บทที่ 622 รบกวนปล่อยพวกเราไปเถอะ

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 622 รบกวนปล่อยพวกเราไปเถอะ

บทที่ 622 รบกวนปล่อยพวกเราไปเถอะ

ชาวบ้านพวกนั้นไม่ได้ออกแรงอะไรมากมาย เพราะกู้หนิงผิงเป็นเพียงเด็ก และฮูหยินเหลียงก็เตือนพวกเขาว่าอย่าทำร้ายใคร แต่เพื่อความรวดเร็วก็มีคนตีกู้หนิงผิงจนหมดสติ

หลังจากถูกขังอยู่ในห้องเก็บฟืน พักผ่อนได้สักพัก เขาก็ตื่นขึ้น เมื่อเห็นกู้เสี่ยวอี้ร้องไห้อยู่ข้าง ๆ กู้หนิงผิงระงับความเจ็บปวดบนร่างกายของเขา กอดกู้เสี่ยวอี้และปลอบโยนนางเบา ๆ “เสี่ยวอี้อย่ากลัว เสี่ยวอี้อย่ากลัวเลยนะ ข้าสบายดี ข้ายังสบายดี!”

กู้เสี่ยวอี้ร้องไห้อยู่นาน เมื่อเห็นว่ากู้หนิงผิงฟื้นขึ้นมา นางก็หยุดร้องไห้และพูดด้วยน้ำเสียงสะอื้นว่า “ท่านพี่ พี่สาวถูกขังอยู่ในหอบรรพบุรุษ”

กู้หนิงผิงจำได้ว่าก่อนที่เขาจะหมดสติ พี่สาวของเขาก็ถูกคนเหล่านั้นพาไป

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ตนเองไม่สามารถปกป้องพี่สาวได้ และรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง

“ข้าไร้ประโยชน์ ข้าปกป้องพี่สาวไม่ได้ ข้ามันไร้ประโยชน์!” กู้หนิงผิงกุมหน้าและร้องไห้อย่างขมขื่น

กู้เสี่ยวอี้ปลอบโยนเขา “ท่านพี่อย่าร้องไห้ ท่านพี่อย่าร้องไห้เลยนะ ท่านพี่เก่งมาก!”

กู้เสี่ยวอี้ร้องไห้ และกู้หนิงผิงก็ร้องไห้ ทั้งสองกอดกันร้องไห้เป็นเวลานานจนมีเสียงเรียกดังมาจากข้างนอก “หนิงผิง เสี่ยวอี้…”

เป็นเสียงของฮูหยินเหลียง

กู้หนิงผิงโกรธและด่าเสียงดัง “ยายแก่ชั่วร้าย ท่านทำอะไรอยู่? ทำไมท่านถึงได้ขังพี่สาวข้า!”

ฮูหยินเหลียงเกลี้ยกล่อมอยู่นอกประตู “เด็กโง่ พี่สาวของเจ้าถูกวิญญาณร้ายเข้าสิง ข้าหวังดีต่อพี่สาวของเจ้า จึงไปขอให้ขังพี่สาวของเจ้าไว้เพื่อขับไล่วิญญาณร้าย ตราบใดที่วิญญาณร้ายถูกขับไล่ออกจากร่างของพี่สาวเจ้า พี่สาวของเจ้าก็จะไม่เป็นไร!”

“ท่านกำลังพูดเรื่องไร้สาระ พี่สาวของข้าก็คือพี่สาวของข้า ไม่ได้ถูกวิญญาณร้ายเข้าสิงอะไรทั้งนั้น!” กู้หนิงผิงคำรามพลางลุกขึ้นยืนอยู่ที่ประตูห้องเก็บฟืน ข้างนอกคือฮูหยินเหลียง นางได้ยินการกระทำของกู้หนิงผิงและหัวเราะออกมา

“ข้าไม่ได้โกหกเจ้า หนิงผิง พี่สาวของเจ้าถูกวิญญาณร้ายเข้าสิงจริง ๆ และวันหนึ่งนางจะทำร้ายพวกเจ้าสามพี่น้อง!”

“แม้ว่าพี่สาวของข้าจะเป็นปีศาจร้าย นางก็จะไม่ทำร้ายเรา!” กู้หนิงผิงกล่าวอย่างโกรธเคือง

“เจ้าเด็กโง่… ข้าพูดอะไรไปตอนนี้เจ้าก็คงไม่เชื่อ ไม่ต้องกังวล รอจนกระทั่งทังป้านเซียนมาถึง และหลังจากร่ายคาถา วิญญาณร้ายในร่างของพี่สาวเจ้าก็จะถูกขับออกไป จากนั้นข้าก็จะปล่อยพวกเจ้าออกไป!” ฮูหยินเหลียงกล่าว หลังจากพูดจบ นางยังกล่าวอีกประโยคหนึ่งกับคนที่เฝ้าประตูว่า “พวกเจ้าจำไว้นะ อาหารสามมื้อต่อวันต้องส่งตรงเวลา และอย่าปล่อยให้เด็กสองคนนี้หิวโหย!”

ผู้หญิงคนหนึ่งที่ประตูตอบรับ โดยบอกว่าจะไม่ปล่อยให้เด็กสองคนหิวและกระหายน้ำ จากนั้นจึงได้ยินเสียงของฮูหยินเหลียงจากไป

กู้หนิงผิงรีบตะโกน “อย่าเพิ่งไป อย่าเพิ่งไป… ”

หากแต่ฮูหยินเหลียงเมินเฉยและจากไป

ตราบใดที่กู้เสี่ยวหวานถูกจัดการ ค่อยพูดถึงเด็กสองคนในภายหลัง!

กู้หนิงผิงตะโกนเสียงดังจากด้านหลัง แต่ไม่มีใครสนใจเขา เขารู้ว่าถ้าฮูหยินเหลียงไม่พูด คนพวกนี้คงเมินเขา!

กู้หนิงผิงไม่สามารถทำได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงมองหาทุกที่เพื่อดูว่ามีทางออกหรือไม่ที่เขาจะสามารถหลบหนีได้ แต่เขาค้นหาไปทั่ว แต่ก็ไม่พบ

ประตูถูกใส่กลอน และไม้สองท่อนถูกตอกไว้ที่หน้าต่าง ดูเหมือนว่าพวกเขาจะวางแผนเพื่อป้องกันไม่ให้กู้หนิงผิงและกู้เสี่ยวอี้หนีออกไป

กู้หนิงผิงมองไปที่ห้องเก็บฟืนที่ไม่มีทางหนี ในใจพลันก็เกลียดมัน เขาหวังเพียงว่าเขาจะมีความสามารถในการตัดภูเขาและหิน เพื่อหนีจากที่นี่และไปช่วยพี่สาวของเขา

ตอนนี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่สาวบ้าง

กู้หนิงผิงหมดหวัง จู่ ๆ เขาก็วิ่งไปที่หน้าต่างแล้วดึงหน้าต่างออกอย่างแรง แต่หน้าต่างก็ไม่ขยับ

เมื่อเห็นท่าทีของกู้หนิงผิง กู้เสี่ยวอี้ก็รู้สึกกลัวเล็กน้อย ดังนั้นนางจึงรีบไปข้างหน้า คว้าเสื้อผ้าของกู้หนิงผิงและเรียกพี่ชายของนางด้วยความกลัว

ขอบหน้าต่างในมือของกู้หนิงผิงไม่ขยับเลย และเขารู้สึกเสียใจ

เมื่อเห็นกู้เสี่ยวอี้ร้องไห้ด้วยความกลัว กู้หนิงผิงก็รู้สึกไม่สบายใจ ครั้นรู้ว่าการกระทำของเขาตอนนี้ทำให้นางตกใจ เขาจึงรีบปล่อยขอบหน้าต่าง กอดกู้เสี่ยวอี้และปลอบโยน “เสี่ยวอี้อย่าร้องไห้ เสี่ยวอี้อย่าร้องไห้นะ!”

กู้เสี่ยวอี้อยู่ในอ้อมแขนของกู้หนิงผิงและร้องไห้อยู่ครู่หนึ่ง จนนางเหนื่อยกับการร้องไห้และผล็อยหลับไปในอ้อมแขนของกู้หนิงผิง

เดิมทีกู้หนิงผิงต้องการที่จะวางนางไว้ข้าง ๆ และหาทางออกด้วยตัวเอง แต่เมื่อเขาคิดถึงความเย็นของพื้นดินและกลัวว่ากู้เสี่ยวอี้ที่นอนบนพื้นจะเป็นหวัด จึงทำได้เพียงกอดกู้เสี่ยวอี้ไว้แน่น พิงกองฟืนและคิดถึงสถานการณ์ปัจจุบันก็ผล็อยหลับไป

เมื่อเขาตื่นขึ้น ข้างนอกก็มืดแล้ว ท้องไส้ก็ปั่นป่วน

ในเวลานี้ จู่ ๆ ก็มีเสียงผู้หญิงดังมาจากข้างนอก “กู้หนิงผิง มากินข้าว!”

ในที่สุดก็มีคนมาแล้ว!

กู้หนิงผิงรู้สึกเบิกบานและเขย่ากู้เสี่ยวอี้ให้ตื่น “เสี่ยวอี้ ตื่นเร็ว!”

กู้เสี่ยวอี้ตื่นขึ้นและพูดพลางหลับตาว่า “ท่านพี่…”

“มีคนมาส่งอาหาร” กู้หนิงผิงพูดอย่างตื่นเต้น แล้ววิ่งไปที่ประตู “ท่านป้า ท่านป้า…”

มีเสียงดังที่ประตู จากนั้นข้าวสองชามและน้ำก็ถูกส่งมาจากประตูที่แง้มออก

กู้หนิงผิงเหลือบมองไปที่มันและพูดว่า “ท่านรู้หรือไม่ว่าพี่สาวของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ไม่รู้ ฮูหยินเหลียงขอให้ข้ามาเฝ้าพวกเจ้าสองคน!” ผู้หญิงที่ประตูพูด

“ไปดูพี่สาวของข้าให้หน่อยได้หรือไม่ ข้าขอร้อง” กู้หนิงผิงขอร้อง

“เป็นไปไม่ได้ มีคนดูพี่สาวเจ้าอยู่ ข้าไปไม่ได้!” หญิงสาวพูดอย่างไม่พอใจ “ข้าแนะนำให้พวกเจ้าไม่ต้องไปสนใจพี่สาวของพวกเจ้า พี่สาวของเจ้าถูกวิญญาณร้ายเข้าสิง ต้องรอให้ทังป้านเซียนร่ายคาถาก่อน ถึงจะสามารถไปเยี่ยมนางได้!”

“ท่านป้า ช่วยไปดูหน่อยได้หรือไม่ เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะให้เงินท่าน! เมื่อเรากลับถึงบ้าน ข้าจะให้เงินท่าน! ท่านจะไม่เสียแรงเปล่า!”

คนที่ประตูไม่ได้ปฏิเสธ นางคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เจ้าเด็กคนนี้ เจ้าล้มเลิกความคิดนี้เสียเถอะ! พี่สาวเจ้าถูกวิญญาณร้ายเข้าสิง ถึงนางจะไม่ทำร้ายพวกเจ้า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ทำร้ายข้า ข้าไม่ต้องการที่จะเสี่ยงชีวิตเพื่อเงินน้อยนิดนั่น!” หลังจากนั้นนางก็จากไปโดยไม่คำนึงว่ากู้หนิงผิงจะพูดอะไรในภายหลัง

“ข้าคิดถึงพี่สาว…” กู้เสี่ยวอี้ก้าวไปข้างหน้า กอดกู้หนิงผิงและพึมพำ

กู้หนิงผิงตอบรับและคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นพูดในเมื่อครู่ ตอนนี้พวกเขาได้ฟังคำพูดของฮูหยินเหลียงอย่างสมบูรณ์แล้ว และคิดว่าพี่สาวของพวกเขาเป็นปีศาจร้าย ไม่ว่าพวกเขาจะพูดอะไร คนเหล่านั้นจะไม่เชื่อ

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

หนิงผิงกับเสี่ยวอี้น่าสงสารจังเลย พวกเขาจะหาทางไปช่วยพี่สาวได้ไหมนะ?

ไหหม่า(海馬)