บทที่ 663 รูปร่างที่คุ้นเคย
บทที่ 663 รูปร่างที่คุ้นเคย
อ๋องเหลียงพยักหน้า หากอ๋องอู๋แนะนำว่าให้กองทหารราชองครักษ์ตั้งค่ายนอกเมืองในขณะที่เชิญพวกเขาเพียงสองคนเข้าไปด้านใน พวกเขาจะสงสัยว่ามีบางอย่างผิดปกติ…
เรื่องที่พวกเขากำลังจัดการสำคัญมากเกินไป แม้ว่าอ๋องอู๋จะรักษาความเจียมตนอยู่เสมอ แต่อ๋องเหลียงก็ไม่กล้ารับรองใด ๆ ว่าอีกฝ่ายจะไม่ปรารถนาวิชาวัฏจักรหงส์อมตะ
“เราจะรบกวนผู้คนในเมืองหรือไม่?” หลิวเหย่าถามตามมารยาท
ชุนปู้ฉีกลั้นหายใจชั่วครู่ แต่เขาก็ตอบสนองอย่างรวดเร็วเช่นกัน “ท่านแม่ทัพหลิวไม่จำเป็นต้องกังวล หลังจากมีข่าวว่าทูตยุทธ์เสื้อแพรกำลังจะมาเยือน หลายครอบครัวสมัครใจเสนอเรือนของตนเองให้คณะพวกท่านได้เข้าไปพักผ่อนชั่วคราว และท่านอ๋องของเราได้ให้ค่าตอบแทนที่เหมาะสมแก่พวกเขาทั้งหมด ดังนั้นจึงไม่เป็นการรบกวนผู้คนอย่างแน่นอน”
อ๋องเหลียงเย้ยหยันในใจ ชายผู้นี้ทำเหมือนว่าเขาเห็นใจประชาชนคนทั่วไป เจ้าคิดว่าเราไม่รู้จริง ๆ หรือว่าเจ้าคงจะบังคับขู่เข็ญคนพวกนั้นให้ยอมละทิ้งบ้านของพวกเขาไปชั่วคราว?
แม้จะมีเรื่องกวนใจเล็กน้อย แต่อ๋องเหลียงก็ตอบตกลงในที่สุด…
คำสั่งถูกส่งออกไปอย่างรวดเร็ว ทหารราชองครักษ์ต่างส่งเสียงโห่ร้องดีใจเมื่อได้ยินว่าพวกเขาสามารถเข้าไปพักผ่อนในเมืองได้
ภายในรถม้า ซ่างหงขมวดคิ้ว เขากล่าวพร้อมกับถอนหายใจว่า “อาณาจักรของเรามีความสงบสุขมานานหลายปีเกินไป ดูซิว่าตอนนี้ทหารราชองครักษ์ไร้ระเบียบแค่ไหน”
ซ่างเชียนกล่าวว่า “คนพวกนี้เข้าร่วมกองทหารราชองค์รักษ์ก็เพื่อหวังว่าจะได้อยู่กินอย่างสุขสบายเช่นองค์ชายในเมืองหลวงวันแล้ววันเล่า”
อย่าว่าแต่พวกราชองครักษ์เหล่านี้ แม้แต่กองทหารลาดตระเวนลำน้ำของเมืองจันทร์กระจ่างก็ยังเต็มไปด้วยคนไร้ประโยชน์ที่เอาแต่หาผลประโยชน์เข้าตัวเอง เมื่อเทียบกันแล้ว กองทหารราชองครักษ์นี้ค่อนข้างดีกว่าด้วยซ้ำ
ความกังวลปรากฏขึ้นในดวงตาของซ่างหง “ทุกคนในราชวงศ์โจวบูชาองค์จักรพรรดิในฐานะผู้ทรงอำนาจที่สุดในโลก พวกเขาทั้งหมดเชื่อว่าไม่มีชนเผ่าต่างชาติใดกล้าแข็งข้อ อย่างไรก็ตาม องค์จักรพรรดิไม่สามารถปกป้องราชวงศ์โจวด้วยตัวเองเพียงลำพังได้ตลอดไป…”
ซูอันได้ยินเสียงที่ตื่นเต้นของ ราชองครักษ์ด้านนอก เขาพูดด้วยความอยากรู้ “อ๋องอู๋?”
หลังจากที่รู้จักเขามาเป็นเวลานาน เจิ้งตานรู้ว่าซูอันขาดความรู้ทั่วไปมากมายเกี่ยวกับโลกนี้ นางอธิบายว่า “อ๋องอู๋ เป็นโอรสคนที่ห้าของจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน มารดาผู้ให้กำเนิดของเขาเป็นเพียงนางสนมคนหนึ่งขององค์จักรพรรดิ ดังนั้นเขาจึงได้รับการแต่งตั้งให้ปกครองอาณาเขตนี้”
ซูอันพยักหน้า เขาจำได้เลือนรางว่าเคยได้ยินฉู่ชูเหยียนพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน อาณาเขตของอ๋องอู๋อยู่ติดกับมณฑลหลินชวน จวนของอ๋องอู๋ตั้งอยู่ในเมืองแผ่นฟ้าอุดร ซึ่งสาเหตุที่เมืองนี้ตั้งชื่อเช่นนี้เนื่องจากตั้งอยู่ทางเหนือของเทือกเขาแผ่นฟ้าที่ทอดยาวผ่านอาณาเขต
“ชื่อเสียงของอ๋องอู๋เป็นยังไงบ้าง? เขาเป็นคนยังไง?” ซูอันถามต่อ
ในขณะที่อยู่ในอาณาเขตของคนอื่น การมีความรู้เบื้องต้นจะง่ายกว่ามากในการรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
เจิ้งตานส่ายหัว “อ๋องอู๋มักจะเก็บตัว เขาไม่ได้มีชื่อเสียงที่ไม่ดี แต่ขณะเดียวกันก็ไม่มีใครยกย่องเขาเท่าไหร่นัก แม้ว่าจะฉลาดและมีความสามารถเช่นกัน ข้าเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องของเขาเท่าไหร่”
หวงฮุ่ยฮงมีสีหน้าประหลาดใจ ซูอันทำให้แม่นางเจิ้งอับอาย แต่แม่นางเจิ้งยังคงตอบคำถามของอีกฝ่ายด้วยความอดทน ความใจกว้างของสตรีนางนี้ช่างน่าทึ่งจริง ๆ!
ภายในรถม้า ซูอันมีความรู้สึกหนักใจ อ๋องอู๋เป็นถึงองค์ชายที่มั่งคั่งสุขสบาย! แต่การที่ชายผู้นี้ไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลกนั้นเป็นเรื่องที่น่าสงสัยจนเกินไป ไม่แน่อีกฝ่ายอาจกำลังวางแผนการบางอย่างที่ยิ่งใหญ่อยู่ก็ได้ มันยากที่จะพูด…
“มีสิ่งหนึ่งที่อ๋องอู๋มีชื่อเสียงมากที่สุด เขารับลูกสาวของตระกูลเล็ก ๆ คนหนึ่งมาเป็นพระชายา” เจิ้งตานเล่าถึงสิ่งที่นางเคยได้ยินมาก่อน “เขาเป็นถึงอ๋อง โดยปกติอ๋องคนอื่น ๆ จะเสริมอำนาจด้วยการเกี่ยวดองผ่านการแต่งงานกับตระกูลที่ยิ่งใหญ่ ดังนั้นการตัดสินใจนี้ของเขาจึงนับว่าค่อนข้างน่าประหลาดใจ
“แต่ว่ากันว่าสตรีที่อ๋องอู๋ได้เลือกให้เป็นพระชายานั้นงดงามจนน่าตกตะลึง สิ่งนี้จึงทำให้การเลือกของอ๋องอู๋เป็นที่เข้าใจได้มากขึ้น” เจิ้งตาน อดไม่ได้ที่จะพ่นลมหายใจอย่างเหยียดหยาม “ผู้ชายอย่างพวกเจ้าก็สนใจแต่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น!”
ซูอันหัวเราะ “แต่ผู้หญิงทุกคนก็ชอบผู้ชายมีชื่อเสียงเหมือนกันไม่ใช่หรือไง ผู้หญิงที่บ้านเกิดของข้าคลั่งไคล้พวกผู้ชายมากกว่าผู้ชายคลั่งไคล้พวกผู้หญิงดัง ๆ ซะอีก!”
เจิ้งตานทำหน้าทำตาแปลกประหลาด “บ้านเกิดของเจ้านี่…เป็นอะไรที่น่าสนใจจริง ๆ”
ด้วยการนำของชุนปู้ฉี ขบวนรถม้าก็เข้าสู่เมืองแผ่นฟ้าอุดรอย่างช้า ๆ ซูอันค่อย ๆ ยกผ้าม่านขึ้นมองดู “สถานที่แห่งนี้ดูไม่เจริญเท่าเมืองจันทร์กระจ่าง”
“แน่นอน! เมืองจันทร์กระจ่างมีกิจการค้าเกลือและเหล็กขนาดใหญ่ ดังนั้นจึงมีพ่อค้าที่ร่ำรวยมากมายอาศัยอยู่ มันย่อมจะมีความเจริญรุ่งเรืองมากกว่าที่อื่น ๆ ในเขตแดนใกล้เคียงอยู่แล้ว” เสียงของเจิ้งตานเจือไปด้วยความภาคภูมิใจเมื่อนึกถึงบ้านเกิดของตนเอง
ประชาชนทั่วไปของเมืองแผ่นฟ้าอุดรยืนชะเง้อคออยู่เต็มสองข้างถนน พวกเขาต่างก็สงสัยว่ากองทหารราชองครักษ์เป็นอย่างไร จำนวนคนดูเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ทุกอย่างมีชีวิตชีวา
แต่ทันใดนั้น ซูอันก็พบบุคคลที่คุ้นเคยในฝูงชนอย่างกะทันหัน บุคคลนี้กำลังปลอมตัวและปะปนอยู่กับคนอื่น ๆ ที่มองดูอยู่!
ซูอันถอนหายใจเมื่อเขาเห็นร่างที่คุ้นเคย ไม่มีทางที่เขาจะจำคน ๆ นี้ไม่ได้! แม้ว่านางจะนุ่งผ้าขี้ริ้ว นางก็ยังดูไม่เหมือนสามัญชน!
ตั้งแต่ใบหน้าที่มีเสน่ห์ไปจนถึงส่วนโค้งเว้าที่ยั่วยวน สิ่งเหล่านี้ล้วนทรยศต่อการปลอมตัวของเจ้า!
มีผู้ชายบางคนแอบมองนาง และมีแม้แต่สองสามคนที่แสร้งทำเป็นว่าพวกเขากำลังถูกฝูงชนเบียดเสียดยัดเยียดจนกระทบร่างของนาง
เมื่อใดก็ตามที่มีคนกำลังจะสัมผัสนาง กำแพงที่มองไม่เห็นได้ผลักพวกเขาออกไป ป้องกันไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้นาง
ซูอันรู้ว่าเพ่ยเหมียนหมานนั้นยั้งมือไว้เพื่อไม่ให้ดึงดูดความสนใจมาที่ตัวเองมากเกินไป มิฉะนั้นคงไม่มีทางที่คนเหล่านี้จะสามารถเข้าใกล้ตัวนางได้เลย
หากอยู่ในพื้นที่รกร้างห่างไกลผู้คนและนางอารมณ์ไม่ดี เปลวไฟสีดำของนางคงเผาผลาญคนไร้ยางอายพวกนี้ทันทีโดยไม่เหลือร่องรอยใด ๆ
เพ่ยเหมียนหมานยิ้มหวานให้ซูอัน เมื่อสังเกตเห็นว่านางถูกเขาค้นพบแล้ว “ข้าคิดว่าเจ้าจะถูกทำร้ายหลังจากถูกจับ แต่ดูตอนนี้สิ! พวกเขามอบรถม้าสุดหรูให้เจ้า และแม้กระทั่งยังจัดให้สาวงามนั่งเป็นเพื่อนเจ้าอีกต่างหาก ช่างน่าอิจฉาเหลือเกินนะ!”
ซูอันรู้ว่านางกำลังพูดกับเขาผ่านกระแสพลังชี่ แต่พลังชี่ของเขาถูกผนึกไว้ ดังนั้นจึงไม่สามารถตอบกลับด้วยวิธีเดียวกันได้ เขาตัดสินใจพูดออกมาดัง ๆ แทน “มันจะดีกว่านี้ถ้าข้ามีเหมียนหมานใหญ่นั่งเป็นเพื่อนด้วยอีกคน”
นางควรจะสามารถได้ยินเขาได้จากระดับการบ่มเพาะของนาง
ใบหน้าของเพ่ยเหมียนหมานเปลี่ยนเป็นสีแดง “ทำไมเจ้าชอบเรียกชื่อเล่นไร้สาระนี้อยู่เรื่อย! เอาไว้ข้าเจอชูเหยียนเมื่อไหร่ ข้าจะให้นางลงโทษเจ้า! อ้อ จริงสิ เกือบลืมไปเลยว่าพวกเจ้าสองคนไม่ได้เป็นสามีภรรยากันแล้ว หึหึ…”
ซูอันกัดฟันกรอด
ผู้หญิงคนนี้มีความสุขอยู่บนความโชคร้ายของข้างั้นเหรอ? เจ้าควรจะเสียใจกับชูเหยียนที่เป็นเพื่อนสนิทของเจ้าไม่ใช่หรือไง?
“เหมียนหมานใหญ่? คืออะไร?” หวงฮุ่ยฮงได้ยินคำพูดของซูอัน เขาหันกลับมาและถามด้วยความงุนงง
ซูอันกำลังจะบอกว่ามันไม่ใช่ธุระอะไรของอีกฝ่าย แต่เพ่ยเหมียนหมานกลับส่งคำเตือนที่น่าตกใจมาให้เขาอย่างกะทันหัน “ระวัง!”