บทที่ 653 ตัวตลกก็คือตัวเอง

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ๋องเย๋ออกศึกไม่เคยพาผู้หญิงไปด้วย

แม้จะไม่เคยออกศึกพร้อมกันอ๋องเย่มาก่อน แต่เรื่องของอ๋องเย่เขาก็ได้เคยทำความเข้าใจมาโดยเฉพาะ

หลังจากยืนยันกับทหารไปหลายครั้ง แม่ทัพเหยียนก็รู้สึกหวั่นไหวกับการคาดเดาของตัวเอง

ทหารได้จัดที่พักสำหรับอ๋องเย่ตั้งแต่เนิ่นๆ เนื่องจากมีทหารและม้าจำนวนมาก ที่พักที่จัดไว้จึงไม่สะดวกสบายเหมือนกับในจวน

จุดนี้เย่แจ๋หยิ่งไม่ได้สนใจ

เพียงแค่เอ่ยปากให้คนที่มากับเขาเข้ามาพักในห้องเดียวกัน แบบนี้จะได้ไม่เปลืองห้อง และก็สามารถมองเห็นหลานเยาเยาทุกวันด้วย

คนที่จัดการก็ไม่คัดค้านอยู่แล้ว

เดินทางมาเหน็ดเหนื่อย กองกำลังต้องการพักผ่อน

หลังจากจัดแบ่งห้องพักเรียบร้อยแล้ว เย่แจ๋หยิ่งตัดสินใจไปเยี่ยมแม่ทัพเหยียนที่บาดเจ็บสาหัส เขาให้หลานเยาเยานอนพัก

เพียงแต่เมื่อเย่แจ๋หยิ่งไปแล้ว

ก็มีคนมาหาถึงที่ เป็นรองแม่ทัพคนหนึ่ง หน้าตาถือว่าใช้ได้ มีตามีจมูก รูปร่างไม่สูงใหญ่เหมือนคนทั่วไป แต่ก็สูงมากทีเดียว

เขายกน้ำชามาด้วยตัวเอง หน้าตากระตือรือร้นมาก

ตอนเข้ามา เขาถูกใบหน้าที่สวยงามของหลานเยาเยาทำให้ตะลึง แล้วมองผิวที่เนียนอ่อนเยาว์ของนาง เหมือนไม่เคยทำงานมาก่อน ก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว

เกิดมามีรูปโฉมที่งดงาม

สามารถทำให้คนที่สูงศักดิ์อย่างอ๋องเย่ ชอบผู้ชาย ดูเหมือนจะสมเหตุสมผล

เขารินชาสองแก้ว น้ำชานั้นไม่ได้ร้อนมาก สำหรับคนหยาบกระด้างอย่างพวกเขา ก็ไม่รู้จักลิ้มรสชา ดื่มหมดในแก้วเดียว ก็เหมือนกับดื่มสุรา

จากนั้น ก็ยกอีกแก้วยื่นไปตรงหน้าของหลานเยาเยา

“คุณชายซ่างกวงเดินทางมาเหน็ดเหนื่อย ดูท่านสะอ้านสะอาด คิดว่าท่านคงจะเคยชินกับเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยกลิ่นหนังสือ และคงจะไม่คุ้นชินกับสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายของที่นี่ ค่อยเป็นค่อยไป เวลานานเข้าก็จะชิงขึ้นเอง”

สีหน้าของหลานเยาเยาดูเหนื่อยล้าเล็กน้อย สำหรับคำพูดของรองแม่ทัพ ทำเพียงพยักหน้าเล็กน้อย

และก็รับแก้วน้ำชาที่รองแม่ทัพยื่นมาได้อย่างธรรมชาติ

“เมื่อเทียบกับการใช้ชีวิตในทะเลทรายเป็นเวลาครึ่งปี ที่นี่ถือว่าดีมากแล้ว”

ทะเลทราย?

ยังใช้ชีวิตไปครึ่งปี?

รองแม่ทัพไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด

เพราะว่าผิวพรรณของหลานเยาเยาผุดผ่องเกินไป เป็นไปไม่ได้ที่จะเคยใช้ชีวิตในทะเลทราย นี่มันกำลังหลอกกันชัดๆ

ตอนนี้เขากำลังรอซ่างกวงหนานซู่คนหน้าซื่อใจคดที่เต็มไปด้วยคำโกหก ดื่มชาแก้วนี้ที่มีรสขมผิดปกติ แล้วจะมีสีหน้ายังไง

ว่ากันว่าชาในเมืองหลวงมีรสหอมหวานในปาก มีกลิ่นหอมชวนหลงใหล ไม่เหมือนกับชาที่พวกเขาดื่มเลย ขมจะตายอยู่แล้ว

ในขณะที่รองแม่ทัพกำลังตั้งหน้าตั้งตามองหลานเยาเยาดื่มน้ำชา รอให้นางแสดงท่าทางที่ขายหน้าออกมา

เมื่อน้ำชาเข้าไปในปาก หลานเยาเยาได้นิ่งไปชั่วขณะจริง ยังได้ขยับปากไปหนึ่งที ลิ้มลองรสชาติอย่างช้าๆ

ยังพยายามอั้นไม่ให้หัวเราะแล้วกล่าวปลอบ

“คุณชายซ่างกวงไม่จำเป็นต้องฝืน หากดื่มไม่ลงจริงๆก็ไม่ต้อง……….”

เพียงแต่ว่ายังไม่ทันสิ้นเสียงพูด หลานเยาเยาก็ได้พูดขึ้นอย่างมาอย่างเรียบเฉยๆ…….

“ไม่ๆๆ ท่านแม่ทัพคงไม่รู้ ชานี้มีชื่อว่าชาคูดิง รสชาติขมมาก แต่เป็นหนึ่งในชาชั้นเลิศ

ดื่มเป็นเวลานาน สามารถควบความสูงสามอย่างของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้หลอดเลือดอ่อนลง ลดความดันโลหิตสูง ควบคุมภาวะไขมันในเลือดสูง และน้ำตาลในเลือดสูงได้ดีมาก

ยังสามารถดับร้อนและล้างพิษ ดับความกระหาย บรรเทาความร้อนและลดไฟ นอกจากนี้ ชาคูดิงยังสามารถกำจัดการอักเสบ ยับยั้งแบคทีเรียและฆ่าเชื้อ ทำให้ดวงตาสว่างสวยสาม ช่วยการเผาผลาญของมนุษย์ เพิ่มภูมิคุ้มกันให้สูงขึ้น ชะลอความชราของมนุษย์ ทำให้มีผิวพรรณที่สวยงาม เสริมสร้างให้ร่างกายให้แข็งแรง

มันยังสามารถยับยั้งแบคทีเรียในช่องปากได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขจัดกลิ่นแปลกๆในช่องปาก และป้องกันกลิ่นปากได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เพียงแต่………”

รองแม่ทัพดวงตาเบิกกว้าง เกาหัว ฟังจนมึนงงไปหมด

พูดอะไรก็ไม่รู้เยอะแยะไปหมด

ยังไงเขาก็ฟังไม่เข้าใจอยู่ดี ดูเหมือนจะพูดว่าชาขมแบบนี้เป็นชาที่ดีมาก

ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคุณชายซ่างกวงคนนี้ความรู้สูงทีเดียว มีความรอบรู้

อดไม่ได้ที่จะถามตามคำพูดของหลานเยาเยา

“เพียงแต่อะไร?”

หรือว่าจะผลเสียอะไร?

“เพียงแต่วิธีการชงชานั้นไม่ถูกต้อง น้ำร้อนน้อยไป ใบชาเยอะเกินไป ระยะเวลานานในการชงก็สำคัญ ไม่เช่นนั้นประสิทธิภาพของชาก็จะลดลงอย่างมาก”

หลังจากนั้นหลานเยาเยายังได้บอกวิธีการชงชาอีกด้วย

ทำอย่างไรถึงไม่สิ้นเปลืองใบช้า ยังสามารถชงชาที่มีรสขมออกมากลมกล่อมและหอมกรุ่น

เมื่อเห็นว่าคุณชายซ่างกวงตั้งใจบอกเขาโดยที่ไม่เห็นมันเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่เมื่อเขายังไม่เข้าใจ เขาก็ฝนหมึกด้วยตัวเอง และเขียนวิธีการลงบนกระดาษนั้น

รองแม่ทัพจึงพบว่าคนที่เป็นตัวตลกนั้นกลับเป็นตัวเอง

รอจนกระทั่งรองแม่ทัพออกไปจากห้องแล้ว

ใบหน้าเต็มไปด้วยความหนักใจ

แม่ทัพหลายคนที่ไม่ชอบหลานเยาเยาก็รายล้อมเข้ามา

“เป็นไงบ้าง เป็นไงบ้าง คุณชายซ่างกวงมีหน้าตาท่าทางยังไงบ้าง ขมจนหน้าเปลี่ยนสีไปเลยหรือเปล่า?”

“รีบพูดมา หลังจากที่เขาดื่มลงไปล้างปากไปกี่ครั้ง?”

“ฉันคิดว่า ต่อไปเมื่อเขาเห็นน้ำชา จะนึกถึงความกลัวในวันนี้ที่ถูกครอบงำด้วยรสขมของชาคูดิง ”

“……”

เดิมมีแผนจะใช้ความขมของชาคูดิงในการข่มขู่คุณชายซ่างกวน เป็นแผนการร่วมของเหล่าแม่ทัพ ก็เพื่อจะเตือนให้เขาเปลี่ยนเป็นคนดี เป็นผู้ชายที่ดีคนหนึ่ง ไม่ใช่มาให้ท่านอ๋องเย่ ทำให้อ๋องเย่ชอบผู้ชาย แล้วส่งผลต่อชื่อเสียงของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์

แต่รองแม่ทัพถอนหายใจ

นำกระดาษที่อยู่ในมือให้พวกเขา

“คุณชายซ่างกวนเป็นคนฉลาดและมีความรอบรู้ รู้ไปเสียทุกอย่าง ข้าว่านะ! การที่จะทำให้เขายอมถอยยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์ อีกอย่างเขาก็ไม่ใช่คนเลว”

ประโยคสุดท้าย รองแม่ทัพแค่บ่นพึมพำ ไม่มีใครได้ยินเลย

มองท่าทางที่สงสัยของพวกเขาแต่ละคน รองแม่ทัพไม่ยอมพูด ทิ้งกระดาษใบนี้ไว้แล้วเดินจากไป

“เฮ้ยๆ อย่าเพิ่งไปสิ! ยังพูดไม่จบเลย!

“ดูท่าทางเขาสิ คิดว่าคุณชายซ่างกวงที่เจ้าเล่ห์คงไม่ได้ดื่มชาแก้วนั้นแน่”

“คาดว่าน่าจะเป็นเพราะรองแม่ทัพใจอ่อน ไม่อยากจะแกล้งคนอื่น มาดูกันว่าในกระดาษเขียนอะไร สูตรยาเหรอ?”

สามารถเป็นแม่ทัพ นอกจากมีความกล้าหาญในสนามรบ ด้านความคิดความอ่านก็ยังพอมี

การรู้หนังสือเป็นปัญหาใหญ่

อย่างไรก็ตาม ในบรรดาแม่ทัพ ก็ยังมีคนที่รู้หนังสืออยู่

มีแม่ทัพคนหนึ่งอ่านจบ ตาก็สว่างทันที

“แม่ง ชาก็สามารถที่จะชงแบบนี้ด้วย ไม่รู้ว่ารสชาติเป็นยังไง เร็วเข้า รีบนำมันไปให้กับทหารหั่วโถว พวกเรามาลิ้มลองวิธีการชงชาของคนที่มีความรู้สูงว่ามันจะอร่อยหรือเปล่า”

เรื่องแกล้งคนพริบตาเดียวก็ได้ถูกละเลยไป

พวกเขากอดคอกันมุ่งเดินไปทางทหารหั่วโถว

หลานเยาเยาที่ยืนอยู่ข้างหน้าต่าง มองเห็นการกระทำของพวกเขาอย่างชัดเจน

เห่อ!

นางได้ไปล่วงเกินแม่ทัพพวกนี้เมื่อไหร่ยังไง?

หลานเยาเยาคิดไม่ตก แต่ก็ไม่ได้คิดมาก พวกเขาจะมีความคิดชั่วร้ายอะไรได้บ้าง?

คงไม่ฆ่าปล้นทรัพย์แน่

แล้วแต่พวกเขา!

เวลานี้!

ทหารคนหนึ่งก็วิ่งมาอย่างรีบร้อน สองมือเปื้อนไปด้วยเลือด แม้แต่บนร่างก็มีรอยเลือด วิ่งเข้ามาในลานอย่างรวดเร็ว ท่าทางร้อนใจมาก จับมือของทหารที่เฝ้ายามคนหนึ่งก็ถามขึ้น

“หมอทหารที่อ๋องเย่พามาอยู่ที่ไหน? หมอทหารที่ประจำการไม่เพียงพอ”

เห็นท่าทางเช่นนี้ของเขา

และทหารก็รู้พอดี ก็ไม่ได้ยืดเยื้อ บอกกับเขาโดยตรงว่าอยู่ที่ไหน

ไม่นานนัก ก็มีหมอทหารหลายคนตามทหารมาอย่างรีบร้อน มุ่งหน้าไปค่ายทหารที่ทหารบาดเจ็บ

เมื่อเห็นเช่นนี้!

หลานเยาเยาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

ได้ยินมาว่าคูเมืองชายแดนแห่งนี้ถูกโจมตีเมื่อ ทหารที่บาดเจ็บและล้มตายก็ต้องมีมากอยู่แล้ว ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส เกรงว่าขณะนี้คงยังไม่พ้นขีดอันตราย

ไม่มีเวลามาสนใจเรื่องเหนื่อย หลานเยาเยากำลังจะก้าวเท้าตามไป ส้งเย่นกุยที่รู้ความคิดของนางดีก็ได้ปรากฏตัวขึ้นข้างนางอย่างเงียบๆ

คนที่ปกป้องหลานเยาเยามาโดยตลอดอย่างจื่อซีกับจื่อเฟิง ก็รีบออกมาจากที่ซ่อน

จื่อซีเดิมก็เป็นหมอที่มีทักษะล้ำเลิศอยู่แล้ว เมื่อไปแล้วสามารถช่วยได้มาก จื่อเฟิงที่มีวรยุทธ์สูง ก็สามารถเป็นลูกมือได้

ส้งเย่นกุยยิ่งไม่ต้องพูดถึงแล้ว

ดังนั้น!

หลานเยาเยาไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น พาพวกเขามุ่งหน้าไปพร้อมกัน

เพิ่งจะเข้าใกล้บริเวณผู้บาดเจ็บ

เสียงร้องที่เจ็บปวดทรมานก็ดังเข้ามาในหูอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

หลังจากที่เข้ามาข้างใน ไม่ว่าจะเป็นผู้บาดเจ็บที่กำลังร้องคร่ำครวญ หรือว่าหมอทหารที่ยุ่งจนหัวหมุน แม้กระทั่งคนจัดยาที่เข้าๆออกๆไปเอายา ล้วนไม่มีใครสังเกตเห็นการมาของพวกเขา

แต่มีร่างเพรียวบางสวมชุดสีอ่อนก็กำลังยุ่งเหมือนคนจัดยา

คนผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น

แต่เป็นคนที่ฐานะสูงศักดิ์อย่างพระราชธิดาจาวหยาง นางหอบมัดยาเอาไว้ เดินเข้าไปในห้อง

“ทหารที่อาการสาหัสถูกจัดไว้ที่ไหน?” หลานเยาเยาถามคนจัดยาที่กำลังเดินอย่างเร่งรีบ

“อยู่ทางโน้น”

คนจัดยาชี้ไปห้องที่พระราชธิดาจาวหยางเดินเข้าไปเมื่อกี้ ก็ได้ไปจัดการเรื่องของตัวเองทันที

ภายในห้องผู้ที่บาดเจ็บสาหัส

ทหารที่บาดเจ็บสาหัสคนหนึ่งนอนอยู่บนกระดานไม้ธรรมดา ชักกระตุ้นไปทั้งร่าง มีเลือดออกจากมุมปาก แต่ไม่พบบาดแผล ทหารคนนี้อยู่ในอาการสะลึมสะลือ ร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด

ข้างกายยืนอยู่ด้วยหมอทหารสองคน สถานการณ์ยิ่งอยู่ยิ่งเลวร้าย แต่พวกเขากลับไม่รู้จะทำยังไง