บทที่ 664 เผ่าภูตดำ
บทที่ 664 เผ่าภูตดำ
ขณะที่นางพูดแบบนี้ ซูอันก็เห็นวัตถุสีดำพุ่งเข้าหาเขาจากภายในฝูงชน
วัตถุสีดำนี้พุ่งมาเร็วมาก ทันทีที่เขาเห็นมัน มันเร็วมากจนเหมือนปรากฏอยู่ตรงหน้าซูอันแล้ว
ในเสี้ยววินาทีนั้น ดูเหมือนว่าเขาจะได้กลิ่นของโลหะและเจตนาฆ่าที่เล็ดลอดออกมาจากความมืดมิดนั้น ความรู้สึกของเจตนาฆ่านี้ทำให้หนาวสั่นไปทั่วร่างกาย ขนทั้งร่างตั้งชัน ชายหนุ่มรู้สึกราวกับว่ากำลังเผชิญกับความตายที่ใกล้เข้ามา
ไม่มีเวลาคิด เขาคว้าเจิ้งตานและใช้จ้าววายุพุ่งออกไป
ทันทีที่เคลื่อนไหว วัตถุสีดำนั้นก็กลายเป็นภาพติดตาของเขา มันเกือบจะเฉือนปลายจมูกของซูอันอย่างหวุดหวิด
หัวใจของซูอันเต้นแรง แม้ว่าจะเคยเผชิญกับภัยคุกคามถึงตายมาหลายครั้งแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาประสบอันตรายโดยไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน
จากนั้นชายหนุ่มก็รู้ว่าวัตถุสีดำนั้นคืออะไร มันคือลูกธนูแบบพิเศษ!
มันปักติดอยู่บนผนังรถม้า ซึ่งสามารถเจาะทะลุเข้าไปในผนังของรถม้าที่ทนทานได้ ขนหางของมันยังคงสั่นอยู่ เขาสามารถจินตนาการได้เลยว่ามันจะเป็นอย่างไรถ้าเขาถูกลูกธนูนี้เข้า ครึ่งตัวของเขาอาจจะระเบิดทันที!
“อาซู!” ในที่สุดเจิ้งตานก็ตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ใบหน้าของนางขาวซีด นางเอื้อมมือมาจับเนื้อตัวของเขาเพื่อหาร่องรอยบาดเจ็บทันที
ทันใดนั้น วัตถุสีดำอีกหนึ่งบินเข้าหาพวกเขา พวกนักฆ่าไม่ยอมให้เวลาเขาหายใจ
หวงฮุ่ยฮงเริ่มตั้งสติได้ ก่อนหน้านี้เขาเสียสมาธิไปชั่วขณะตอนที่จะถามคำถามกับซูอัน และนักธนูที่ซ่อนอยู่ได้อาศัยช่องโหว่นี้โจมตี เขาจะปล่อยให้นักฆ่าคนนี้ทำสำเร็จอีกรอบได้อย่างไร?
ด้วยเสียงคำรามของความโกรธ โซ่เกี่ยววิญญาณของเขาพุ่งไปข้างหน้าปะทะกับลูกธนูสีดำนั้นจนเสียงดังลั่น
จากลูกธนูสีดำแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แต่ทว่าแรงปะทะนี้ทำให้ร่างกายของหวงฮุ่ยฮงสั่นเทา แม้แต่เขาก็ยังรู้สึกว่ายากที่จะจัดการกับพลังมหาศาลของลูกธนูนั้น
ทูตยุทธ์เสื้อแพรและทหารราชองครักษ์ตอบสนองในทันที โดยพุ่งไปยังทิศทางที่ลูกธนูสีดำถูกยิงออกมา
“อา!!!” เสียงกรีดร้องของฝูงชนที่ตื่นตระหนกดังขึ้นตอบสนองต่อสถานการณ์อันวุ่นวายที่บังเกิดโดยไม่คาดคิดนี้ พวกเขามาที่นี่เพื่อชมขบวนทหารจากเมืองหลวงเท่านั้น ไม่มีใครอยากจะถูกลูกหลงไปด้วย ฝูงชนต่างวิ่งไปคนละทาง
เพ่ยเหมียนหมานยิ้มเมื่อเห็นว่าซูอันปลอดภัยดี ก่อนจะจากไปพร้อมกับฝูงชน นางต้องการหลีกเลี่ยงความยุ่งยากที่จะเกิดขึ้นเมื่อราชองครักษ์เริ่มการสืบสวน
“เราจะได้พบกันใหม่เร็ว ๆ นี้” เพ่ยเหมียนหมานบอกกับซูอันผ่านกระแสพลังชี่ก่อนจะจากไป น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความคลุมเครือ
แม้ว่าจะเป็นวลีธรรมดา ๆ แต่น้ำเสียงที่นางพูดทำให้จินตนาการโลดแล่นอยู่เสมอ
ซูอันค่อนข้างรู้สึกแปลก เขารู้สึกเดจาวูอย่างกะทันหัน…นี่มันคล้ายกับตอนที่เสวี่ยเอ๋อร์พูดกับเขาหลังจากที่นางถูกเปิดโปงและต้องออกจากตระกูลฉู่ เขาสงสัยว่านางเป็นอย่างไรบ้างในเมืองหลวงตอนนี้
“เกิดอะไรขึ้น!?” อ๋องเหลียงและหลิวเหย่ารีบเข้ามาทันทีเมื่อได้ยินข่าว พร้อมด้วยชุนปู้ฉีและคนอื่น ๆ อีกหลายคน
“คนร้ายในฝูงชนพยายามลอบสังหารซูอัน…” หวงฮุ่ยฮง ให้คำอธิบายคร่าว ๆ เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น ความกลัวยังคงอยู่ในใจ ศัตรูฉวยโอกาสในทันทีที่เขาเสียสมาธิ!
ถ้าซูอันถูกฆ่าตายจริง ๆ ขณะอยู่ภายใต้การดูแลของเขา ไม่มีทางที่เขาจะพ้นโทษประหารได้
“นักฆ่าอยู่ที่ไหน??” ใบหน้าของอ๋องเหลียงมืดหม่น เมื่อครู่นี้เขากำลังอารมณ์ดีอยู่เลย กำลังคิดว่าจะไปแช่ในบ่อน้ำพุร้อนและให้สาวใช้สวย ๆ เต้นรอบบ่อ แต่แล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ไม่ใช่จุดจบของความฝันของเขาหรอกเหรอ?
“ลูกน้องของข้าตามเขาไปแล้ว แต่สถานการณ์ตอนนี้ค่อนข้างวุ่นวาย ดังนั้นข้าเกรงว่า…” เสียงของหวงฮุ่ยฮงเต็มไปด้วยความลังเลใจ
ทูตยุทธ์เสื้อแพรที่ออกติดตามนักฆ่าไปก่อนหน้านี้กลับมาอย่างรวดเร็ว
“นักฆ่ามีทักษะการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วมาก เขาแฝงตัวเข้ากับฝูงชนและหนีไปได้!”
ชุนปู้ฉีรีบพูด “ปิดประตูเมือง! เราต้องหานักฆ่าให้เจอ!”
หลิวเหย่าพูดอย่างเย็นชาว่า “ประตูเมืองกระจอกของท่านจะหยุดนักฆ่าที่หลบเลี่ยงการไล่ล่าของทูตยุทธ์เสื้อแพรและทหารราชองครักษ์ได้ยังไง?”
อ๋องเหลียงพยักหน้า “ถูกต้อง ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้น ผู้คนจะแตกตื่นเปล่า ๆ”
“ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณท่านอ๋องที่เคารพสำหรับคำชี้แนะ” ชุนปู้ฉีไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเรียกคนของเขากลับมา
หลิวเหย่าพ่นลมหายใจ “สิ่งนี้เกิดขึ้นในเมืองแผ่นฟ้าอุดร ดังนั้นอ๋องอู๋ต้องให้คำอธิบายที่เหมาะสมต่อพวกเรา ข้าอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหมือนว่าเหตุการณ์นี้ถูกจัดฉากขึ้น พวกท่านถูกส่งมาดึงความสนใจของเราไป ในขณะที่นักฆ่ารอโอกาสที่จะโจมตี!”
ข้อกล่าวหานี้สร้างความตื่นตระหนกให้กับชุนปู้ฉีอย่างมาก “แม่ทัพหลิวนี่ท่านกำลังพูดอะไร! ท่านอ๋องอู๋ของข้าภักดีต่อฝ่าบาทเสมอมา! เขาไม่มีทางกล้ากระทำเรื่องอุกอาจเช่นนี้แน่! เป็นที่เข้าใจกันดีอยู่แล้วว่าท่านอ๋องอู๋จะต้องรับโทษหากมีอะไรเกิดขึ้นกับคนที่พระองค์ต้องการตัวในอาณาเขตของเรา เราจะทำเรื่องโง่เขลาเช่นนี้ไปทำไม? ที่นี่คืออาณาเขตของเรา และมือสังหารก็กระทำการในเวลากลางวันแสก ๆ! ข้าเชื่อว่ามีคนเจตนาใส่ร้ายเราเพื่อให้อ๋องอู๋และองค์จักรพรรดิผิดใจกัน”
หลิวเหย่ากล่าวด้วยสีหน้าเย้ยหยันว่า “เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าที่ปรึกษาของอ๋องอู๋ แซ่ชุนนั้นมีความสามารถเพียงใดในการใช้วาจา แต่นึกไม่ถึงเลยว่าท่านก็มีลิ้นที่ไหลลื่นเช่นกัน!”
ชุนปู้ฉียิ้มอย่างขมขื่น “ข้าไม่ได้พยายามบอกปัดความรับผิดชอบในเรื่องนี้ แต่นี่คือความจริง ข้าหวังว่าอ๋องเหลียงจะให้ความยุติธรรมแก่พวกข้า!”
อ๋องเหลียงไม่ตอบ พูดตามตรง เขาเชื่อว่าสิ่งที่ชุนปู้ฉีพูดนั้นเป็นความจริง อ๋องอู๋จะต้องโง่ขนาดไหนถึงมาทำเรื่องแบบนี้ในเมืองของตัวเอง?
แม้แต่หลิวเหย่าก็เข้าใจเรื่องนี้เช่นกัน เขาแค่พูดให้อีกฝ่ายตกใจเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว จะต้องมีคำอธิบายสำหรับเรื่องนี้
เสียงของหวงฮุ่ยฮงตัดบท “นักฆ่าคือพวกภูตดำ”
เขาถือลูกธนูพิเศษไว้ในมือ ลูกธนูนี้มีขนสีดำที่ด้านท้าย เป็นดอกเดียวกับลูกธนูที่แทงเข้าไปข้างในรถม้า
“ลูกธนูนี้เป็นของพวกภูตดำ! ไม่น่าแปลกใจเลยที่มันยากที่จะตรวจจับได้” อ๋องเหลียงรับมันไปจากหวงฮุ่ยฮง “ไอ้ชนต่างเผ่าพวกนั้น!” เขาก่นด่า “พวกมันล้วนแต่ชั่วร้าย”
“ภูตดำ?” ซูอันพึมพำกับตัวเอง ในชั้นเรียนของซางหลิวอวี้ครั้งหนึ่งเคยกล่าวถึงภูตดำ ภูตดำไม่เหมือนกับภูตชนิดอื่นที่รักความสงบสุขและรักธรรมชาติ พวกเผ่าภูตดำกระหายการต่อสู้ สนุกกับการเห็นเลือดและการรบราฆ่าฟัน และเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ที่เชี่ยวชาญในการลอบสังหาร
บุคคลสำคัญจำนวนนับไม่ถ้วนถูกภูตดำลอบสังหารไม่ว่าจะเป็นจากชนเผ่าต่างสายพันธุ์หรือจากเผ่าพันธุ์มนุษย์ ซูอันไม่นึกเลยว่าสักวันหนึ่งตัวเขาจะได้รับเกียรติจากเผ่าภูติดำเช่นนี้
ทันใดนั้นเสียงของอ๋องเหลียงก็ดังขึ้น “ภูตดำจะไม่โจมตีจนกว่าจะแน่ใจว่าประสบความสำเร็จ ซูอันหลบลูกธนูนี้ได้ยังไง?”