บทที่ 623 พิสูจน์มรรค! พิสูจน์มรรค!

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 623 พิสูจน์มรรค! พิสูจน์มรรค!

“ขอบคุณเจ้าสำนัก!”

หลี่เต้าคงฝืนข่มความตื่นเต้นเอ่ยขอบคุณ เขารู้ว่าหานเจวี๋ยคิดช่วยเหลือให้เขาสำเร็จเป็นอริยะ แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้

ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีอริยะท่านใดบ้างที่ไม่ผ่านพ้นมหาเคราะห์หลายต่อหลายครั้ง อายุยาวนานนับศักราช

ด้วยอายุของหลี่เต้าคงหากเทียบกับผู้ที่อยู่ในระดับเดียวกันแล้ว นับว่าอ่อนเยาว์นัก

หานเจวี๋ยหลับตาลง กระตุ้นมหามรรคต้นกำเนิดเข้าโอบคลุมหลี่เต้าคง

แม้ว่าหลี่เต้าคงจะเป็นครึ่งอริยะ ก็ไม่สามารถต้านทานกระแสความคิดของอริยะเสรีได้ เขาแข็งทื่อไปทั้งตัว เข้าสมาธิตามสัญชาตญาณ จมจ่อมสู่สภาวะตระหนักมรรค

หานเจวี๋ยไม่จำเป็นต้องเทศนาธรรมให้หลี่เต้าคง แค่ต้องแผ่มหามรรคต้นกำเนิดออกไปเท่านั้น เขาก็ฝึกบำเพ็ญต่อเช่นกัน

วันเวลาเคลื่อนคล้อยไป

ผ่านไปปีแล้วปีเล่า

ทำเนียบดวงชะตามรรคาสวรรค์มีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด หลังจากฟางเหลียงก่อตั้งวิถีสวรรค์ขึ้น สรรพสิ่งมรรคาสวรรค์ก็แห่แหนกันไปเข้าร่วม แม้แต่โลกมนุษย์ในปวงสวรรค์ก็มีร่องรอยของศิษย์แห่งวิถีสวรรค์แล้ว ดวงชะตาของเขาเองก็เพิ่มพูนขึ้น

จนกระทั่งวันหนึ่ง จู่ๆ เขาก็ครองอันดับแรกบนทำเนียบดวงชะตามรรคาสวรรค์ เขี่ยต้าซั่นเทียนลงไป

สรรพสิ่งพากันแตกตื่นฮือฮา

วิถีสวรรค์กลายเป็นสำนักที่มีชื่อเสียงเลื่องลือที่สุดไปทันที มีศิษย์เข้าร่วมกับวิถีสวรรค์มากขึ้นเรื่อยๆ ฟางเหลียงล้วนรับไว้ทั้งสิ้น แต่หากเข้าสู่วิถีสวรรค์แล้วยังก่อกรรม เขาจะลงโทษอย่างหนัก ทำให้วิถีสวรรค์ยิ่งขึ้นชื่อในเรื่องคุณธรรม

หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ฟางเหลียงมีโอกาสสำเร็จเป็นอริยะคนใหม่มากที่สุด!

การแข่งขันช่วงชิงระหว่างฟางเหลียงและต้าซั่นเทียน ทำให้สรรพสิ่งมองข้ามรายชื่อหนึ่งไป

สือตู๋เต้า!

หลังจากได้รับปราณม่วงอนธการ ดวงชะตาของสือตู๋เต้าก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาเรื่อยๆ ฝ่าเข้าสู่สิบอันดับแรกอย่างเงียบเชียบ

สี่พันปีผ่านไป

“ข้า สือตู๋เต้า อาศัยวิถีไร้พ่ายพิสูจน์มรรคผลเบิกฟ้า ขอประกาศฉายาธรรม อริยะเอกะวิถี จะก่อตั้งอาณาเขตไร้พ่ายขึ้น ผู้ที่เข้าสู่อาณาเขตไร้พ่ายจะได้รับการคุ้มครองจากดวงชะตาของข้า!”

ครืน!

ปวงสวรรค์แดนเซียนไหวสะเทือน สรรพสิ่งต่างรับรู้ถึงแรงกดดันมหาศาลที่ปกคลุมฟ้าดิน เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไป พลันเห็นลำแสงสายหนึ่งที่จรดเชื่อมฟ้าดิน พุ่งทะลุเมฆหมอก ไม่อาจทราบได้ว่าสูงเท่าไร

นั่นคือสือตู๋เต้า!

สือตู๋เต้าที่พิสูจน์มรรคสำเร็จค่อยๆ ลอยขึ้นไปท่ามกลางแรงกุศลมรรคาสวรรค์ สรรพสิ่งในแดนเซียนล้วนคุกเข่าคารวะอริยะ หวังจะได้รับความเอ็นดูจากอริยะ

เขาทะลุผ่านชั้นฟ้าขึ้นไปเรื่อยๆ เหล่าผู้ทรงพลังในแต่ละชั้นฟ้าต่างออกมาร่วมแสดงความยินดี

ใบหน้าสือตู๋เต้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ ตระหนักรู้ถึงมรรคผลแห่งอริยะมรรคาสวรรค์

‘นี่น่ะหรืออริยะ’

สือตู๋เต้าสะท้อนใจอยู่ภายใน ไม่แปลกใจเลยที่กล่าวกันว่าผู้อยู่ต่ำกว่าอริยะล้วนเป็นมดปลวก เมื่อสำเร็จเป็นอริยะ เขาสัมผัสได้ว่าตนก้าวข้ามอดีตมาแล้ว หากตัวเขาในอดีตปรากฏตัวต่อหน้าตัวเขาในปัจจุบัน เขาสามารถขยี้ให้ตายได้ด้วยนิ้วเดียว

จู่ๆ เขาก็รู้สึกอยากหัวเราะออกมา

ตัวเขาในอดีตหาญกล้าไปท้าทายอริยะ ต้องขอบคุณที่กฎเกณฑ์มรรคาสวรรค์ผูกมัดอริยะไว้ มิเช่นนั้นเขาคงตายไปนานแล้ว

ไม่นานนัก สือตู๋เต้าก็มาถึงชั้นฟ้าที่สามสิบสาม เหล่าอริยะต่างมาร่วมแสดงความยินดี ไม่สนเรื่องลำดับอาวุโส เมื่อสือตู๋เต้าพิสูจน์มรรคสำเร็จ ก็ถือว่าอยู่ในระดับเดียวกันกับพวกเขา ในอนาคตอีกยาวไกล พวกเขายังต้องร่วมกันดูแลจัดการมรรคาสวรรค์อีก

ณ เขตเซียนร้อยคีรี

ภายในอารามเต๋า

หลี่เต้าคงขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าฉายแววไม่สบอารมณ์

เขาไม่คิดเลยว่าสือตู๋เต้าจะนำหน้าพิสูจน์มรรคไปก่อน

หลายหมื่นปีมานี้ ทั้งสองต่อสู้กันเป็นประจำ แม้จะไม่ได้ผูกอาฆาตเกลียดชัง แต่ก็มิได้เป็นมิตรมีไมตรีต่อกัน

ทั่วทั้งแดนเซียน คนที่ทำให้หลี่เต้าคงมองเป็นศัตรูได้มีน้อยยิ่ง สือตู๋เต้าก็คือหนึ่งในนั้น

นอกเหนือจากบรรพจารย์ซานชิงแล้ว สือตู๋เต้าคืออันดับหนึ่งรองลงมาจากอริยะแน่นอน แม้แต่หลี่เต้าคงก็ยังต้องยอมรับ

หานเจวี๋ยเอ่ย “ตาเจ้าแล้ว”

ไม่นานนัก หลี่เต้าคงก็ทะลวงขั้นบรรลุครึ่งอริยะระยะสมบูรณ์ เหลือแค่พิสูจน์มรรคเท่านั้น

หานเจวี๋ยนำปราณม่วงอนธการสายหนึ่งออกมา ปราณม่วงอนธการสายนี้ได้รับการชำระล้างแล้ว ให้หลี่เต้าคงใช้อย่างสบายใจได้

“ข้าจำเป็นต้องประกาศปณิธานอันยิ่งใหญ่หรือไม่” หลี่เต้าคงรับปราณม่วงอนธการมา พลางถามอย่างระมัดระวัง

หานเจวี๋ยกล่าว “ไม่จำเป็น เขาเทพปู้โจวรับสืบทอดดวงชะตาอันยิ่งใหญ่ของเจ้าแล้ว เจ้าอาศัยพลังพิสูจน์มรรคได้ แต่ด้วยฐานะของเจ้าหากเป็นอริยะมรรคาสวรรค์ จะแข็งแกร่งกว่าอริยะรายอื่นที่มีผลกุศล”

ตลอดเส้นทางการบำเพ็ญของหลี่เต้าคงดูดซับดวงชะตามรรคาสวรรค์มากมายเกินไป หลังจากพิสูจน์มรรคสำเร็จก็ไม่อาจตัดขาดความเกี่ยวข้องกับมรรคาสวรรค์ได้ มีแต่ต้องเป็นอริยะมรรคาสวรรค์เท่านั้น

แต่หานเจวี๋ยกลับต่างออกไป วิถีบำเพ็ญของเขาไม่พึ่งพาดวงชะตามรรคาสวรรค์ แรงกุศลมรรคาสวรรค์ที่ได้รับล้วนถูกเขาเก็บรักษาแยกไว้ส่วนตัว ดังนั้นตบะของเขาจึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับมรรคาสวรรค์เลย

ด้านพลังวิญญาณของต้นฝูซัง ก็ไม่เกี่ยวข้องกับมรรคาสวรรค์เช่นกัน ถูกปิดกั้นด้วยอาณาเขตเต๋า

“เริ่มดูดซับปราณม่วงอนธการเถอะ ข้าจะเทศนาธรรมให้เจ้า ช่วยเกื้อหนุนเจ้าอีกแรง”

หานเจวี๋ยสั่งการ หลี่เต้าคงปรับสภาพอารมณ์ทันที

มหามรรคต้นกำเนิดชักนำหลี่เต้าคงเข้าสู่สภาวะตระหนักมรรคอีกครั้ง หานเจวี๋ยเคยพิสูจน์มรรคมาก่อน ทราบดีว่าต้องพิสูจน์มรรคอย่างไร เขาอาศัยมหามรรคต้นกำเนิดชักนำพลังเวทของหลี่เต้าคงดำเนินการฝ่าทะลวง

การพิสูจน์มรรคมิใช่การทะลวงระดับทั่วๆ ไป แต่เป็นการยกระดับร่างกายและจิตวิญญาณในคราวเดียว จำเป็นต้องใช้เวลา

….

ณ ห้วงอวกาศกว้างไพศาล ดาวหางขนาดมหึมาดวงหนึ่งลอยโดดเดี่ยวอยู่ในมุมหนึ่ง

บนดาวหาง ทรายเหลืองแผ่ปกคลุม ไร้ซึ่งวารี ท้องนภาถูกพายุทรายบดบัง ราวกับฉากวันสิ้นโลก

หยางตู๋นั่งอยู่กลางเนินเขา พายุทรายรอบๆ ถูกพลังอันไร้รูปลักษณ์ดีดกระเด็นออกไป

เขาบาดเจ็บสาหัส ทรวงอกโหว่เป็นโพรงใหญ่ เผยให้เห็นกระดูกขาวโพลน น่าสยดสยองอย่างยิ่ง มีปราณโลหิตพิสดารพัวพันอยู่ที่บริเวณปากแผล ทำให้เขาไม่สามารถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้

หยางตู๋หอบหายใจ แววตาขุ่นมัว เงียบงันไม่เอ่ยวาจา

เวลานี้เอง ห้วงอากาศด้านหน้าเขาเริ่มบิดเบี้ยวคล้ายกับวังน้ำวน ร่างร่างหนึ่งค่อยๆ โผล่ออกมา

เป็นเงาแสงร่างหนึ่ง มองเห็นเพียงว่าเป็นร่างคล้ายมนุษย์เท่านั้น ไม่อาจมองเห็นใบหน้าที่แท้จริงได้

หยางตู๋เปิดปากเอ่ย “ลงมือเถอะ ข้าไร้ทางหลบหนีแล้ว”

พูดจบเขาก็หลับตาลง

เขายอมรับชะตากรรมแล้ว

เงาแสงลึกลับเอ่ยหยอกล้อ “หยางตู๋ ช่างสมกับที่เป็นหนึ่งในผู้กลับชาติมาเกิดสุดแข็งแกร่งของมิติวัฏจักร เหตุใดถึงหักหลังมิติวัฏจักรเสียเล่า”

หยางตู๋แค่นเสียง “ใช่แล้ว เจ้าบอกว่าข้าคือผู้กลับชาติมาเกิดสุดแข็งแกร่ง แต่อยู่ในมิติวัฏจักรข้านับว่าเป็นตัวอันใดเล่า? ยังคงเป็นมดปลวกที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนเสี่ยงชีวิต ต้องรับภารกิจอยู่เรื่อยๆ หากทำผิดกฎ ข้าก็ต้องรับบทลงโทษ แล้วชีวิตข้าจะยังมีความหมายอันใด”

“วันนี้เจ้าสังหารข้าเสียจะดีที่สุด มิเช่นนั้นหากข้าพบผู้กลับชาติมาเกิดเมื่อไรก็จะฆ่าเมื่อนั้น เข่นฆ่าไปจนกว่ามิติวัฏจักรจะไร้ผู้คน!”

น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม

เงาแสงลึกลับเงียบไป

ผ่านไปพักใหญ่

เงาแสงลึกลับถามขึ้น “จะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง หากเจ้ายอมสยบต่อมิติวัฏจักร ข้าจะช่วยพูดให้เจ้า ให้เจ้าได้ก่อร่างสร้างตัวในมิติวัฏจักรอีกครั้ง อย่าลืมเสียเล่า หากไร้ซึ่งมิติวัฏจักร เจ้าก็สิ้นชีพไปนานแล้ว ไหนเลยจะอยู่รอดได้เนิ่นนานปานนี้ ไหนเลยจะได้เสพสุขกับลาภยศและอำนาจเช่นนี้”

“แม้อยู่ในมิติวัฏจักรเจ้าจะมีฐานะต่ำต้อย แต่ในแดนเซียนพิภพฐานะของเจ้าไม่ต่ำต้อยเลย! คนเราไม่ควรลืมกำพืด!”

หยางตู๋ได้ฟังก็ตะโกนด่าทอ “ช่างหัวมิติวัฏจักรสิวะ! จะฆ่าก็ฆ่าเลย!”

เขาโมโหจนหลุดคำสบถของดาวโลกออกมา

เงาแสงลึกลับทนไม่ไหวแล้ว เอ่ยขึ้นมา “ได้ เช่นนั้นเจ้าก็ไปตายเสีย!”

หยางตู๋ท่าทางพร้อมรับความตาย เชิดหน้าเหยียดตัวตรง

ทว่าเงาแสงลึกลับมิได้สังหารเขา

เงาแสงลึกลับพลันเบี่ยงประเด็น เอ่ยว่า “ดูเหมือนเจ้าตัดสินใจออกจากมิติวัฏจักรแล้วจริงๆ เยี่ยมมาก เช่นนั้นก็เข้าร่วมมิติไร้ขอบเขตของพวกเราเถอะ ขอเพียงเจ้าทำผลงานได้ดี ข้าสามารถทำให้เจ้าหลุดพ้นจากวงจรการรับภารกิจได้ กลายเป็นเทพที่อยู่สูงส่งเหนือปวงชน”

หยางตู๋เบิกตากว้าง สีหน้าตื่นตะลึง

เงาแสงลึกลับโบกมือคราหนึ่ง บาดแผลของหยางตู๋หายดีทันที

“หรือว่าเจ้าอยากตายจริงๆ ไม่อยากล้างแค้นมิติวัฏจักรหรือ” เงาแสงลึกลับถาม

หยางตู๋เงียบไป ผ่านไปหลายวินาที เขากัดฟันตอบ “ได้! ข้าจะเข้าร่วมมิติไร้ขอบเขต!”

………………………………………………………………