บทที่ 508 แรงกระแทก

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

บทที่ 508 แรงกระแทก

กู้เฉิงเฟิงรู้สึกเหมือนกำลังจะหัวใจวาย เลือดกำเดาไหลพุ่งไม่มีท่าทีว่าจะหยุด ราวกับอวัยวะภายในทุกอย่างปั่นรวนจนไหลลงมากองอยู่ด้วยกัน!

อย่างน้อยสีหน้าเขาบ่งบอกอาการเช่นนั้น

จนอดคิดไม่ได้ว่าอยากลองเอาหัวทุ่มลงพื้นเพื่อพิสูจน์ว่านี่เป็นเรื่องจริงหรือแค่ความฝัน น้องสาวกับปู่ของตัวเองกลายเป็นพี่น้องกัน… ถ้าอย่างนั้น เขาล่ะ เขาเป็นตัวอะไร

นางพูดข้างหูเขาตลอดว่ามาที่นี่เพื่อช่วยพี่น้องของนาง… เช่นนั้น แปลว่านางกำลังพูดถึงท่านปู่ของเขาอย่างนั้นรึ

นางไม่ได้โกหกเขาสินะ!

เดี๋ยวก่อนนะ แล้วนางยังบอกอีกว่ามาช่วยไอ้โง่อีกคนด้วย

กู้เฉิงเฟิงสำลักอย่างกะทันหัน ก้มมองตัวเองที่ขยับแขนไม่ได้ด้วยความสยดสยอง ก่อนจะหันไปทางถังเย่ว์ซานที่ขยับขาไม่ได้

ไอ้โง่ที่นางพูดถึง ต้องเป็นถังเย่ว์ซานแน่นอน!

ต้องใช่แน่ๆ !

ถังเย่ว์ซานมองกลับพลางขมวดคิ้วแน่น

เจ้าเด็กนี่ทำไมถึงมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ

ส่วนกู้ฉังชิงที่ยืนดูอยู่ไกลๆ พอเห็นภาพตรงหน้าก็กลั้นความรู้สึกไว้ไม่อยู่เช่นกัน

แม้เขาจะพอรู้เรื่องที่ครั้งนั้นเหล่าโหวเหย่ดื่มเหล้าจนเมาและเรียกกู้เจียวว่าเป็นพี่น้อง ตอนนั้นเขากับกู้เหยี่ยนอยู่ที่ห้องข้างๆ แล้วก็เป็นเขาเองนี่แหละที่พาท่านปู่ในสภาพเมาแอ๋ส่งกลับจวน

ตอนแรกเขาคิดว่าท่านปู่แค่พูดเล่นในวงเหล้า ใครจะไปรู้ว่าพวกเขาจะหมายความอย่างนั้นจริงๆ ถึงขั้นตามมาช่วยเหลือกันที่ชายแดน!

ไม่น่าเชื่อ…

กู้ฉังชิงมองเหล่าโหวเหย่สลับกับมองกู้เจียว พวกเขาดูเข้ากันได้ดีราวปี่กับขลุ่ย

เหล่าโหวเหย่มัวแต่สนใจน้องรักของตัวเองจนลืมหลานที่อย่างกู้เฉิงเฟิงที่นั่งว้าเหว่อยู่ข้างๆ !

กู้เฉิงเฟิงผู้ที่ถูกคนในครอบครัวเมิน ‘เฟิงเฟิงเจ็บแค่ไหน เฟิงเฟิงไม่พูด!’

จากนั้นกู้เจียวกับเหล่าโหวเหย่ก็เริ่มบทสนทนา

เหล่าโหวเหย่ปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของตัวเองออก ก่อนจะเริ่มซักถาม “น้องรักของข้า เจ้ามาที่ชายแดนแห่งนี้ได้อย่างไร”

กู้เจียวหยิบสมุดเล่มเล็กขึ้นแล้วใช้พู่กันเขียนคำตอบ “ข้ามาช่วยเจ้า”

พอได้ยินคำตอบ ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยน้ำตาอีกครั้ง น้องรักของเขาช่างเป็นคนดีมีคุณธรรมมากนัก! เขาจะจดจำความเมตตานี้และจะไม่มีวันลืม!

ในตอนนั้นเองที่ความทรงจำต่างๆ เริ่มปรากฏขึ้นในหัวของเหล่าโหวเหย่

เขาจำได้ว่าหลังจากที่แขนขาของเขาถูกพวกมันตีจนหักและร่างของเขาถูกโยนเข้าไปในห้องเก็บสุราในจวนเทศมนตรีของเมืองหลิงกวน ดูเหมือนว่าเขาจะเห็นใครบางคนมาช่วยเขา

“เจ้าใช่ไหม น้องรัก เจ้าคือคนที่มาช่วยข้าให้ออกไปจากเมืองหลิงกวน” ดูเหมือนจะมีเรื่องราวมากกว่านั้นอีก แต่เขาจำไม่ได้แล้ว

ช่างปะไร ถ้านึกไม่ออกก็แปลว่าเป็นเรื่องไม่สำคัญสินะ!

กู้เฉิงเฟิง ‘ท่านปู่ ยังมีข้าอีกนี่ไง! ข้าเอง! ที่เป็นคนไปช่วยท่าน! โอ๊ย! เหตุใดท่านปู่ถึงจำได้แค่ยัยเด็กนี่คนเดียวนะ!’

น่าหงุดหงิดเป็นบ้า!

“เหมือนว่าพวกเราเคยไปอยู่ในเรือนแห่งหนึ่ง หรือไม่ก็ถ้ำแห่งหนึ่ง ใช่ไหม” เหล่าโหวเหย่พยายามนึกให้ออก ดูเหมือนเขาจะลืมอะไรบางอย่างไป แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออกอยู่ดี

ถังเย่ว์ซาน ‘เจ้าบ้านี่จำข้าไม่ได้เลยรึไง!’

ข้าคนนี้ที่แบกเจ้าจากกระท่อมไปจนถึงในถ้ำจนนิ้วของข้าถูกความเย็นกัดจนเจ็บไปหมด!

“แล้วอาการบาดเจ็บของข้า…เจ้าก็เป็นคนช่วยรักษาไว้ใช่หรือไม่” ความรู้สึกทุกอย่างของเหล่าโหวเหย่มันเอ่อล้นจนไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ เขาตบลงบนมือของกู้เจียวแล้วเอ่ยเสียงสะอื้น “ตั้งแต่เกิดมา มีอยู่สองสิ่งที่ข้าตัดสินใจถูกต้องที่สุดในชีวิต หนึ่งคือก่อตั้งกองทัพทหารตระกูลกู้ และสอง คือการที่ข้าได้รู้จักกับเจ้า”

กู้เจียวกุมมือเขาแล้วผงกหัวด้วยความจริงใจ!

เราสองพี่น้องร่วมสาบานเคียงบ่าเคียงไหล่ไปด้วยกัน!

จากนั้นเหล่าโหวเหย่ก็ถามถึงอาการบาดเจ็บของนาง พอรู้ว่ากู้เจียวไม่เป็นอะไรมาก เขาจึงวางใจ

กู้เฉิงเฟิง ‘เดี๋ยวก่อนนะ ไม่เห็นท่านปู่จะถามท่านพี่แบบนี้บ้างเลย!’

ระหว่างที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน ที่ลานก็เริ่มมีทหารที่บาดเจ็บใหม่ทยอยมาส่ง ในนั้นมีทหารนายหนึ่งที่บาดเจ็บบังเอิญตกลงมาจากเตียง ทำให้อาการแย่ลงกว่าเดิม

กู้เจียวเขียนลงในสมุด “ข้าขอตัวไปดูก่อน แล้วเดี๋ยวมาพูดคุยกับเจ้าใหม่”

“เจ้าไปเถอะน้องรัก” เหล่าโหวเหย่พยักหน้า

น้องรักของเขาคนนี้ช่างเก่งจริงๆ ไม่เพียงแต่รู้ศิลปะการต่อสู้เท่านั้น แต่ยังมีทักษะทางการแพทย์อีกด้วย นี่สิวีรชนที่แท้จริง มีทั้งทักษะและจิตใจที่เมตตา!

หลังจากกู้เจียวเดินออกไป

กู้เฉิงเฟิงยืดอกขึ้น พลางนึก ในที่สุดก็ถึงตาเขาแล้ว!

เขาต้องการแสดงให้ปู่เห็นว่าเขายังเป็นหลานชายที่ดี ผู้ช่วยปกป้องชายแดน ซ้ำยังกล้าหาญ ต่อสู้เก่ง บาดแผลของเขาคือเหรียญรางวัลอันทรงเกียรติที่สุดของเขา!

เขาเอ่ยเรียกใบหน้ายิ้มแย้ม “ท่านปู่!”

“คร่อก คร่อก”

เสียงกรนที่ดังเป็นจังหวะคือการตอบกลับของท่านปู่ของเขา

กู้เฉิงเฟิงที่ค่อยๆ หุบยิ้มลง “…”

….

หลังจากที่กั้นไม้พังลง ใต้เท้าหูจึงวานให้คนเอาฉากกั้นมาตั้งไว้ชั่วคราว

ในเมื่อเหล่าโหวเหย่กำลังหลับ เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากบอกกับถังเย่ว์ซาน และสองพี่น้องตระกูลกู้ “เวลานี้ ยังไม่มีช่างไม้คนไหนว่างเลยขอรับ โปรดใช้ฉากกั้นแก้ขัดไปก่อนนะขอรับ”

ไร้ซึ่งการตอบรับจากทั้งสามคน

ใต้เท้าหูนึกในใจ หรือว่า…พวกเขาจะไม่พอใจกันนะ

แต่เขาไม่ได้โกหกนะ ไม่มีช่างไม้เข้ามาจริงๆ พวกเขาถูกเกณฑ์ไปช่วยสร้างอุปกรณ์ทางการทหารหมดแล้ว!

“วางไว้นี่เถิด” กู้ฉังชิงเอ่ย

“เอ่อ! ขอรับ! ขอรับ!” ใต้เท้าหูจึงเรียกคนมาเก็บกวาดเศษไม้แล้วนำฉากกั้นมาวาง “เช่นนั้นขอตัวก่อนนะขอรับ”

“อืม” กู้ฉังชิงเอ่ย

ใต้เท้าหูเดินออกไปด้วยสภาพยกหินออกจากอก

จะว่าไป เขาคิดไปเองหรือไม่นะ

ว่าบรรยากาศในห้องเมื่อครู่นี้ช่างอึมครึมนัก

ถังเย่ว์ซานที่อยู่ในสภาพไม่สามารถขยับขาได้จึงทำได้แค่เอนหลังลงบนเตียง ส่วนกู้เฉิงเฟิงที่บาดเจ็บที่แขน กู้ฉังชิงจึงให้เขานอนลงบนเตียงด้วยเช่นกัน

ในขณะนี้ บรรยากาศในห้องค่อนข้างแปลก ไม่ใช่เพราะเรื่องของกู้เจียวกับเหล่าโหวเหย่ แต่เพราะทั้งกู้ฉังชิงและกู้เฉิงเฟิงตระหนักได้ว่าถังเย่ว์ซานได้ยินทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้

โดยเฉพาะเรื่องที่มารดาของพวกเขาเป็นสายลับ

ดังนั้นแล้ว

หากถังเย่ว์ซานแพร่งพรายข่าวนี้ออกไป สถานการณ์ทั้งหมดจะพลิกทันที

กองทัพตระกูลกู้ไม่มีวันต่อสู้เพื่อศัตรู หากพวกเขารู้ว่ากู้ฉังชิงเป็นสายเลือดของสายลับของอดีตราชวงศ์ พวกเขาจะก่อกบฏ

กู้ฉังชิงหันไปทางกู้เฉิงเฟิง “จากนี้ไป เจ้าต้องคอยจับตาดูเขาให้ดี อย่าให้เขาติดต่อใคร ข้าจะไปบอกเจียวเจียวเองว่าหมอทั้งหมดที่นี่จะถูกแทนด้วยหมอของเมี่ยวโส่วถังตั้งแต่บัดนี้ไป”

กู้เฉิงเฟิงเบะปาก “ไม่ต้องหรอก เด็กนั่นตั้งใจจะวางยาให้เขาเป็นใบ้อยู่แล้ว!”

กู้ฉังชิงครุ่นคิดสักพัก ก่อนเอ่ยต่อ “ต่อให้เป็นใบ้ ก็ยังเขียนหนังสือได้อยู่ดี”

“อ๋อ เดี๋ยวข้าบอกให้นางตัดแขนเจ้านั่นไปด้วย เอาแบบเนียนๆ ดูไม่ออกว่าแขนด้วน” กู้เฉิงเฟิงเอ่ยเสนอ

ถังเย่ว์ซานกลืนน้ำลายอึกใหญ่!

พวกเจ้าโหดร้ายทารุณเกินไปแล้ว!

แล้วข้าพูดตอนไหนมิทราบว่าจะแพร่ข่าวออกไป

นี่มองข้าเป็นคนไม่เห็นแก่ส่วนรวมหรืออย่างไรกัน!

คนอย่างข้าน่ะหรือจะเขย่าขวัญและกำลังใจทหารชายแดนเพียงเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว!

ข้าก็แค่คิดว่าจะเอาเรื่องนี้ไปกระซิบบอกไทเฮากับฝ่าบาทก็เท่านั้นเอง!

กู้ฉังชิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็ถอนหายใจเอ่ย “ช่างเถิด เดี๋ยวข้าจัดการเอง อย่าทำให้มือของนางต้องแปดเปื้อนเลย”

พลางถือกริชเดินตรงไปหาถังเย่ว์ซาน

ถังเย่ว์ซานสะดุ้งโหยง!

ในจังหวะนั้นเอง กู้เจียวที่เพิ่งผ่าตัดให้ผู้ป่วยเสร็จก็กลับเข้ามาที่ห้องพอดิบพอดี

ถังเย่ว์ซานยื่นมือไปหานางในทันที “เจ้าขาดเด็กคอกม้าอยู่ไม่ใช่รึ”