขาก็คือต้าซั่นเทียน!

อริยะเคยรับปากว่าจะเกื้อหนุนให้เขาสำเร็จเป็นอริยะ เขานึกว่าตำแหน่งของตนมั่นคงแล้วเสมอมา จะสำเร็จเป็นอริยะได้ต้องมีปราณม่วงอนธการ ในเมื่ออริยะจะมอบปราณม่วงอนธการสายสุดท้ายให้แก่เขา เช่นนั้นเขาก็ต้องได้เป็นอริยะอย่างแน่นอน

ผลลัพธ์น่ะหรือ…

ปฏิกิริยาแรกของต้าซั่นเทียนคือเขาถูกหลอกต้มเสียแล้ว

ไม่ได้!

จะต้องทวงความเป็นธรรม!

ต้าซั่นเทียนพลันเคลื่อนกาย มุ่งหน้าสู่ชั้นฟ้าที่สามสิบสาม

เวลานี้ เหล่าอริยะรวมตัวอยู่ในตำหนักเอกภพ นอกจากหลี่เต้าคงและสือตู๋เต้าแล้ว อริยะหน้าเก่าๆ ล้วนมาถึงแล้ว

“เกิดอะไรขึ้น ฟางเหลียงพิสูจน์มรรคได้อย่างไร” เทพสูงสุดหนานจี๋ถามเสียงขรึม

สถานการณ์แปลกประหลาดนัก

ปราณม่วงอนธการยังอยู่ในการดูแลของพวกเขาอยู่เลย!

………………………………………………………………