War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1974
ตอนที่ 1,974 : ปะทะหงชวี!
‘ได้ยินมาว่าหงชวีคนนี้ด่านพลังฝึกปรือเหมือนจะบรรลุถึงเซียนนภาขั้นเชี่ยวชาญแล้ว แถมยังเป็นศิษย์ที่บรรลุถึงขอบเขตเซียนนภาขั้นเชี่ยวชาญเพียงคนเดียวในปัจจุบันของแท่นบูชาเต่าทมิฬ’
ในอดีตต้วนหลิงเทียนเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของหงชวีผู้นี้มาบ้าง ชื่อหงชวีจึงไม่ใช่อะไรที่แปลกหูสำหรับต้วนหลิงเทียน
‘ไม่รู้ว่ามันไปทำความผิดอะไรมาถึงได้ถูกส่งมารับโทษที่เขตลงทัณฑ์แบบนี้…แต่ด้วยพลังฝีมือของมันสมควรผ่านการประเมินทดสอบของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่จะมาถึงในอีกไม่นานและกลายเป็นศิษย์ฝ่ายในได้ง่ายๆ คงอยู่ที่เขตลงทัณฑ์แห่งนี้ไม่นานนัก’
ต้วนหลิงเทียนเองก็รู้เรื่องนี้ดี
‘แต่…คิดจะคว้าตำหนักเอกอุของข้า ก็ต้องดูว่ามันมีปัญญาสามารถหรือไม่!’
พอคิดถึงจุดนี้ ร่างต้วนหลิงเทียนก็วูบออกจากเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติทันที
หลังออกจากเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เก็บเจดีย์ไว้กับตัวอย่างดี ก่อนจะเปิดประตูออกไปนอกตำหนักและพุ่งร่างขึ้นไปในอากาศปานลูกเกาทัณฑ์พ้นคันศร!
ฟุ่บ!
ดั่งสายลมหอบหนึ่งพักผ่าน พริบตาร่างต้วนหลิงเทียนก็มาหยุดค้างกลางหาวเผชิญหน้ากับหงชวีด้วยทีท่าสงบ
‘เจ้านี่น่ะหรือ หงชวีที่ว่า…’
พอมาถึงต้วนหลิงเทียนก็มองสำรวจชายเบื้องหน้าทันที
อีกฝ่ายเป็นชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างหน้าตาธรรมดาไม่โดดเด่นอะไร เป็นคนที่ว่าหากปะปนไปกับฝูงชนก็คงยากจะแยกมันออกมาได้
“ต้วนหลิงเทียน!”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนมองสำรวจหงชวี ด้านหงชวีก็มองพินิจต้วนหลิงเทียนตั้งแต่หัวจรดเท้า
ต้วนหลิงเทียนที่อยู่เบื้องหน้า คือเป้าหมายการมาเขตลงทัณฑ์ของมัน!
ก่อนที่มันจะถูกนำตัวออกจากแท่นบูชาเต่าทมิฬเพื่อมายังเขตลงทัณฑ์ หลี่อันก็ได้ลอบมาส่งเสียงกล่าวย้ำเตือนกับมันเอาไว้
“หงชวีข้ารู้ว่าเจ้าเองก็สมควรมิใช่คนเขลา สมควรรู้ว่าเรื่องราวครั้งนี้จักจบลงเช่นไร…แน่นอนว่าจะอย่างไรเจ้าก็ต้องตาย! แต่ข้าจะเมตตากล่าวเตือนเจ้าสักครั้ง หากต้วนหลิงเทียนมันไม่ตายล่ะก็…อย่าได้คิดว่าข้าจะจบเพียงเท่านี้ ต่อให้ถึงตอนนั้นเจ้าตกตายไปแล้วแต่ข้าจะยังเอาโทสะไปลงกับสกุลหงของเจ้า!”
นี่เป็นประโยคแรกที่หลี่อันส่งมาถึงหูมันก่อนที่มันจะถูกพาตัวมาเขตลงทัณฑ์ ซึ่งเพียงประโยคแรกนี้ประโยคเดียวก็ทำให้ปราการสุดท้ายในใจของมันทลายลง
ในตอนแรกมันยังคิดอยู่
การถูกหลี่อันบีบคั้นให้ฆ่าต้วนหลิงเทียนแบบนี้ ผลลัพธ์ของมันก็มีแต่ตายกับตายเท่านั้น
เช่นนั้นไม่ใช่หมายความว่ายามประมือกับต้วนหลิงเทียน ในช่วงเวลาสุดท้ายมันก็เพียงปล่อยให้ต้วนหลิงเทียนฆ่าเสียไม่ดีกว่าหรือ?
เช่นนี้ถึงมันตกตายไปก็ไม่ถือว่าตกตายในฐานะคนบาป
เพราะสุดท้ายแล้วมันกับต้วนหลิงเทียนก็ไร้ซึ่งความแค้นอันใดต่อกัน
นอกจากนั้นมันก็เคียดแค้นชิงชังหลี่อันเข้าไส้ ย่อมไม่คิดให้ความหวังของหลี่อันสมปรารถนา!
อนิจจาวาจาประโยคดังกล่าวของหลี่อัน ได้ทำลายความคิดนี้ของมันไปทันที
ต้วนหลิงเทียนต้องตาย!
หาไม่แล้วต่อให้มันตกตายไป แต่สกุลหงที่อยู่เบื้องหลังของมันก็มิอาจรอดพ้นหายนะล่มสลายเพราะถูกฆ่าล้างตระกูลไปได้
‘ต้วนหลิงเทียน ข้าต้องขออภัยเจ้าด้วย…ข้าจำต้องฆ๋าเจ้าเพื่อครอบครัวของข้า แต่เจ้าอย่าได้ห่วงไปเมื่อเจ้าตกตายข้าจักเป็นผีไปคอยรับใช้เจ้าในโลกหน้า และหากชาติหน้ามีจริงจักให้ข้าเกิดมาเป็นม้าเป็นลาของเจ้าข้าก็ยอม’
หงชวีมองต้วนหลิงเทียนขณะกล่าวคำสะทกสะท้อนในใจ
ในแท่นบูชาเต่าทมิฬนั้น หงชวีที่ได้รับการเรียกหาว่าศิษย์พี่ใหญ่อย่างเคารพจากทุกคน หาได้เป็นเพราะมันมีพลังฝีมือกล้าแข็งที่สุดไม่ แต่เป็นเพราะมันเป็นคนใจดีไม่ถือตัว และไม่เคยใช้ความอาวุโสข่มเหงรังแกผู้ใด…
อย่างไรก็ตามคนดีๆเช่นมัน กลับต้องมาถูกหลี่อันบีบคั้นจนสิ้นทาง!
จังหวะนี้แววตาหงชวีเผยประกายทดท้อไม่ยินยอมทั้งยังโศกศัลย์เหลือประมาณออกมา
และสีหน้าแววตานี้ไหนเลยต้วนหลิงเทียนจะไม่สังเกตเห็นได้ กระทั่งยังตระหนักถึงแววตาเศร้าโศกดังกล่าวได้ชัดเจน ‘เกิดอะไรขึ้นกับหงชวีกันแน่? เป็นเพราะมันรู้ว่าอาจชิงตำหนักเอกอุของข้าไม่ได้ก็ไม่ใช่? ไม่งั้นมันจะมาท้าข้าแต่แรกทำไม’
ต้วนหลิงเทียนไม่อาจเข้าใจได้ว่าไฉนแววตาของหงชวีกลับเศร้าสร้อยถึงเพียงนั้น
เขาทำได้แค่คิดไปในแนวทางนี้เท่านั้น
เพราะสุดท้ายต้วนหลิงเทียนต่อให้หลับก็คงไม่เคยฝัน ว่าศิษย์พี่ใหญ่แห่งแท่นบูชาเต่าทมิฬคนนี้ที่เขาไม่แม้แต่จะพบเจอมาก่อน กลับต้องการฆ่าเขาเพราะอับจนหนทาง ทั้งๆที่พึ่งเคยพบหน้ากันครั้งแรก
“ต้วนหลิงเทียน!”
ขณะเดียวกันแววตาเศร้าสร้อยของหงชวีก็สลายไปคงเหลือแต่เพียงสายตาเด็ดเดี่ยวราวปลงตก “วันนี้ต่อให้เจ้าจะยอมแพ้และมอบตำหนักเอกอุให้แต่ข้าโดยดี แต่ข้าก็อยากประมือกับเจ้าในสภาพสู้เต็มกำลัง เพียงหวังได้ยลเวทย์พลังขั้นสูงทั้ง 3 ของเจ้าสักครา!”
ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะอึ้ง หลังได้ยินวาจาประโยคนี้ของหงชวี
หงชวีผู้นี้จะไม่มั่นใจไปหน่อยรึไง!
ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายกล้าคิดว่าเขาจะกลัวจนถึงขั้นยอมแพ้และมอบตำหนักเอกอุให้มันโดยไม่ต้องสู้!
“โอ้! ศิษย์พี่หงชวีนับว่าพกพาความมั่นใจมาเต็มกระเป๋าจริงๆ!”
ขณะเดียวกัน ทางด้านเหล่าศิษย์แท่นบูชาจตุรลักษณ์พอได้ยินวาจาประกาศอย่างมั่นใจของหงชวีก็อดไม่ได้ที่จะผงะไปวูบหนึ่ง
“ด้วยเวทย์พลังขั้นสูงทั้ง 3 ชนิดของต้วนหลิงเทียน ยังผลให้พลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนแทบจะไม่ได้ด้อยไปกว่าขอบเขตเซียนนภาขั้นเชี่ยวชาญ…ทว่าจากวาจานี้ของศิษย์พี่หงชวี เห็นได้ชัดว่ายังดูเบาต้วนหลิงเทียนอยู่หลายส่วน!”
“ข้าก็คิดเช่นนั้น”
“แล้วพวกเจ้าคิดว่าศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนจะยอมแพ้แล้วส่งตำหนักเอกอุไปแต่โดยดีหรือไม่?”
“เพ้ย! เรื่องเหลวไหลพรรค์นั้นยังมีวันเป็นไปได้หรือ?! ด้วยนิสัยแข็งกร้าวของศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนที่กระทั่งอาวุโสหลี่อันยังไม่กลัว พวกเจ้าคิดจริงๆหรือว่าศิษย์พี่จะยอมแพ้โดยไม่สู้?”
…
เสียงสนทนาของเหล่าศิษย์แท่นบูชาจตุรลักษณ์ดังอื้ออึงไปทั่ว ฟังแล้วพบว่าแต่ละคนไม่มีใครคิดว่าต้วนหลิงเทียนจะยอมแพ้โดยไม่สู้เลย
ทันใดนั้นเอง พลันมีศิษย์แท่นบูชาจตุรลักษณ์คนหนึ่งที่พึ่งเลิกงานกลับมา และมันก็คล้ายเห็นอะไรบางอย่าง จึงพุ่งร่างเข้าไปหาศิษย์อีกคนที่กำลังชมมองเรื่องราวความวุ่นวายเบื้องหน้าด้วยหน้าอย่างจริงจัง ก่อนจะกล่าวถามด้วยความประหลาดใจ “เฉิงจี้ ไฉนเจ้ามาอยู่นี่ได้เล่า? แล้วนี่เกิดอะไรขึ้นกันไฉนคนเยอะแยะนัก?”
“เรื่องข้าไว้จะตอบเจ้าทีหลัง” คนที่ลอยร่างอยู่ก่อนส่ายหน้าไปมา หากแต่สายตาของมันยังไม่ละจากหงชวีแม้แต่น้อย “ตอนนี้พวกเราชมเรื่องราวเบื้องหน้าก่อน เป็นศิษย์พี่ใหญ่หงชวีคิดชิงตำหนักเอกอุจากต้วนหลิงเทียน…บางทีพวกเราอาจได้เรียนรู้อะไรจากการประมือของทั้งคู่”
เมื่อได้ยินคำตอบของเฉิงจี้ ศิษย์ที่พึ่งเหินร่างเข้ามาก็พยักหน้ารับทราบ และหันไปมองหงชวีที่กำลังเผชิญหน้ากับต้วนหลิงเทียนด้วยความสนใจ
ทั้งคู่ล้วนมาจากแท่นบูชาเต่าทมิฬเหมือนกันแถมยังรู้จักกัน แต่ผู้ที่พึ่งเลิกงานกลับมานั้นมันเห็นว่า ‘เฉิงจี้’ พึ่งมาปรากฏตัวในเขตลงทัณฑ์ จึงสงสัยไม่น้อยว่าอีกฝ่ายไปทำความผิดอะไรมา
อย่างไรก็ตามตอนนี้สองตาของผู้ที่มีนามว่าเฉิงจี้ กลับหดหยีลง และส่งเสียงผ่านพลังกล่าวกับหงชวีทันที “ศิษย์พี่ใหญ่หงชวี ข้าเป็นคนที่อาวุโสหลี่อันส่งมา…หากท่านสามารถฆ่าต้วนหลิงเทียนได้ด้วยพลังฝีมือของท่าน หลังจากนั้นท่านก็มอบโอสถกุ่ยจินมาให้ข้าเสีย”
หงชวีพอได้ยินเสียงกล่าวของเฉิงจี้สองตาก็หดหยีลง ลูกตามันละออกจากต้วนหลิงเทียนไปยังร่างศิษย์คนหนึ่งท่ามกลางฝูงชนทันที
ถึงแม้มันจะไม่รู้จักศิษย์คนนี้เป็นการส่วนนตัว แต่ยังพอจดจำได้ว่าอีกฝ่ายก็เป็นศิษย์ของแท่นบูชาเต่าทมิฬเช่นกัน
หลังได้ยินคำของอีกฝ่ายหงชวีจำต้องพยักหน้าตอบรับ แม้ในใจจะมีโทสะปานใดก็ตาม
ก่อนที่มันจะถูกส่งตัวมายังเขตลงทัณฑ์ที่เหมืองลำดับที่ 1 แห่งนี้ นอกจากวาจาแรกที่ทำลายปราการสุดท้ายในใจแล้ว หลี่อันยังกำชับมันอีกเรื่องหนึ่ง
“หงชวีจักเป็นการดีที่สุดที่เจ้าจักฆ่าต้วนหลิงเทียนโดยใช้พลังฝีมือของเจ้าเอง…หลังจากเจ้าฆ่ามันโดยไม่ต้องพึ่งพาโอสถกุ่ยจิน ให้เจ้าหาโอกาสส่งมอบมันให้แก่ศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬคนหนึ่งที่ข้าส่งไปติดต่อกับเจ้า และอย่าให้ผู้ใดรู้เห็นเรื่องนี้เด็ดขาด!”
“นอกจากนั้นมันยังมีหน้าที่จับตาดูเจ้า ว่าได้สู้กับต้วนหลิงเทียนเต็มกำลังหรือไม่…และหากเจ้าสามารถฆ่าต้วนหลิงเทียนได้โดยพึ่งกำลังของตัวเองแต่ยังกล้าใช้โอสถกุ่ยจินของข้าให้เสียของ เช่นนั้นอย่าได้โทษข้าว่าจักเอาโทสะนี้ไปลงกับสกุลหงของเจ้า!!”
วาจาของหลี่อันเรียกว่ายิ่งทำให้หัวใจที่ถูกบีบคั้นของหงชวี จุกแน่นเสียจนหายใจแทบไม่ออก
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ทำให้มันพิสูจน์ทราบอย่างหนึ่ง
อย่างที่มันคาดเอาไว้ไม่มีผิด กระทั่งสำหรับหลี่อันแล้วโอสถกุ่ยจินก็ยังมีค่ามหาศาล
ด้วยเหตุนี้หลี่อันถึงได้ส่งศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬคนหนึ่งติดตามมาจับตาดูมันแบบนี้
“หงชวี นี่เจ้าดูถูกข้าต้วนหลิงเทียนถึงขั้นคิดว่าข้าจะยอมแพ้โดยไม่สู้และส่งมอบตำหนักเอกอุให้เจ้าแต่โดยดีเชียวหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนหรี่ตามองหงชวีพร้อมกล่าวถามออกมาเสียงห้วน
“ข้าเพียงกังวลว่าเจ้าต้วนหลิงเทียน…จักมิอาจทำให้ข้ารู้สึกสนุกได้ก็เท่านั้น”
หงชวีกล่าวตอบออกไปเสียงเรียบ
“เจ้ามั่นใจได้เลย…วันนี้เจ้าได้สนุกจนสมใจแน่!”
กล่าวจบคำ พลังเซียนสุริยันทั่วร่างของต้วนหลิงเทียนก็โคจรเร็วรี่ มวลพลังหลั่งไหลไปตามชีพจรเซียนทั้ง 99 สายปานน้ำหลาก
ปฐมเวทย์กลืนกิน!
ขณะเดียวกัน พลังวิญญาณฟ้าดินรอบกายต้วนหลิงเทียนก็ถูกดูดกลืนเข้าร่างของต้วนหลิงเทียนโดยวังวนพลังดูดรั้งขุมหนึ่งที่อุบัติขึ้นในฉับพลัน ยังดูดกลืนพลังจนถึงขีดจำกัดที่ต้วนหลิงเทียนจะรับไหว!
จากนั้นครู่หนึ่งวังวนพลังดูดรั้งดังกล่าวก็สลายหายไป
ทุกเรื่องราวเกิดขึ้นรวดเร็วนัก!
อย่างไรก็ตามมวลพลังวิญญาณฟ้าดินที่ต้วนหลิงเทียนใช้ปฐมเวทย์กลืนกินสูบเข้าร่าง ตอนนี้ก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นพลังเซียนสุริยันของเขาเรียบร้อย ยกระดับพลังของเขาให้เพิ่มพูนสูงขึ้น!!
แน่นอนว่าพลังมหาศาลดังกล่าวเพียงเป็นของเขาชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น กระทั่งยังต้องใช้พลังวิญญาณประคองสภาพ
เมื่อพลังวิญญาณเขาเจียนหมด ขุมพลังที่กลืนกินเข้ามาดังกล่าวย่อมสลายหายไป ยังจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย!
และถึงตอนนั้นระดับพลังเซียนสุริยันในร่างของเขาก็จะหวนคืนดังเดิม
“เวทย์พลังสนับสนุนอันยอดเยี่ยมนัก!”
ลูกตาของหงชวีอดไม่ได้ที่จะหดเล็กลงเมื่อได้เห็นพลังฝึกปรือในร่างของต้วนหลิงเทียนบังเกิดความเปลี่ยนแปลงเช่นไรหลังใช้ออกด้วยเวทย์พลังสนับสนุนอันร้ายกาจนั่น
ตอนแรกกลิ่นอายพลังทั่วร่างของต้วนหลิงเทียนยังเป็นเพียงเซียนปฐพีขั้นสูงสุดเท่านั้น…แต่ทว่าชั่วพริบตากลับพุ่งทะยานสูงขึ้นเทียบได้กับพลังของเซียนนภาขั้นกลาง!
‘ปีกอีกาทองคำ!’
เพียงใจคิด แผ่นหลังของต้วนหลิงเทียนก็ปรากฏปีกเพลิงมหึมาคู่หนึ่งลุกโชนขึ้นมาอย่างร้อนแรง บรรยากาศโดยรอบคล้ายจะร้อนระอุขึ้นทันตา
ปง! ปง! ปง! ปง!
…
เสียงระเบิดดังสนั่นปานฟ้าคำราม เป็นปีกเพลิงคู่โตของต้วนหลิงเทียนสะบัดกระพือแหวกอากาศฉับไว ส่งร่างต้วนหลิงเทียนให้พุ่งทะยานเข้าใส่หงชวีดั่งจุดระเบิด! คนคิดชิงลงมือจู่โจมก่อน!!
เผชิญหน้ากับศิษย์พี่ใหญ่แห่งแท่นบูชาเต่าทมิฬที่บรรลุเซียนนภาขั้นเชี่ยวชาญ ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย!
ด้วยเหตุนี้เขาจึงชิงลงมือก่อนเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบ!
“หงชวี! รับมือ!!”
พริบตาร่างต้วนหลิงเทียนที่ทะยานลัดฟ้ามาฉับไว ก็บรรลุถึงเบื้องหน้าหงชวี ฝ่ามือหนึ่งตบฟาดออกอย่างดุดัน พลังเซียนสุริยันขุมหนึ่งซัดพุ่งออกไปอย่างเกรี้ยวกราด!
หลังฝ่ามือตบฟาดซัดพลังเกรี้ยวกราด มวลพลังขุมดังกล่าวก็ก่อลักษณ์คล้ายฝ่ามือใหญ่มีสภาพจี้เข้าใส่หงชวีอย่างดุร้าย!
ฝ่ามือพลังมหึมาที่เปี่ยมล้นไปด้วยพลังเซียนสุริยันมหาศาล ยามโถมถันเข้าไปให้พลังสภาวะดั่งขุนเขาลูกเขื่องกำลังจะถล่มทับใส่หงชวีก็ไม่ปาน!
“มาได้ดี!”
เผชิญหน้ากับพลังฝ่ามืออันเกรี้ยวกราดที่โถมเข้ามาปานขุนเขาถล่มของต้วนหลิงเทียน หงชวีพลันคำรามเสียงลั่น ร่างที่ลอยค้างกลางหาว พลันปะทุพลังห่าใหญ่ พุ่งทะยานเข้าไปปะทะหักหาญอย่างไม่ครั่นคร้าม!
เปรี๊ยงงงง!!
เผชิญหน้ากับพลังฝ่ามืออันเกรี้ยวกราดนี้ของต้วนหลิงเทียน หงชวีย่อมไม่กล้าประมาท! มันเร่งเร้าพลังทั่วร่างควบผนึกลงหมัดขวาก่อนที่จะชกสวนออกไปสุดแรง! ปลดปล่อยหมัดพลังมีสภาพออกไปปะทะรับพลังฝ่ามืออันร้ายกาจของต้วนหลิงเทียนอย่างแข็งขัน!!