บทที่ 659 ไปดูเรื่องสนุกๆกัน
อย่างไรก็ตาม!
มานั้นง่าย คิดอยากจะกลับไปนั้นยาก
กองกำลังข้าศึกที่ถอยทัพกลับไม่ดุดันเหมือนตอนที่พวกมันมาอีกต่อไป อีกอย่างใจของทหารก็พลิ้ววุ่นวายไปแล้ว แต่ละคนเหมือนหมาที่สูญเสียเจ้าของ พวกมันพยายามจะหนี แต่กลับมีหอกยาวและโล่หนักอยู่ในมือ เป็นสิ่งกีดขวางทำให้พวกเขาหลบหนีได้ช้า
ในฐานะที่เป็นทหาร พวกเขาคงไม่สามารถที่เกราะกันบังได้หรอกมั้ง?
ดังนั้นการล่าถอยของพวกเขาจึงช้าลง และจุดอ่อนที่ร้ายแรงของพวกเขาก็ถูกเปิดเผย เพราะโล่ไม่สามารถป้องกันข้างหลังพวกเขาได้ และข้างหลังพวกเขามุ่งเป้าไปที่กำแพงเมือง…
ดังนั้น!
คำสั่งที่อยู่ภายใต้ความเงียบสงบของอ๋องเย่ ลูกธนูนับไม่ถ้วนพุ่งทะลุอากาศราวกับฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก เจาะร่างกายของข้าศึกที่หนีกลับไปโดยตรง
การโจมตีของฝ่ายข้าศึกที่เสร็จสิ้นลงมา
ทหารเกือบสองหมื่นคนที่มาแล้วก็ไม่ได้กลับไปอีกเลย แต่ทหารและม้าของอ๋องเย่ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆเลย ทำให้ศัตรูมองเห็นได้อย่างแท้จริง ว่าตำนานไร้พ่ายไร้เทียมทานของอ๋องเย่นั้นได้มาได้อย่างไร
บนกำแพงเมืองที่สูงตระหง่าน ร่างสีดำที่ยืนอยู่เหนือกำแพงเพลิง ด้วยท่ายืนที่สง่างาม เต็มไปด้วยความรู้สึกของผู้ชนะ เขากลายเป็นความกลัวอย่างลึกล้ำในใจของข้าศึก และมันก็ยังได้ทิ่มแทงใจผู้นำข้าศึกให้เจ็บปวด
อ๋องเทพสงครามยังคงน่ากลัวมาก!
……
รอจนกระทั่งข้าศึกถอยกลับไปจนหมด
อ๋องเย่ให้เหล่าแม่ทัพสั่งการเก็บกวาดสนามรบ และจัดการเรื่องต่างๆหลังจากการสู้รบ
กองกำลังได้รับขวัญและกำลังใจเป็นอย่างมาก ความสุขของชัยชนะได้กวาดล้างหมอกควันตรงหน้าจนสะอาด และภาพลักษณ์ที่เข้มแข็งและแข็งแกร่งของอ๋องเย่ที่อยู่ในใจของพวกเขาก็ยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีก
ไฟบนกำแพงเมืองยังคงลุกไหม้อยู่
หลานเยาเยายืนเอามือไขว้อยู่ข้างหลัง หันหน้ามองไปทางร่างที่สูงใหญ่ สวมใส่ชุดดำ ยืนต้านสายลม เสื้อผ้าพลิ้วไหวไปตามลม ไม่เพียงแต่ดูแล้วน่าเกรงขาม แต่ยังแสดงให้เห็นถึงลักษณะของผู้ชนะโดยกำเนิด
มุมปากของนางโค้งงอขึ้นด้วยรอยยิ้มบางๆ
ผู้ชายที่งดงามดั่งเทพ ชาติก่อนชาตินี้ก็ได้มาพัวพันกับนาง นางนั้นโชคดีขนาดไหน
ไม่เสียแรงที่นางพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อเดินทางมาหาเขา
เหมือนเขาจะสังเกตเห็นสายตาของนาง
เย่แจ๋หยิ่งหันหน้ามา สายตาที่เฉียบคมเยือกเย็นหยุดอยู่บนตัวนาง วินาทีที่สายตาประสานกันกับนาง สายตาที่เย็นชาไร้ความปรานี ก็ได้ถูกทดแทนด้วยสายตาที่อ่อนโยนทันที
แต่สายตาที่อ่อนโยนนี้คงอยู่ไม่นาน
ทันใดนั้นเย่แจ๋หยิ่งเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาเหมือนยังโกรธอยู่ ภายในใจเหมือนได้ต่อสู้กันไปครู่หนึ่ง ดูว่าควรที่จะโกรธต่อไปหรือเปล่า
เห็นหลานเยาเยายิ้มอย่างไม่สะทกสะท้าน
ยังจะมายิ้มอีก?
เย่แจ๋หยิ่งทำเสียงฮึ่มไปหนึ่งที สะบัดแขนเสื้อสีดำอย่างแรง หันหลังลงไปจากกำแพงอย่างรวดเร็ว
ห๊า?
ทำไมโกรธอีกแล้วล่ะ?
หลานเยาเยาที่อยากให้อ๋องเย่กอดหอมแล้วยกตัวขึ้นสูง ก็ตัดสินใจทันที จะตามติดอยู่ด้านหลังของเย่แจ๋หยิ่ง จากนั้นเมื่อไปถึงตรงที่ไม่มีคน จะใช้ความสวยของตัวเองทำให้เขายอมสยบ ให้เขาระบายความโกรธทั้งหมด
เช่นนี้แล้วนางจึงได้รีบลงไปทางกำแพงอีกด้าน
เส้นเงินเส้นเล็กๆยาวๆได้ถูกถอดลงมาหมดแล้ว นอกจากกลิ่นคาวเลือกที่คลุ้งไปทั่ว ไม่ว่าจะเป็นศพหรือม้าของข้าศึก ได้ถูกจัดการไปกว่าครึ่งแล้ว
เย่แจ๋หยิ่งที่ก้าวเท้าไปข้างหน้า ด้วยฝีเท้าที่รีบร้อน สายตาได้เหลือบมองไปข้างหลังเล็กน้อย เห็นร่างที่อรชร ก็ยิ่งเร่งฝีเท้าเข้าไปอีก มุมปากก็โค้งขึ้นเผยรอยยิ้มที่มีเลศนัย
และแล้ว!
เดินๆอยู่ เย่แจ๋หยิ่งก็รู้สึกถึงความผิดปกติ เขาค่อยๆหยุดฝีเท้าลง เหมือนจะหันหลังไปแอบมอง ว่ายังมีร่างของหลานเยาเยาเดินตามมาอยู่หรือเปล่า?
คนล่ะ?
เย่แจ๋หยิ่งสงสัย
หรือว่าเดินเร็วเกินไป นางเลยตามไม่ทัน?
จึงมองหาโดยรอบ ยังคงไม่เจอร่างที่คุ้นเคย
สีหน้าของเย่แจ๋หยิ่งก็แย่ลงทันที
เดิมหลานเยาเยาที่จะไล่ตามเย่แจ๋หยิ่งทัน ก็ถูกคนผู้หนึ่งมาขวางทางเอาไว้
คนผู้นี้เหมือนไม่ได้มาดี มองนางอย่างระมัดระวัง ราวกับว่าจะจ้องจนหน้าของนางทะลุเป็นรูแล้ว
สุดท้ายจึงได้พูดคำขู่ออกมา “ข้ามีเรื่องสำคัญต้องคุยกับเจ้า เรื่องเกี่ยวกับอ๋องเย่ ข้อมูลนี้สำหรับเจ้าต้องเป็นข้อมูลที่น่าทึ่งอย่างแน่นอน”
คนผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นคนที่เห็นนางเหมือนเป็นคู่แข่งด้านความรักอย่างโม่เหลียงเฉิน
แม้ไม่รู้ว่าโม่เหลียงเฉินคิดจะมาไม้ไหน แต่เรื่องเกี่ยวกับเย่แจ๋หยิ่ง ไปสักครั้งจะเป็นไร?
ครู่ต่อมา!
โม่เหลียงเฉิงได้พานางไปถึงร้านเหล้าแห่งหนึ่งในเมืองโยวกวง
ทางร้านรู้ว่าพวกเขาชนะศึกสงคราม ยังรู้ว่าพวกเขาเป็นเพื่อนที่อ๋องเย่พามา ทางร้านจึงเป็นมิตรกับพวกเขาอย่างมาก เลี้ยงต้อนรับด้วยกับแก้มและสุราชั้นดี
แน่นอน!
พวกหลานเยาเยาไม่มีทางที่จะมีกินโดยไม่จ่ายเงินอยู่แล้ว ต่อให้นางจะงก แต่สิ่งที่ควรจ่ายก็ต้องจ่าย ไม่ว่ายังไงมันไม่ใช่นางเป็นคนจ่าย
ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองคนจึงได้ยิ้มให้กับเจ้าของร้าน
แต่เมื่อเจ้าของร้านเดินจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าก็หายไปทันที
“พูดมาเถอะ!”
เมื่อทั้งสองคนนั่งลงแล้ว หลานเยาเยาไม่จับแม้แต่ตะเกียบ ก็พูดออกมาโดยตรง
แม้จะมีสุราชั้นดีอาหารเลิศรส แต่ในใจนางกลับอยู่ที่เย่แจ๋หยิ่ง อยากจะรีบคุยให้จบ
สำหรับนางทำไมถึงต้องมากลับโม่เหลียงเฉิน ไม่ใช่เพียงเพราะเรื่องของเย่แจ๋หยิ่งเพียงอย่างเดียว
นางยังมีเรื่องอื่นด้วย
โม่เหลียงเฉินก็ตรงไปตรงมา ไม่พูดจาอ้อมค้อม พูดกันตรงๆ
“ในใจอ๋องเย่มีคนที่ชอบแล้ว เคยเป็นสาวงามที่ขึ้นชื่อของประเทศหลานเยาเยาพระชายาของอ๋องเย่ จากนั้นก็เป็นเทพธิดาที่งามสง่า ข้าในฐานะคนที่เป็นเพื่อนของอ๋องเย่ เข้าใจนิสัยของอ๋องเย่ดี เมื่อเขารักใครแล้ว ต่อให้ตายก็ไม่เปลี่ยนใจ”
ดังนั้น ความรู้สึกของอ๋องเย่ที่มีต่อความรักของพวกเขามันลึกซึ้งดั่งทะเล แม้ว่าทะเลจะแห้งและหินจะเน่าเสียก็ไม่มีทางจางหายไป สำหรับทำไมอยู่ดีๆถึงได้มาชอบบุรุษ อาจเป็นเพราะว่าเจ้ากับนางสองคนมีจุดที่คล้ายกัน
แต่ไม่ว่าจะทำไม เจ้าก็เป็นเพียงตัวแทนตัวสำรอง
ซ่างกวงหนานซู่ เจ้าเป็นผู้ชาย เจ้าต้องรู้เพศของตัวเองให้ชัดเจน
ข้าขอเตือนให้เจ้าสังเกตสีหน้าคนอื่นบ้าง อย่าทำให้อ๋องเย่ต้องเสียชื่อเสียง
ยังจะถือโอกาสพูดหนึ่งคำ การเป็นคน อย่าโลภเกินไป ใจหนึ่งก็อยากมีอ๋องเย่ อีกใจหนึ่งก็ไปจีบผู้หญิงคนอื่น หลายใจแบบนี้ จุดจบต้องน่าอนาถอย่างแน่นอน
ดังนั้น ทางที่ดีที่สุดอยู่ห่างๆพวกเขาเอาไว้ สั่งสมบุญให้ตัวเองหน่อย!
หลังจากฟังจบ
หลานเยาเยาพยักหน้าอย่างครุ่นคิด
“ที่แท้คำพูดประโยคสุดท้ายถึงจะเป็นคำพูดที่สำคัญที่สุดในคำพูดเหล่านั้น หลังจากที่สรุปเสร็จ บทสนทนาของนางก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จึงถามอย่างสอดรู้สอดเห็น เจ้าเพียงแค่ชอบเสี่ยวฮัวฮัว? หรือเจ้ารักนางเข้าแล้ว?”
“อะ อะไรนะ?” โม่เหลียงเฉินอึ้งไปทันที
จะไปรู้ได้อย่างไรว่าซ่างกวงหนานซู่จะถามเช่นนี้ ถามจนเขาตั้งตัวไม่ทันและไม่รู้จะตอบยังไง “สิ่งที่ข้าคุยกับเจ้าไม่ใช่เรื่องนี้……….”
ไม่อย่าฟังเขาพูดจาไร้สาระ
หลานเยาเยาก็ขัดจังหวะเขาโดยตรง
“อย่าอ้อมค้อมอีกเลย ตอบข้ามาโดยตรง เวลาของข้ามีจำกัด ไม่อยากเสียเวลากับเจ้าที่นี่ ในเมื่อเจ้าเป็นเพื่อนของอ๋องเย่ อีกทั้งยังทำงานให้อ๋องเย่อีก พวกเราถือว่าเป็นคนที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน สามารถเป็นเพื่อนกันได้
หากเจ้าตอบข้าตามจริง ข้าก็จะบอกกับเจ้าว่าคนที่เสี่ยวฮัวฮัวชอบคือใคร?”
“ใครจะเป็นเพื่อนกับเจ้า ข้าโม่เหลียงเฉินตีให้ตายก็ไม่มีทางเป็นเพื่อนกับเจ้าที่พยายามจะยุ่งเกี่ยวกับความเป็นชายของอ๋องเย่”
โม่เหลียงเฉินรู้สึกว่าตัวเองนั้นหยิ่งมาก
เขายังนึกว่าซ่างกวงหนานซู่จะโต้เถียงกับเขาด้วยเหตุผล
ใครจะไปรู้………
คนอื่นหยิ่งกว่าเขาเสียอีก ลุกขึ้นเดินไปโดยตรง ยังถือโอกาสกล่าวอย่างสุภาพ
“ขอตัวก่อน!”
“เฮ้ย เฮ้ย เฮ้ย เจ้ารอก่อน หยุดเดี๋ยวนี้ ข้ายังพูดไม่จบเลย………..”
แต่หลานเยาเยาทำเป็นเหมือนไม่ได้ยิน เอามือข้างหนึ่งไขว้ไว้ข้างหลัง เดินออกไปจากร้านด้วยฝีเท้าที่ไม่เร่งรีบ ไม่คิดจะหันหลังกลับ ทำเหมือนกับว่าโม่เหลียงเฉินจะตอบเขาหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวกับนางอะไร
ไม่นานนัก เสียงที่กระหืดกระหอบของโม่เหลียงเฉินก็ดังมาจากด้านหลัง
“ข้ารักนางเข้าแล้ว หากไม่ใช่นางข้าจะไม่แต่งงาน แม้แต่ชีวิตก็สละเพื่อนางได้ หวังว่าจะสามารถปกป้องนางทุกภพทุกชาติ แบบนี้ได้หรือยัง เจ้ารีบบอกความคิดของนางกับข้า คนที่นางชอบคือใคร?”
คำพูดนี้หลานเยาเยาพอใจมาก
นางหยุดฝีเท้าลง หันหน้ากลับไปมองโม๋เหลียงเฉิน ใบหน้าเหมือนไม่หวังดีขึ้นมาทันที แววตายิ่งให้ความรู้สึกแปลกๆ
เห็นเขาที่เป็นแบบนี้ โม่เหลียงเฉินร้อนใจแล้ว
นึกว่าแค่เอาเขามาล้อเลียน ก็รีบก้าวเดินไปข้างหน้า อ้าปากก็จะถาม หลานเยาเยากลับยื่นมือออกมาแล้วสะบัดไปหนึ่งที ในมือไม่รู้ว่าเป็นผงอะไรได้ถูกโปรยไปทางจมูกของโม่เหลียงเฉิน
โม่เหลียงเฉินก็รู้สึกเวียนหัวขึ้นมาทันที ร่างกายอ่อนเพลียไปไม่น้อย เขาทำได้เพียงยื่นมือชี้ไปทางนาง ถามด้วยใบหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ
“เจ้า เจ้าทำอะไร?”
“ก็วางยาไง!” หลานเยาเยายิ้มเล็กน้อย เสียงยังคงเบิกบานสบายอารมณ์
ร่างกายไร้เรี่ยวแรง โม่เหลียงเฉินที่มองเห็นภาพเบลอ ก็ทนไม่ไหวในไม่ช้า ได้ล้มลงไปบนพื้น ค่อยๆหมดสติ
“อาส้ง มาพาคนไป พวกเราไปดูเรื่องสนุกๆกัน”