อังกุยพยายามฝืนยิ้มก่อนจะพูดออกมา “ท่านผู้อาวุโส ท่านไม่ใช่เรื่องดีแน่ ท้ายที่สุดแล้วตาหลั่วก็เป็นหนึ่งในแม่ทัพที่มีชื่อเสียงที่สุดของลั่วหลาน ถ้าหากเขาตายลั่วหลานจะต้องวุ่นวายแน่ ถ้าหากต้าหลั่วทําอะไรผิดไปก็ให้ข้าได้สั่งให้เขาชดใช้เถอะ”
ตาหลั่วไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ต้องทําอะไรสักอย่างอยู่ดี “เพียงแค่บอกสิ่งที่ต้องการมา ข้าพร้อมที่จะทําทุกอย่าง”
ปัง!
หมิงซูหยินกระแทกฝ่ามือลงโบนโต๊ะ ละก็พอแบบนั้นเหล้าที่เขามีจึงหกไปทั่ว หมิงหยินลุกขึ้นยืน “ตาหลั่วสินะ?”
ทุกๆ คนหันมามอง
ตาหลั่วขมวดคิ้วก่อนที่จะถามกลับไป “แล้วเจ้าเป็นใครกัน?”
“ข้าน่ะชื่นชมความกล้าหาญของเจ้าจริงๆ …จะมีใครในโลกนี้กล้าพูดแบบนั้นกับศิษย์พี่ใหญ่ได้?”
“ศิษย์พี่ใหญ่?” ต้าหลั่วสับสน
หมิงซูหยินกางมือก่อนที่จะพูดออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “ตั้งแต่ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่เคยเห็นความจริงใจของเจ้าเลยสักครั้ง เจ้าไม่ได้เรียนรู้อะไรกับศาลาปีศาจลอยฟ้าก่อนที่พวกเราจะมาเลยอย่างงั้นเหรอ? ชายหนุ่มที่เจ้ากําลังสนทนาอยู่ด้วยก็คปเจ้าสํานักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในใต้หล้า เขาก็คือยู่เฉิงไห้!”
ห้องโถงใหญ่เงียบลงกว่าเดิม
เป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนจะรู้ว่าเจ้าสํานักฝ่ายอธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในใต้หล้าก็คือยู่เฉิงไห่ ทุกคนยังรู้ดีอีกด้วยว่ายู่เฉิงไห่เป็นศิษย์คนแรกของศาลาปีศาจลอยฟ้า แต่มันยากที่จะเชื่ออยู่ดีว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะเป็นผู้พิชิตเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ได้
ตาหลั่วเดินเซไปด้านหลัง เขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ฟัง
อังกุยกษัตริย์แห่งลั่วหลานเองก็ตกใจเช่นกัน
หมิงหยินพยักหน้าอย่างพึงพอใจ นี่แหละคือสีหน้าของทุกคนที่ควรจะเป็น
ต้าหลัวกลืนน้ําลายก่อนจะพูดออกมา “เจ้าคือยู่เฉิงไห่อย่างงั้นเหรอ?”
หมิงซูหยินตอบ “จริงซะยิ่งกว่าจริง!” เสียงที่ตอบกลับมาดังก้องไปทั่วห้องโถง
ในตอนนั้นเองลู่โจวก็ยกจอกเหล้าก่อนจะหันไปทางอังกุยอีกครั้ง
อังก่ยที่รู้ความจริงประหม่าจนทําถ้วยเหล้าของตัวเองหลุดออกจากมือ
แคลัง!
ถ้วยของอังกุยตงลงบนพื้นจนแตกเป็นเสี่ยงๆ เหล้าที่เคยอยู่ในนั้นทะลักไปทั่วห้อง
โถง
นี่คือชะตากรรมของต้าหลัว
อังก่ยรวบรวมสติก่อนจะพูดด้วยเสียงที่แหบแห้ง “ข้าขอออกค่าสั่งให้ประหารต้าหลั่วและครอบครัว!”
พรึบ!
ต้าหลัวคุกเข่าลง “ฝ่าบาท! ท่านอย่าได้ยอมจํานน! พวกเรามีพันธมิตรทั้ง 12 ดินแดน นอกจากนี้ยังมีมหาเขตแดนพลังเวทมนตร์คาถา ฝ่าบาทได้โปรดสั่งใช้งานเขตแดนนั่นด้วย เมื่อเขตแดนถูกใช้งานพวกเราจะต้องกําจัดศัตรูทั้งหมดได้แน่!”
อังกุยส่ายหัวก่อนที่จะโบกแขนเสื้อ
เปิดเขตแดนและกําจัดศัตรู? ใครกันที่จะยอมต่อสู้กับผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ? คนทรงที่อยู่ใกล้ๆกับอังกุยเข้าใจเจตนาของอังกุยดี เขารีบประสานฝ่ามือก่อนที่จะเริ่มพิมพ์ออกมา
เหล้าที่เคยหกเลอะพื้นได้แปรเปลี่ยนจนกลายเป็นมังกรสีม่วง มังกรสีม่วงขนาดใหญ่ได้ใช้กรงเล็บและเขี้ยวของมันจู่โจม ในขณะเดียวกันมันก็ได้พันรอบตัวของต้าหลั่วเอาไว้ ตาหลั่วไม่มีเวลาที่จะตอบสนองได้ทัน
แคร็ก!
คอของตาหลั่วหักไปทั้งอย่างงั้น
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของลั่วหลานล้วนแล้วแต่ถอนหายใจ ต่อหน้าผู้ที่แข็งแกร่ง ผู้ที่อ่อนแอไม่มีสิทธิ์ที่จะได้ต่อสู้ มันเป็นเรื่องธรรมดาของโลกใบนี้
อังก่ยรีบรินเหล้าอีกแก้วให้กับตัวเอง เขายกมันขึ้นมาด้วยมือทั้งสองข้างก่อนจะพูดอีกครั้ง “ผู้อาวุโส…ท่านพอใจแล้วสินะ?”
ลู่โจวชี้ไปทางยู่เฉิงไห่ ลู่โจวจะพอใจหรือไม่พอใจก็ขึ้นอยู่กับเขาแล้ว
อังก่ยมองไปที่ยู่เฉิงไห่ในวัยหนุ่มก่อนจะพูดออกมา “เจ้าหนุ่ม…ท่านยู่เฉิงไห่ ท่านพอใจแล้วสินะ?” อังก่ยรีบกลืนคําว่าเจ้าหนุ่มไป
ยู่เฉิงไห่มองไปที่ตาหลั่วที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ยู่เฉิงไห่เดินไปที่ศพของตาหลั่ว ก่อนที่จะใช้กระบี่นิลโลหิตที่มีแทงลงบนศพของเขา
นิ้วะ!
กระบี่พลังงานได้ตัดร่างของตาหลั่วออกเป็นสองส่วน
ทุกๆ คนที่อยู่ที่นั่นได้แต่ปิดตา ไม่มีใครอยากดูภาพอันน่าสยดสยอง
ยู่เฉิงไห่ตอบกลับ “ลั่วหลานปกครองดินแดนด้วยเวทมนตร์คาถา เท่านี้ข้าก็มั่นใจ แล้วว่าเจ้านี่จะตายไปแล้วจริงๆ”
อังกุย “…”
ผู้คนของชาวลั่วหลานคนอื่นๆ ก็พูดไม่ออกเช่นกัน
ห้องโถงเงียบลงอีกครั้ง
ยู่เฉิงไห่เก็บกระนิลโลหิตเข้าสู่ฝักก่อนที่จะนั่งลงราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หมิงหยินตบต้นขาของตัวเอง “เฮอะ ข้าเกือบลืมไปซะสนิท เท่านเจ้านั้นก็ไม่อาจฟื้นคืนชีพมาได้อีก! คิดจะมาตบตาพวกเราสินะ?”
อังก่ยรีบวางถ้วยลง “ทหาร!”
ทหารชาวลั่วหลานรีบวิ่งเข้ามา
“ฝ่าบาท!”
“ข้าขอสั่งประหารชีวิตของตาหลั่วทั้งตระกูล! เอาหัวของพวกมันไปเสียบประจานซะ!”
“ครับ ฝ่าบาท!”
ทหารของลั่วหลานออกจากห้องโถงไป
หมิงซูหยินพยักหน้า “มันต้องแบบนี้สิ”
อังก่ยไม่กล้าที่จะเล่นตุกติกอะไร
การกระทําของยู่เฉิงไห่เป็นการเชือดไก่ให้ลิงกลัว เขาตั้งใจที่จะแสดงพลังของตัวเองออกมา
อังกุยยกถ้วยเหล้าขึ้นมาอีกครั้ง “ผู้อาวุโส?”
ลู่โจวพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “พวกเราจะจบเรื่องนี้ไว้เพียงเท่านี้”
อังกุยที่ได้ฟังแบบนั้นโล่งใจ “พันธมิตรทั้ง 12 ดินแดน ลั่วหลานของพวกเราไม่เคยคิดที่จะเข้าร่วมกับพวกเขาเลย ท่านไม่จําเป็นจะต้องกังวลเรื่องนี้ไป ท่านผู้อาวุโส”
“ข้าไม่ได้กังวล” ลู่โจวยกจอกเหล้าขึ้นมาอีกครั้ง “ผู้ที่ฉลาดมักจะมองสถานการณ์ออก ยังไงซะข้าก็ชื่นชอบคนที่มีไหวพริบอยู่ดี”
“ทหาร!” อังก่ยสั่งการอีกครั้ง
ทหารหลายคนรีบวิ่งเข้ามา
“ไปเรียกหวัหน้าตระกูลโบน่าร์ หลานไร่มาที่นี่ซะ”
“ครับ ฝ่าบาท”
ในขณะที่ทุกคนกําลังรอหลานไร่ หมิงหยินก็พูดออกมาอย่างไร้กังวล “หืม? พวกเรากินอาหารกันเถอะศิษย์พี่ใหญ่ ผู้อาวุโสทั้งสอง…”
ทุกคนเริ่มขยับตะเกียบ
ภายในห้องโถงเต็มไปด้วยผู้คนจํานวนมากที่เข้าร่วมงานเลี้ยง
อาหารจานหรูถูกเสิร์ฟให้กับแขกผู้มีเกียรติทุกคน มีเพียงเจ้าหน้าที่ระดับสูงของลั่วหลานเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ลิ้มรสอาหารเช่นนี้ แต่ถึงแบบนั้นก็ไม่มีคนจากลั่วหลานกล้ากินอาหารอย่างสบายใจ ตลอดเวลาพวกเขากังวลและหวาดกลัวกับสิ่งที่กําลังจะเกิดขึ้นอยู่เสมอ ทุกคนต่างก็เป็นห่วงชีวิตของตัวเอง
หลังจากนั้นไม่นานหลานไร่ หัวหน้าตระกูลโบน่าร์ก็ปรากฏตัวขึ้น เขามาพร้อมกับคนทรงหลายคนที่ทําหน้าที่คอยคุ้มกัน หลานไร่ที่มาถึงคุกเข่าลงก่อนที่จะกล่าวทักทาย “ฝ่าบาท”
อังก่ยไม่ได้สนใจอะไรหลานไร่ บางที่หลานไห่อาจจะทําให้ผู้อาวุโสแห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าคนนี้ไม่พอใจเหมือนกับตาหลั่วก็เป็นได้ อังก่ยเลือกหันกลับไปหาลู่โจวแทน “ผู้อาวุโส หลานไร่มาถึงที่นี่แล้ว”
ลู่โจววางจอกเหล้าของตัวเองลงบนโตณะก่อนจะมองไปยังหลานไร่ หัวหน้าตระกูลโบน่าร์
หลานไห่ดูเหมือนกับชายที่มีอายุเกิน 70 ปี ที่รอบตัวของเขาเต็มไปด้วย บรรยากาศที่แปลกประหลาด นี่คือผู้ฝึกเวทมนตร์คาถาผู้แกร่งกล้า
ลู่โจวรีบพูดเข้าเรื่อง “เจ้ารู้ไหมว่าทําไมข้าถึงอยากพบเจ้า?”
หลานไห่เงยหน้าขึ้นก่อนจะส่ายหัว “ข้าไม่รู้ ได้โปรดบอกข้าด้วยเถอะผู้อาวุโส”
“คริสตัลที่ผนึกความทรงจําของข้าอยู่ในการครอบครองของครอบครัวเจ้า”
สีหน้าของหลานไร่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย “ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน”
ลู่โจวไม่ได้รีบร้อนที่จะหาค่าตอบ เขายกฝ่ามือขึ้นมาแทน เขาส่งพลังยกขวดเหล้าขึ้นก่อนที่จะเทเหล้าลงบนจอกของตัวเอง
เหล้าที่ไหลรินไหลออกมาเป็นเส้นตรง ลู่โจวเทเหล้าจนมันหมดเกลี้ยง
“เจ้าคิดว่าเหล่านี้มีชื่อว่าอะไร?” ลู่โจวถามอย่างสบายๆ
หลานไร่ดูเหมือนจะเสียสติไปชั่วขณะ เขาส่ายหัวก่อนที่จะตอบกลับ “ข้าขอสาบานในฐานะที่เป็นตัวแทนของตระกูลโบน่าร์ ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับคริสตัลแห่งความทรงจํามาก่อน!”
ลู่โจววางมือลงบนโต๊ะ
เหล้าไม่ได้ลงสู่ถ้วย มันกําลังลอยอยู่บนอากาศ มันถูกล้อมรอบไปด้วยพลังสีทองไม่นานนักเหล้าบนอากาศก็พุ่งออกจากตรงหน้าของลู่โจว
พรึบ!
เหล้าได้เร่งความเร็วลอยไปตรงหน้าผากของหลานไร่ หลังจากนั้นมันก็หยุดเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน
ทุกๆ คนต่างก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ แม้ว่ามันจะเป็นแค่ของเหลวแต่มันก็ถูกควบคุมได้อย่างแม่นย่า นี่สินะพลังของอวตารดอกบัวเก้ากลับ?
แม้แต่ฝานลี่เทียนและเล้งลั่วเองก็ตกตะลึง
หลานไร่ยังคงคุกเข่าลงบนพื้น เมื่อเห็นเหล้เข้าประชิดใบหน้าของเขาก็เปียกไปด้วยเหงื่อที่ไหลริน