บทที่ 666 อวิ๋นอวี้ชิง

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 666 อวิ๋นอวี้ชิง

บทที่ 666 อวิ๋นอวี้ชิง

เจิ้งตานถอนหายใจเมื่อมองไปที่สองคนนี้ “พวกเขาเป็นคู่รักที่น่าอิจฉาอย่างแท้จริง”

ชายผู้นั้นอ่อนโยน ราวกับองค์ชายในฝันของสตรีทั่วหล้า ในขณะที่ฝั่งหญิงสาวนั้นงดงามพิเศษไม่มีใครเหมือน เมื่อยืนอยู่ด้วยกัน พวกเขาดูเหมือนเป็นคู่รักในอุดมคติ

ที่สำคัญที่สุดคือความรักอันลึกซึ้งที่มีอยู่ในสายตาที่พวกเขามองดูกัน มันทำให้ดูเหมือนว่าพวกเขากลายเป็นศูนย์กลางของโลกทั้งใบ

ไม่น่าแปลกใจที่อ๋องอู๋ไม่ได้เลือกหญิงสาวคนอื่นที่มีภูมิหลังโดดเด่น แต่ยืนยันที่จะแต่งงานกับหญิงสาวจากตระกูลเล็กจ้อยเช่นนี้

“ใครจะสนว่านางสวยขนาดไหน? นางไม่ใช่ของข้าซะหน่อย” เมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ ซูอันค่อนข้างสงบ

อ๋องอู๋หันหน้ามามองทางซูอัน คิ้วเรียวของเขาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ไม่ชัดเจนว่าสาเหตุที่อารมณ์ของเขาเปลี่ยนแปรเป็นเพราะสิ่งที่ซูอันพูดหรืออาการเจ็บป่วยของตัวเอง

ทหารราชองครักษ์ที่อยู่รายรอบก็หันมามองด้วยความโกรธ แต่พวกเขาไม่รู้ว่าจะตอบโต้อย่างไร เพราะท้ายที่สุด พระชายาของอ๋องอู๋ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขาเลย

ท่านยั่วยุทหารราชองครักษ์สำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 66…66…66…

“คนโง่! เจ้าหยาบคายกับสาวงามขนาดนั้นได้อย่างไร!” เจิ้งตานตวาดด้วยความโกรธโดยไม่สนใจที่จะสุภาพ ทุกคนเห็นว่านางถูกรังแกมาตลอดทาง ดังนั้นความโกรธของนางก็เป็นที่เข้าใจได้

ซูอันมีสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก “ข้าพูดผิดตรงไหนกัน?”

“ต้องขอบพระทัยอ๋องอู๋ที่ใจกว้างไม่เอาความกับความปากพล่อยของเจ้า ไม่เช่นนั้นป่านนี้เจ้าคงตายโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพูดอะไรออกมา!” คล้ายว่าเจิ้งตานกำลังดุเขา แต่แท้จริงแล้วนางกำลังเตือนเขา และแนะนำให้เขาสงบเสงี่ยมในขณะที่อยู่ในอาณาเขตของคนอื่น

ซูอันไม่สนใจ “ใครสน? ข้ายังทำให้จักรพรรดิขุ่นเคืองมาแล้ว เจ้าคิดว่าข้าจะสนใจคนตัวเล็กอย่างอ๋องอู๋หรือไง?”

เจิ้งตานหมดคำจะพูดในทันที

ผู้ชายคนนี้ดูเหมือนจะไม่สนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาพูดก็มีเหตุผล เนื่องจากเขาทำให้จักรพรรดิขุ่นเคืองไปแล้ว หากเพิ่มอ๋องอู๋เข้าไปอีกคนมันคงไม่มีอะไรแตกต่างไปจากเดิม

ใบหน้าของอ๋องอู๋เต็มไปด้วยความหม่นหมอง เขาพูดกับอ๋องเหลียง และคนอื่น ๆ ว่า “ข้าต้องขออภัยด้วย สภาพร่างกายของข้าขณะนี้ค่อนข้างแย่ ข้าทำให้พวกท่านได้เห็นภาพอันน่าหัวเราะของข้า”

เขาไม่ได้มองไปทางซูอันแม้แต่ครั้งเดียว ราวกับว่าเขาไม่ได้ยินสิ่งที่ซูอันพูดเลยด้วยซ้ำ

เจิ้งตานอดไม่ได้ที่จะสะกิดซูอัน “ดูสิว่าเขาใจกว้างแค่ไหน”

“ใจกว้าง?” ซูอันแสดงสีหน้าเหยเก เพราะเขาได้รับการแจ้งเตือนจากระบบ!

ท่านยั่วยุจ้าวเหยียนสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 458 คะแนน!

คนผู้นี้เล่นละครเก่งจริง ๆ! เขาไม่มีอะไรเหมือนข้า คนตรงไปตรงมาและกล้าหาญเช่นข้าดีกว่าเขาเป็นไหน ๆ!

อ๋องเหลียงกล่าวว่า “ในเมื่อสุขภาพของเจ้าไม่สู้ดีนัก เช่นนั้นก็กลับไปพักผ่อนเถอะ เรื่องต่าง ๆ เราจัดการได้เอง”

อ๋องอู๋ส่ายหัว “การลอบสังหารเกิดขึ้นที่นี่ มันเป็นความบกพร่องของข้าผู้นี้ ข้าจะวางเฉยได้อย่างไร?”

เมื่อเห็นว่าเขากำลังริเริ่มที่จะรับผิดชอบ อ๋องเหลียงและหลิวเหย่าก็รู้สึกไม่สบายใจที่จะกล่าวโทษเขาอีก พวกเขาทั้งสองกล่าวว่า “ท่านกำลังพูดอะไร? เรารู้แล้วว่านักฆ่าคือภูตดำ มันไม่ใช่เรื่องง่ายหากจะตรวจจับพวกเขาเจอไม่ว่าท่านจะวางกำลังรักษาความปลอดภัยแน่นหนาสักแค่ไหน”

ซูอันแทบจะไม่สามารถซ่อนสีหน้าดูถูกของเขาได้ เมื่อครู่นี้ คนเหล่านี้ชี้นิ้วด่ากราดเหล่าทหารไปทั่วว่าไม่ได้เรื่อง อีกทั้งยังต้องการคำอธิบายจากอ๋องอู๋ แต่ตอนนี้เมื่ออ๋องอู๋ปรากฏตัวขึ้นจริง พวกเขากลับทำเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันที่มีความสุข? พวกเจ้านี่ตีสองหน้าเก่งกันจริง ๆ!

หลังจากพูดคุยกันอีกเล็กน้อย อ๋องเหลียงก็พูดขึ้นในที่สุด “ในเมื่ออาการของท่านไม่สู้ดีนักก็อย่าอยู่ข้างนอกแบบนี้ เราจะตามท่านกลับไปที่จวนก่อนก็แล้วกัน”

“เป็นข้าเองที่ไม่ระวังตน” อ๋องอู๋หัวเราะ “จริงสิ! อวี้ชิง มาทักทายลุงของเจ้าสิ”

พระชายาอู๋เดินเข้ามาอย่างสง่างาม ริมฝีปากของนางมีรอยยิ้มที่อ่อนโยน “อวี้ชิง คารวะท่านลุง”

ความงามของนางทำให้ทั้งผู้คนรอบด้าน เช่นเดียวกับชายชราสองคน อ๋องเหลียงและหลิวเหย่าต่างก็ตกอยู่ในอาการเหม่อลอย

อ๋องเหลียงเป็นคนแรกที่ได้สติ เขาไอเพื่อซ่อนความอึดอัดของเขา “ข้าได้ยินมาว่าภรรยาของหลานชายข้างดงามเลิศล้ำเป็นที่สุด แต่ตอนนี้ยามได้มาเห็นกับตาตนเอง ข่าวลือพวกนั้นเทียบไม่ได้เลยกับตัวจริง! เหยียนน้อยช่างโชคดีจริง ๆ ที่มีภรรยาที่อ่อนโยนและงดงามเช่นเจ้า”

พระชายาอู๋ยิ้มหวาน “ท่านลุงชมข้าเกินไปแล้ว”

ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน ซูอันถามเจิ้งตานด้วยความอยากรู้ “ว่าแต่…พระชายาอู๋ผู้นี้มาจากตระกูลอะไร?”

“ข้าเคยได้ยินว่านางมาจากตระกูลอวิ๋นซึ่งอยู่มณฑลทางตอนเหนือ ตระกูลอวิ๋นถือว่าเป็นตระกูลเล็กแม้แต่ในท้องถิ่นเดียวกัน นับประสาอะไรกับคนทั้งโลกที่จะมองว่าตระกูลพวกเขาไม่ต่างจากตระกูลคนธรรมดาทั่วไป”

ในแง่ของภูมิหลัง ตระกูลอวิ๋นด้อยกว่าตระกูลเจิ้งของเมืองจันทร์กระจ่างด้วยซ้ำ

เมืองจันทร์กระจ่าง มีความเจริญรุ่งเรืองมากกว่ามณฑลแดนเหนืออย่างไรก็ตาม เนื่องจากตระกูลอวิ๋นแต่งกับตระกูลอู๋ โอกาสของพวกเขาในอนาคตจึงไม่มีที่สิ้นสุด ในขณะที่ตอนนี้ตระกูลเจิ้งตกอยู่ในภาวะวิกฤต ทุกเรื่องที่กำลังจะเกิดนับจากนี้อยู่ในความเมตตาของสวรรค์

ซูอันจำได้ว่าซางหลิวอวี้เคยพูดถึงมณฑลแดนเหนือในชั้นเรียนนอกหลักสูตรวิชาใดวิชาหนึ่งเกี่ยวกับภูมิศาสตร์ของโลก มันเป็นบริเวณเหนือสุดของแผ่นดินต้าโจว เป็นพื้นที่ที่เกิดสงครามอย่างต่อเนื่องและถือได้ว่าเป็นแนวหน้าของการทำสงครามกับชนต่างเผ่า พวกเขาเป็นชาวบ้านที่ดุร้าย ไม่น่าเชื่อว่าสถานที่ดังกล่าวจะสามารถผลิตหญิงสาวที่งดงามและอ่อนโยนเช่นพระชายาอู๋ผู้นี้ได้

หลังจากแลกเปลี่ยนคำพูดกันอีกสองสามคำ กลุ่มของพวกเขาก็มุ่งหน้าไปยังจวนของอ๋องอู๋อย่างรวดเร็ว

อ๋องอู๋อธิบายขนบธรรมเนียมและประเพณีท้องถิ่นของมณฑลแดนเหนือให้หลิวเหย่าและอ๋องเหลียงฟังตลอดทาง ประกอบกับการพยักหน้าเป็นครั้งคราวให้กับหวงฮุ่ยฮง

ทูตยุทธ์เสื้อแพรมีสถานะพิเศษ พวกเขาเป็นกำลังส่วนตัวของจักรพรรดิ! หวงฮุ่ยฮงเข้าใจดีว่าตนเองไม่ควรใกล้ชิดกับอ๋องผู้ใดมากเกินไป ไม่เช่นนั้นเขาอาจถูกกล่าวหาว่าวางแผนกบฏ ซึ่งเป็นความผิดประหารทั้งตระกูล!

พระชายาอู๋เดินเคียงข้างและยิ้มอ่อนโยนไปตลอดทาง สายตาของนางจับจ้องไปที่อ๋องอู๋เสมอ การแสดงออกของนางเต็มไปด้วยความรัก นี่คือสิ่งที่ทุกคนสัมผัสได้

ราชองครักษ์ต่างก็อิจฉาอ๋องอู๋ เขาหาภรรยาได้สมบูรณ์แบบจริง ๆ!

บางคนถึงกับพยายามนึกภาพตัวเองแทนที่อ๋องอู๋

อย่างไรก็ตาม พวกเขาละทิ้งจินตนาการเหล่านั้นไปอย่างรวดเร็ว อ๋องอู๋เป็นทายาทขององค์จักรพรรดิ ในขณะที่พวกเขาเป็นเพียงทหารธรรมดา จะเอามาเปรียบกันได้อย่างไร?

“พระชายาอู๋ช่างรักอ๋องอู๋อย่างแท้จริง” เจิ้งตานกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ ทำหน้าเศร้าโศก และยากที่จะบอกว่านางกำลังคิดอะไรอยู่

ซูอันไม่เห็นด้วย “เจ้ามั่นใจได้ยังไง?”