บทที่ 507 พี่น้องพบพาน!
ถังเย่ว์ซานตกใจจนเกือบตกจากเตียง!
ไม่ต้องโหดขนาดนี้ก็ได้!
ดูเข็มนั่นสิ ทั้งใหญ่ทั้งยาว!
แน่ใจนะว่าไม่ใช่เข็มสำหรับฉีดสุกรน่ะ!
ถังเย่ว์ซานไม่กลัวยา แต่กลับกลัวเข็ม
เขากระตุกมุมปากเล็กน้อย พลางแขวะ “อย่างน้อยก็เป็นเพื่อนร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันนะ เจ้าทำกับข้าแบบนี้ได้เยี่ยงไร”
ความไว้ใจไปไหนหมด เอาไปป้อนให้หมามันกินหมดแล้วเรอะ!
กู้เจียวพูดอย่างไม่ละอาย “ข้าว่าข้าใจดีแล้วนะ ตอนแรกข้ากะจะวางยาพิษเจ้าให้ตายด้วยซ้ำ”
ถังเย่ว์ซาน “…!!”
แม่สาวน้อยคนนี้รู้ได้ยังไงว่าเขาจะเอาเรื่องนี้ไปฟ้องน่ะ
นี่เขาคิดดังขนาดนั้นเลยรึ
“เดี๋ยวก่อนสิ ไม่ใช่ว่าเจ้าเคยวางยาข้าแล้วหรือ ชีวิตและความตายของข้าอยู่ในเงื้อมมือเจ้า ทำไมเจ้าถึงต้องการวางยาข้า ข้ามันไร้ประโยชน์ขนาดนั้นเชียวรึ”
กู้เจียวกะพริบตาปริบๆ
ถังเย่ว์ซานถึงกับสะดุ้งนั่งหลังตรง “เจ้าไม่ได้วางยาข้านี่นา!”
กู้เจียวเอ่ยเสียงแข็ง “ข้าวางยาเจ้าแล้ว!”
ถังเย่ว์ซาน “เจ้าเปล่า!”
กู้เจียว “ข้าวางยาเจ้าแล้ว!”
ถังเย่ว์ซาน “ข้าไม่เชื่อ!”
กู้เจียวกลอกตาไปมา “อย่างไรเสียข้าก็จะวางยาพิษเจ้าอยู่ดี!”
ถังเย่ว์ซาน “…”
ในที่สุด ถังเย่ว์ซานก็ยอมจำนนต่อเข็มและสัญญาว่าจะไม่แพร่งพรายสิ่งที่เขาได้ยินในวันนี้
อย่างไรก็ตาม กู้เจียวไม่ซื้อคำพูดของเขาอยู่ดี “พวกคนขี้หลอก น่ากลัวยิ่งกว่าผีหลอก!”
ถังเย่ว์ซานถึงกับตกตะลึงว่ากู้เจียวไปเรียนคำพวกนี้มาจากไหน
เขารู้ว่าทหารมักจะใช้กลลวง แต่นั่นเฉพาะตอนอยู่ในสนามรบเท่านั้น ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวเขาไม่มีทางพูดปดอย่างแน่นอน เขาไม่ใช่คนเจ้าเล่ห์อย่างเซวียนผิงโหวสักหน่อย!
ถังเย่ว์ซานถึงกับเอ่ยท้วงอย่างจริงจัง “นี่ข้าเป็นถึงจอมพลกองทหารม้าเชียวนะ ข้าก็บอกเจ้าไปแล้วว่าข้าจะรักษาสัญญา ไยเจ้าถึงไม่เชื่อข้าอีก”
“ก็ไม่ใช่ว่าข้าจะไม่เชื่อเจ้า” กู้เจียวเอามือลูบคางพลางมองเขาหัวจรดเท้า
“เจ้า นี่เจ้า คิดจะทำอะไรน่ะ” ถังเย่ว์ซานเริ่มเสียวสันหลังวาบ
กู้เจียวเอามือกอดอก ยื่นปลายนิ้วแตะบนแขนของเขาเบาๆ หรี่ตามองเขาแล้วเอ่ย “ถ้าเจ้ายอมเป็นเด็กคอกม้าให้ข้า ข้าจะเชื่อใจเจ้า และจะไม่วางยาเจ้า”
ถังเย่ว์ซานทำหน้ามึนงง “เจ้าหมายความเช่นไร”
กู้เจียว “ก็เป็นเด็กรับใช้ยังไงล่ะ”
ตอนแรกเขาคิดว่าตัวเองฟังผิดไป แม่สาวน้อยคนนี้พูดว่าอะไรนะ เด็กม้า คนรับใช้ เขาเนี่ยนะ
ห๊ะ!
จอมพลทหารม้าผู้ยิ่งใหญ่อย่างเขาน่ะหรือจะยอมมาเป็นคนรับใช้ให้เด็กตัวกะเปี๊ยกนี่
นี่นางบ้าไปแล้วรึ หรือว่าตกใจเรื่องที่เพิ่งได้ยินจนสติฟั่นเฟือนไปแล้วหรืออย่างไร
แต่ก็นะ แม้ว่านางจะไม่ใช่บุตรของแม่นางเสี่ยวหลิง แต่ก็มีสายเลือดของตระกูล หากติ้งอันโหวถูกตัดสินว่าร่วมมือกับศัตรู นางจะหนีไปไหนได้ล่ะ
เกรงว่านางจะพลอยเสียความนิยมจากไทเฮาและฝ่าบาทไปด้วยน่ะสิ
โถๆๆ ถ้าไม่มีพวกเขาคอยคุ้มกัน แล้วแม่นางคนนี้จะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไรล่ะ
กู้เจียวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “เจ้าเลือกเองนะ ว่าจะให้ข้าวางยาเจ้า หรือเจ้าจะยอมเป็นเด็กม้าให้ข้า”
จู่ๆ ถังเย่ว์ซานคลี่ยิ้มออกมาอย่างเย็นชา “แม่สาวน้อย ทำไมไม่ลองให้ข้ายื่นข้อเสนอกับเจ้าบ้างล่ะ ถ้าเจ้าถวายตัวเป็นศิษย์ของข้า ข้าจะพิจารณาไม่ปลิดชีพเจ้าหลังจากหลับไปยังเมืองหลวง”
ถังหมิงเป็นลูกชายของเขา แต่ถ้านางเป็นศิษย์เขา นางก็แทบจะกลายเป็นลูกสาวของเขาไปแล้ว แล้วถ้าลูกสาวทำร้ายลูกชาย ก็ต้องใช้กฎครอบครัวจัดการ
เขาไม่ใช่คนที่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาวเหมือนกู้เฉา เขาคือคนที่เลี้ยงดูและฝึกฝนลูกสาวอย่างดี
แต่พวกเขากลับไม่มีแววด้านการต่อสู้เลยแม้แต่นิด
แต่เด็กสาวคนนี้ต่างออกไป
เขามีหัวใจที่หวงแหนพรสวรรค์ ตราบใดที่แม่สาวน้อยเต็มใจเชื่อฟัง เขาสัญญาว่าจะฝึกนางในแบบเดียวกับที่เคยฝึกให้ถังหมิง
ว่าตามตรง ถ้าเหตุการณ์นี้ไม่เกิดขึ้น ถังเย่ว์ซานคงไม่อนุญาตให้กู้เจียวมาเป็นศิษย์ของเขา แม้นางกับเขาจะมีประเด็น แต่เขาก็ปฏิเสธไม่ได้ที่จะชื่นชมความสามารถของนาง
เพียงแต่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนก็เหมือนศึกที่คาดเดาไม่ได้ และไม่มีใครรู้ว่าฝ่ายไหนจะได้เปรียบในอีกไม่ช้า
เห็นได้ชัดว่าเขาเองที่กำลังบาดเจ็บอยู่มีความเป็นไปได้ต่ำมากที่จะเอาชนะกู้เจียวและกู้ฉังชิงได้
เขาต้องเสียสละเพื่อเอาชีวิตรอด แต่การเสียสละที่เรียบง่ายทำให้เขาไม่รู้สึกสาแก่ใจ เลยมองว่าอย่างน้อยเขาควรได้อะไรกลับมาบ้าง
…เขาไม่มีวันยอมรับหรอกว่าอยากได้ตัวแม่สาวน้อยคนนี้!
กู้เฉาไม่ต้องการ แต่เขาต้องการ!
ขณะเดียวกัน กู้เฉิงเฟิงกำลังจมอยู่ในความตกใจครั้งใหญ่ของเขา เขาไม่ได้ยินบทสนทนาของกู้เจียวกับถังเย่ว์ซานด้วยซ้ำ
จนกระทั่ง…กู้ฉังชิงเดินออกมาจากห้อง แล้วบังเอิญได้ยินเสียงของถังเย่ว์ซานเข้าพอดี
กู้ฉังชิงเปิดประตูออก “พวกเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
พอกู้เฉิงเฟิงได้เห็นหน้ากู้ฉังชิง ความคับข้องในใจของเขาก็เพิ่มขึ้นราวกับกระแสน้ำ “ท่านพี่…”
เขาลุกจากเตียงพร้อมกับดวงตาแดงก่ำและวิ่งเข้าไปหาพี่ชายของเขา แต่จู่ๆ ตัวของเขากลับเข้าไปพันกับผ้าพันแผลของถังเย่ว์ซาน
ถังเย่ว์ซานรู้สึกเจ็บที่ขาของเขาและดึงผ้าพันแผลกลับโดยสัญชาตญาณ ทำให้ร่างของกู้เฉิงเฟิงถูกดึงกลับด้วยแรงที่แข็งแกร่ง เขาไม่สามารถยืนนิ่งได้และเสียหลักล้มลง
กลายเป็นว่า ไม่เพียงแต่พาร่างของถังเย่ว์ซานเซล้มไปด้วย แต่ยังทำให้กำแพงที่กั้นพังลงด้วย
ร่างของพวกเขากลิ้งตลบไปยังห้องข้างๆ !
เหล่าโหวเหย่เป็นอันต้องขมวดคิ้วกับภาพที่เห็นตรงหน้า!
กู้เฉิงเฟิงที่พันแผลไว้ที่แขนพยายามกระเสือกกระสนลุกขึ้นบนซากเศษไม้ พลางหันหน้าไปหาเหล่าโหวเหย่ผู้ซึ่งไม่ได้เห็นหน้าค่าตามาหลายวัน
ขณะเดียวกัน เหล่าโหวเหย่เองก็มองไปที่เขาด้วยแววตาตกใจและตื่นเต้นในคราเดียวกัน
กู้เฉิงเฟิงผงะเล็กน้อย พลางคิดในใจ นี่ท่านปู่ตื่นเต้นมากที่ได้พบข้าอย่างนั้นรึ ที่จริงแล้วข้าคือคนที่ท่านปู่เอ็นดูมากที่สุดอย่างนั้นสินะ!
ความเศร้าจากการที่รู้ว่าตัวเองเป็นบุตรของสายลับก็พลันหายไป เขาวิ่งน้ำตาคลอเบ้าเข้าไปหาท่านปู่ของเขาโดยทันที!
เขาวิ่งมาที่ข้างเตียง
ขณะที่กำลังจะอ้าปากเอ่ยเรียกท่านปู่ของเขา “ท่าน…”
ยังไม่ทันจะเอ่ยจบ เขากลับถูกแขนที่กำลังใส่เฝือกของท่านปู่ดันร่างของเขาออกไป
สายตาเหล่าโหวเหย่จับจ้องไปทางคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของกู้เฉิงด้วยความตื้นตัน “น้องรัก!”
กู้เฉิงเฟิง น่ะ น้อง น้องรักอย่างนั้นรึ
ถังเย่ว์ซานที่นอนจมกองเศษไม้ถึงกับต้องหันไปดูด้วย
ผู้ใดกันนะ
กู้เจียวผู้ซึ่งสวมหน้ากากเตรียมไว้นานแล้ววิ่งปรี่เข้าไปหาเหล่าโหวเหย่ แล้วนั่งลงข้างเตียงพร้อมกับกุมมือของเขา
ท่านพี่!
เหล่าโหวเหย่เอ่ยน้ำตาคลอ “น้องรัก!”
กู้เจียว ‘ท่านพี่!’
“น้องรัก!”
ท่านพี่!
เหล่าโหวเหย่คว้ามือกู้เจียวขึ้นมากุมพลางร่ำไห้ “น้องรักของข้า! ใช่เจ้าจริงๆ ด้วย! ข้าคิดว่าจะไม่ได้พบเจ้าอีกในชีวิตนี้! เป็นเรื่องดีจริงๆ ที่ได้พบเจ้าอีกครั้งในขณะที่ข้ายังมีลมหายใจ!”
กู้เฉิงเฟิงและถังเย่ว์ซานที่เพิ่งเข้าใจว่าใครคือน้องรักของเหล่าโหวเหย่ถึงกับเลือดกำเดาพุ่ง