ตอนที่ 497 พฤติกรรมสับสนของเจ้าสำนัก (3)
เขามองไปที่เหล่าทูตเทวะซึ่งกำลังฝึกฝนกลยุทธ์สงครามของเผ่าเวทที่ลานด้านหน้าและด้านหลัง
จากนั้นเขาก็ค้นหาไปรอบๆ แต่ก็ไม่พบอะไรผิดปกติ
ไฉนวันนี้จึงมีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นมากมาย..
ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงที่จงใจระงับเสียงให้แผ่วเบาอยู่ข้างๆ รูปปั้น
“ฉางเกิง… ฉางเกิง? เจ้าได้ยินข้าหรือไม่? ฉางเกิง?
หากเจ้าได้ยินข้า ก็จงตอบข้าด้วยการทำให้รูปปั้นของเจ้ากระโดดขึ้นลง!”
หลี่ฉางโซ่วถึงกับพูดไม่ออก
เพราะสิ่งที่เขาต้องทำคือ กระโดดให้เหมือนรูปปั้นเช่นกัน!
จากนั้นเขาก็ใช้เจตจำนงวิญญาณของเขาเพื่อมองไปที่แหล่งที่มาของเสียง แล้วพบว่า มีเงาดำบางเบาปรากฏอยู่ที่นั่น รูปร่างของเงาดำนั้น…ดูอวบอ้วนเล็กน้อย
หลี่ฉางโซ่วจำเสียงนั้นได้ มันเป็นเสียงของศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย
นักพรตเต๋าตั๋วเป่า
ทว่าไฉนผู้ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ถึงมาทำลับๆ ล่อๆ มองหาข้า?
เรื่องนี้ต้องมีบางอย่างผิดปกติเป็นแน่ เป็นไปได้มากกว่าแปดในสิบส่วนว่า มันจะเป็นหลุมพราง
รูปปั้นของหลี่ฉางโซ่วยังคงไร้การเคลื่อนไหวในขณะที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ชราที่อยู่ในขอบเขตเซียนเทียนก็โผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน และพร้อมจะแสดงตัวได้ทุกเมื่อ
ทว่าเมื่อตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วปรากฏตัวขึ้น จู่ๆ ก็มีมือขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นมาจากอากาศแล้วคว้าแขนของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของเขาไปอย่างกะทันหัน จากนั้นมือใหญ่ก็ดึงเข้าไปใน… ถ้ำดินที่คุ้นเคยโดยไม่เอ่ยวาจาใดๆ
จากข้อมูลเชิงลึกของเขา นักพรตเต๋าที่ตัวขาวและอวบอ้วนเล็กน้อยต่อหน้าเขาผู้นี้ก็คือ นักพรตเต๋าตั๋วเป่าจริงๆ
เพราะในท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นพลังเวทเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนผู้ใด จ้าวแห่งถ้ำว่างเปล่า
“ฉางเกิง!”
นักพรตเต๋าตั๋วเป่าดึงตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วไปและหมอบลง เขามองไปรอบๆ อย่างกังวลและส่งข้อความเสียงไปหาหลี่ฉางโซ่ว
“เจ้ากำลังมีปัญหาใหญ่แล้ว!”
หลี่ฉางโซ่วกลั้นหายใจและตั้งสมาธิโดยไม่ตื่นตระหนก เขายังคงนิ่งสงบขณะถามว่า “ผู้อาวุโส มีเรื่องผิดปกติอันใดเกิดขึ้นหรือ?”
“มีเรื่องผิดปกติอันใด? จะเป็นอันใด ไปได้อีก?”
นักพรตเต๋าตั๋วเป่ารีบกล่าวอย่างกังวลว่า “บอกตามตรงว่า ข้าเพิ่งออกมาจากวังปี้โหยว และรีบพุ่งมาที่นี่ทันที”
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าศิษย์น้องหญิงอวิ๋นเซียวไปหาท่านอาจารย์ที่วังปี้โหยวแล้ว!?!”
หลี่ฉางโซ่วฉงนฉงาย แล้วเรื่องนี้เกี่ยวข้องอันใดกับข้า
“เอ่อ ศิษย์ผู้นี้ไม่รู้ว่า… เทพธิดามีเรื่องด่วนอันใดหรือไม่?”
นักพรตเต๋าตั๋วเป่ากะพริบตาปริบๆ และหัวเราะเบาๆ
“เจ้าสารเลวน้อย เจ้าเรียกข้าว่าผู้อาวุโส แล้วเรียกศิษย์น้องหญิงอวิ๋นเซียวว่า เทพธิดา
ไม่ได้! ไม่ได้!
นับแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าต้องเรียกข้าว่า… อืม… เซียนบุรุษ นั่นก็ฟังดูไม่ค่อยดีเท่าใดเหมือนกัน…”
หลี่ฉางโซ่วเห็นนักพรตเต๋าตั๋วเป่ายังคงมีอารมณ์ล้อเล่น เขาจึงถอนหายใจอย่างโล่งอกและประสานมือคารวะขณะกล่าวว่า “ท่านเซียนอาวุโส?”
“ใช่ๆ เป็นเพียงว่ามันฟังดูห่างเหินไปสักหน่อย เช่นนั้น ต่อไปนี้ เจ้าเพียงเรียกข้าว่าศิษย์พี่”
นักพรตเต๋าตั๋วเป่ากระแอมไอและไม่เปิดโอกาสให้หลี่ฉางโซ่วได้ปฏิเสธ
จากนั้น เขาก็อธิบายสถานการณ์ทั้งหมดในทันทีว่า “ก่อนหน้านี้ ท่านอาจารย์กับข้ากำลังกินลูกท้อและฟังเพลงในวัง… แค่กๆ ท่านอาจารย์กำลังสอนวิธีฝึกบำเพ็ญอย่างหนักให้ข้า
ทว่าจู่ๆ ศิษย์น้องหญิงอวิ๋นเซียวก็มากะทันหัน ทำให้ข้าตกใจกลัวจนเผลอกลืนแกนลูกท้อเข้าไป!”
“ศิษย์น้องหญิงอวิ๋นเซียวกล่าวว่า นางมีข้อสงสัยและอยากให้ท่านอาจารย์ช่วยคลายข้อสงสัยนั้นให้นาง ท่านอาจารย์จึงไม่กล้าไม่ระวัง
ศิษย์น้องหญิงอวิ๋นเซียวไม่ค่อยถามคำถาม แต่ทุกๆ คำถามที่นางถาม จะทำให้ท่านอาจารย์ต้องใช้เวลานานเพื่อตอบนาง และนางก็ยังสามารถโต้กลับได้อย่างง่ายดาย…
แล้วก็เป็นไปตามที่คาดไว้ ในวันนี้ ท่านอาจารย์ไม่อาจตอบคำถามที่ศิษย์น้องหญิงอวิ๋นเซียวถามได้”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า เทพธิดาทรงพลังมากจนแม้แต่ท่านจอมปราชญ์ก็ยังนิ่งงัน”
“เจ้ากล่าวเช่นนั้น ก็ออกจะตรงเกินไป!”
ตั๋วเป่าสอดมือเข้าไปในใส่แขนเสื้อของเขาแล้วลงนั่งยองๆ ที่มุมถ้ำกับหลี่ฉางโซ่ว และพึมพำว่า “ความจริงแล้ว หาใช่ปัญหาของศิษย์น้องหญิงของข้าไม่ ทว่าที่ทำให้ท่านจอมปราชญ์หนักใจ ก็คือตัวเจ้าเอง ฉางเกิง”
รอยยิ้มของหลี่ฉางโซ่วพลันแข็งค้างกะทันหัน หรืออาจจะเป็น…
ตั๋วเป่าถอนหายใจและกล่าวว่า “สิ่งที่ศิษย์น้องหญิงอวิ๋นเซียวถามนั้น ดูเหมือนจะบ่งบอกว่า นางได้ตกหลุมรักเข้าให้แล้ว นางคิดคำนึงอยู่ในใจเสมอ และมักจะนึกถึงใครคนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังมีร่องรอยของคนผู้นั้นในเต๋าใหญ่อีกด้วย
ว่ากันตามเหตุผลแล้ว นางบำเพ็ญเพียรมานานนับไม่ถ้วนแล้ว นางไม่น่าจะหวั่นไหวถึงเพียงนี้ นางกังวลว่า จะถูกวางแผนทำร้าย และอยากขอให้ท่านอาจารย์ช่วยตรวจสอบให้นาง”
“แล้วจากนั้น?” หลี่ฉางโซ่วอดจะถามไม่ได้
นักพรตเต๋าตั๋วเป่ายิ้มและกล่าวว่า “ท่านอาจารย์ทำการหยั่งรู้ ทว่าถูกแผนภาพไท่จี๋ปิดกั้นเอาไว้ นอกจากนี้ เขายังเรียกกระบี่สังหารเซียนมาด้วยตัวเอง และในขณะที่แผนภาพไท่จี๋กำลังเสียสมาธิ เขาก็ฉวยโอกาสนั้น ตัดพลังของแผนภาพไท่จี๋แล้วจึงได้เห็น… เจ้า”
หลี่ฉางโซ่วตะลึงงัน
เรื่องคลี่คลายแล้ว!
แรงกระตุ้นก่อนหน้านี้ของเขา ที่แท้ก็เป็นเพราะปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์ทงเทียนใช้กระบี่สังหารเซียนเพื่อสะกิดเขาจากระยะไกลนั่นเอง!
โลกบรรพกาลนั้นอันตรายเกินไปจริงๆ!
“เหอะๆ เจ้ากลัวหรือ?”
นักพรตเต๋าตั๋วเป่าชนไหล่ของเขากับหลี่ฉางโซ่วและกล่าวว่า “ไม่ต้องห่วง ท่านอาจารย์บอกว่า ท่านอาจารย์ลุงยืนยันที่จะปกป้องเจ้า แล้วแยกการหยั่งรู้ของเขาอีกครั้ง”
“ทว่าท่านอาจารย์ก็ยังบอกด้วยว่า เพียงเขาเหลือบไปมองเจ้าเท่านั้น เขาก็รู้ว่า ในอนาคต เจ้าจะไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน และเจ้ายังมีวาสนาชะตาลิขิตกับสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น อาจารย์ลุงก็จะไม่ใช้เรื่องนี้ เพื่อวางแผนทำร้ายบรรดาศิษย์ของสำนักบำเพ็ญเต๋าอย่างแน่นอน เขาบอกให้นาง ไม่ต้องกังวล เจ้าเห็นหรือไม่? ท่านอาจารย์กำลังพูดเพื่อเจ้า!”
หลี่ฉางโซ่วอดอดจะงงงวยไม่ได้
เหตุใดปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์ทงเทียนจึง…
ตั๋วเป่ายิ้มและกล่าวว่า “ทว่ายากนักที่จะหลอกศิษย์น้องหญิงอวิ๋นเซียวได้ หลังจากนั้น นางยังถามถึงเรื่องความทุกข์ยากแห่งความรักกับท่านอาจารย์อีกสองสามคำถาม
ท่านอาจารย์ก็ไม่รู้ว่าจะตอบนางอย่างไร เจ้าลองคิดดูสิ ท่านอาจารย์ได้รับเกียรติในฐานะเจ้าสำนัก เขาย่อมไม่อาจยอมเสียหน้าต่อศิษย์น้องหญิงของข้าได้ และนั่นจึงเป็นเหตุให้เขาต้องพูดอะไรบางอย่างที่ลึกลับกำกวมออกมาเล็กน้อย… ”
ต่อจากนี้ไป ศิษย์น้องหญิงน้อยจะต้องไปหาเจ้าอย่างแน่นอน และนางจะถามคำถามกับเจ้าห้าข้อ เจ้าต้องตอบตามที่ข้าบอก เจ้าต้องอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับคำทำนายของท่านอาจารย์
แล้วเมื่อเป็นเช่นนี้ ความสัมพันธ์ของเจ้ากับศิษย์น้องหญิงอวิ๋นเซียวก็จะมั่นคงยิ่งขึ้น และเจ้าก็สามารถรักษาหน้าให้อาจารย์ของข้าได้อีกด้วย เจ้าเข้าใจหรือไม่?”
หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วครุ่นคิดและพึมพำว่า “ผู้อาวุโส หากศิษย์ผู้นี้บอกว่าไม่เข้าใจ…”
ทันใดนั้นนักพรตเต๋าตั๋วเป่าก็ถลึงตาจ้องมองเขาและลุกขึ้นยืนตัวตรง
จากนั้น เขาก็ชูมือซ้ายขึ้นไปในอากาศที่ว่างเปล่าแล้วร้องตะโกน
“แผนภาพค่ายกลสังหารเซียนอยู่ที่ใด!?!”
………………………………………………………………..