บทที่ 635 ปวงสวรรค์เผชิญภัยพิบัติ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 635 ปวงสวรรค์เผชิญภัยพิบัติ

ฝูงอีกาทองที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากระฆังสีดำพุ่งทะลุชั้นฟ้าที่สามสิบสาม อุณหภูมิทั่วทั้งแดนเซียนเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โลกมนุษย์ที่อยู่ห่างไกลออกไปก็เช่นเดียวกัน

หานเจวี๋ยอัญเชิญร่างจำลองเทพมารกลืนกิน ร่างกายนั้นใหญ่โตมโหฬาร อ้าปากที่กว้างดั่งหลุมดำขึ้น เขมือบกลืนกินอีกาทองมากมายนับไม่ถ้วนเข้าไป

อริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาสบถอยู่ในใจ

‘เหตุใดถึงจัดการตัวเขาในอดีตไม่ได้’

อริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาขมวดคิ้วแน่น ในใจเต็มไปด้วยความฉงน

เขาพึ่งพาพลังวิเศษนี้จัดการศัตรูที่อยู่ในขอบเขตเดียวกันเสมอมา เพิ่งเคยประสบสถานการณ์เช่นนี้เป็นครั้งแรก

หานเจวี๋ยไม่สนใจว่าในใจของเขาจะคิดอย่างไร เขาอัญเชิญเทพมารพันธนาการและเทพมารข้ามภพออกมา ผสานพลังเทพมารทั้งสองเข้าสู่ร่างตน

หานเจวี๋ยเคลื่อนย้ายไปโผล่ด้านหลังอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาแทบจะในชั่วพริบตาเดียว

อริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาเลือนหายไปกลางอากาศ หานเจวี๋ยก็เคลื่อนย้ายตามอีกครั้ง

สองอริยะติดตามไล่ล่ากันไป ไม่มีหยุดชะงัก เหลือเพียงภาพติดตาสายแล้วสายเล่าไว้ในชั้นฟ้าที่สามสิบสาม โดดเด่นสะดุดตา

เหล่าอริยชนมองด้วยความตื่นตาตื่นใจ

สองมือของสือตู๋เต้ากำแน่นอยู่ภายใต้แขนเสื้อ กัดฟันพลางครุ่นคิด ‘นี่มันความเร็วระดับไหนกัน…ไม่สิ ไม่ใช่ความเร็วแล้ว แต่เป็นมรรควิถี!’

ถูกต้อง การเคลื่อนย้ายของหานเจวี๋ยและอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพามิใช่ระดับความเร็วแล้ว แต่เป็นการประชันพลังมรรค พริบตาเดียวก็ทิ้งเงาร่างไว้นับร้อยล้านสายแล้ว ครอบครองทุกพื้นที่ว่าง

ผ่านไปหลายลมหายใจ

หานเจวี๋ยซัดหมัดโจมตีแผ่นหลังของอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพา ระเบิดมหามรรคพันธนาการอีกฝ่ายเอาไว้ สกัดกั้นการเคลื่อนไหวของอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาไว้ในชั่วพริบตา

‘เป็นไปได้อย่างไร!’

อริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาตื่นตระหนก นี่คือมหามรรคอันใดกัน

ไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้เขาไม่สามารถโคจรพลังแห่งอริยะเสรีได้!

พลังแห่งมหามรรคที่หานเจวี๋ยสำแดงออกมามิได้มีเพียงแขนงเดียว เด็กคนนี้เป็นตัวตนระดับใดกันแน่

อริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาจำเป็นต้องเรียกระฆังสีดำมาปกป้องตนไว้ ร่างจำลองเทพมารหลายสิบตนที่หานเจวี๋ยอัญเชิญออกมา ต่างปิดล้อมโจมตีระฆังสีดำ

ตูม!

ระฆังสีดำพังทลาย กลายเป็นละอองแสงนับไม่ถ้วนกระจัดกระจาย ราวกับธารดาราที่ถือกำเนิดขึ้นกะทันหัน

อริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาเบิกตากว้าง สีหน้าไม่อยากจะเชื่ออย่างยิ่ง

เป็นไปได้อย่างไร!

ยอดสมบัติของเขาถูกทำลายเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร!

หานเจวี๋ยทำลายล้างอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาอีกครั้ง

อริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาฟื้นคืนชีพอีกครั้ง หานเจวี๋ยก็พันธนาการอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาไว้อีกครั้ง

เขาจับตัวอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาไว้ ผลคืออริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาระเบิดตัวเองทันที คิดจะหลบหนีจากมหามรรคพันธนาการ

หานเจวี๋ยจับกุมเขาไว้อีกครั้ง วนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า

การกระทำของคนทั้งสองวนเวียนเป็นวัฏจักรเช่นนี้ไปเรื่อยๆ

หานเจวี๋ยรู้สึกปวดหัวนัก

เช่นเดียวกับแบบจำลองการทดสอบ ไม่สามารถกำราบอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาได้

อริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาแตกต่างไปจากศัตรูรายอื่น เป็นตัวตนระดับอริยะเสรีระยะสมบูรณ์ พลังพันธนาการของหานเจวี๋ยก็ไม่สามารถขัดขวางการระเบิดตัวเองได้เช่นกัน

หานเจวี๋ยก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน หากเขาหยุด อริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาต้องเหิมเกริม คิดว่าหานเจวี๋ยไม่สามารถสังหารเขาได้แน่นอน

จะต้องสยบคนผู้นี้ให้หวาดกลัวเขาให้ได้!

หนึ่งร้อยครั้ง!

หนึ่งพันครั้ง!

หนึ่งหมื่นครั้ง!

หนึ่งแสนครั้ง!

หนึ่งล้านครั้ง!

อริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพารู้สึกสิ้นหวังอยู่ในใจ เขาระเบิดตัวเองนับล้านครั้งก็ไม่อาจหนีรอดจากชะตากรรมที่ถูกพันธนาการได้ หานเจวี๋ยคนนี้เอาจริงเกินไปแล้ว!

ถึงแม้เหล่าอริยชนจะมองเห็นสถานการณ์ไม่กระจ่างว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเขาล้วนสัมผัสได้ว่ากลิ่นอายอันแกร่งกล้าของอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาเลือนหายไปและปรากฏขึ้นใหม่ซ้ำๆ แสดงว่าเขาถูกหานเจวี๋ยควบคุมไว้อย่างสมบูรณ์แล้ว

เมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่ไม่สามารถสังหารทิ้งได้ หานเจวี๋ยก็ยืนหยัดไม่ท้อถอย คล้ายจะไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเลย

เหล่าอริยชนได้รู้จักหานเจวี๋ยใหม่อีกครั้ง

โหดเหี้ยมนัก!

ศัตรูที่ตอแยยากเช่นนี้ผู้ใดจะกล้าหาเรื่องเล่า

โชคดีที่พวกเขามิใช่ศัตรูของหานเจวี๋ย

สือตู๋เต้าได้เห็นก็หวั่นใจขึ้นมาแล้วเช่นกัน

ไม่กลัวศัตรูที่แข็งแกร่งไร้เทียมทาน กลัวก็แต่ศัตรูที่ทั้งแข็งแกร่งไร้เทียมทานและในขณะเดียวกันก็กัดไม่ปล่อยเช่นนี้ หากถูกหานเจวี๋ยหมายหัวต้องกลายเป็นฝันร้ายอย่างแน่นอน

อริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพายังคงฟื้นคืนชีพไปเรื่อยๆ หานเจวี๋ยก็ตามฆ่าเขาไปเรื่อยๆ เช่นกัน

หลังจากวนเวียนเป็นวัฏจักรซ้ำไปซ้ำมา สุดท้ายอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาก็รับไม่ไหวแล้ว

“หานเจวี๋ย นับว่าเจ้าแน่มาก!”

อริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาแผดเสียงตะโกนออกมา เขาระเบิดตัวเองอีกครั้ง

ครั้งนี้เขาไม่ได้ฟื้นคืนชีพอีก แต่สลายตัวเป็นเปลวเพลิงนับไม่ถ้วน กวาดม้วนกระจายตัวออกไปทั่วสารทิศ หลบหนีออกจากมรรคาสวรรค์อย่างรวดเร็ว

พลังวิเศษนี้แปลกประหลาดอย่างยิ่งหานเจวี๋ยจึงดักจับกลิ่นอายของเขาไม่ได้เลย

แต่เขารับรู้อย่างชัดเจนว่าอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาออกจากมรรคาสวรรค์ไปแล้ว

หนีไปแล้วหรือ

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว ใช้แบบจำลองการทดสอบตรวจสอบดู ก็หาอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาไม่พบเช่นกัน

เขาแอบหงุดหงิดอยู่ในใจ

ก่อนหน้านี้คิดจะรอจนกว่าทำความเข้าใจพลังวิเศษมหามรรคแขนงใหม่ได้ แล้วค่อยนำมาสยบอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพา จากนั้นค่อยโยนเข้าคุกสวรรค์อนธการ

น่าเสียดาย คนผู้นี้ค่อนข้างมีฝีมือ

หานเจวี๋ยรู้สึกว่าตนเสียลูกน้องระดับอริยะเสรีไปคนหนึ่งแล้ว ไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก

เขาหันไปมองเหล่าอริยชนที่อยู่ไกลออกไป เอ่ยขึ้นว่า “อริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาจากไปแล้ว พวกเจ้าวางใจเถอะ”

เหล่าอริยชนพยักหน้ารับ ด้วยฐานะอริยะมรรคาสวรรค์ พวกเขาต่างรับรู้ได้ว่าตำแหน่งอริยะมรรคาสวรรค์ของอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาว่างลงแล้ว

ขณะที่จอมอริยะเสวียนตูคิดจะพูดบางอย่างกับหานเจวี๋ย หานเจวี๋ยก็เคลื่อนย้ายจากไปแล้ว

เมื่อกลับมาถึงเขตเซียนร้อยคีรี หานเจวี๋ยนั่งขัดสมาธิบนบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักร แจ้งเตือนแถวหนึ่งพลันเด้งขึ้นมาตรงหน้าหานเจวี๋ย

[ความเกลียดชังที่ตี้จวินมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 6 ดาว]

เป็นศัตรูคู่อาฆาตอย่างสมบูรณ์

หานเจวี๋ยถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง

ในอดีตตี้จวินเคยประทับใจในตัวเขาอย่างยิ่ง

น่าเสียดาย กับคนผู้นี้นับว่าเดินกันคนละทางเสียแล้ว

ล่วงเกินข้า เจ้ายังจะมีเรื่องดีได้อีกหรือ

ถึงแม้หานเจวี๋ยจะขี้ขลาด แต่ก็รู้ตัวดี ขอเพียงเขาไม่ออกจากมรรคาสวรรค์ ตี้จวินก็ไม่มีทางฆ่าเขาได้ กลับกันจะถูกเขาเคี่ยวกรำจนตายแทน

หานเจวี๋ยไม่ได้ลงมือสาปแช่งอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาในทันที รอให้ผ่านไปสักระยะแล้วค่อยสาปแช่งก็ไม่สาย

พอถึงเวลาก็สาปแช่งตี้จวินให้ตายก่อน ทำให้อริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาตกอยู่ในความหวาดกลัวและสิ้นหวัง

หานเจวี๋ยหลับตาลง เริ่มฝึกบำเพ็ญ

ในเวลาเดียวกัน

แดนเซียนและปวงสวรรค์หมื่นโลกายังคงตกอยู่ในภัยพิบัติทางธรรมชาติสารพัดรูปแบบ ศึกระหว่างอริยะ แต่ผลกระทบที่ตามมาก็เพียงพอจะก่อภัยพิบัติได้แล้ว

เหล่าอริยชนต้องรับมือกับผลกระทบที่ตามมา แต่ถึงเป็นเช่นนี้ ก็มีสิ่งชีวิตต้องตกตายไปนับไม่ถ้วน

ทว่าเหล่าอริยชนไม่มีทางกล่าวโทษหานเจวี๋ยเพราะเรื่องนี้ ตรงกันข้าม พวกเขากลับนับถือหานเจวี๋ยยิ่งนัก

หากไม่ขับไล่อริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาไป เกรงว่าคงมีสรรพสิ่งบาดเจ็บล้มตายมากยิ่งขึ้น

….

แดนเซียน เหนือยอดเมฆา

หานอวี้สำแดงเวทออกมาอย่างต่อเนื่อง หยาดพิรุณโปรยปราย ดับเพลิงสวรรค์ที่ลุกโหมอยู่ในแดนมนุษย์

เพลิงสวรรค์เหล่านี้ร้อนแรงอย่างยิ่ง หากไร้ซึ่งตบะระดับจักรพรรดิเซียน ก็ยากจะดับได้

ยามนี้เผ่ามนุษย์อ่อนแอ จักรพรรดิเซียนมีจำนวนน้อยจนนับนิ้วได้ ไม่มีทางช่วยดับไฟได้อย่างทั่วถึง

หานอวี้เงยหน้ามองขึ้นไป ขมวดคิ้วแน่น นึกในใจ ‘เป็นผู้ใดกันแน่ มาสร้างภัยพิบัติให้เผ่ามนุษย์ของข้าเช่นนี้’

เพลิงโทสะลุกโหมอยู่ในดวงตาเขา

ถึงแม้เขาจะมาจากโลกมนุษย์ แต่เขาก็จดจำได้เสมอว่าตนมีฐานะเป็นเผ่ามนุษย์

ยามที่ออกท่องไปทั่วแดนเซียนหากเผ่ามนุษย์ประสบภัยทุกข์ยาก ถ้าเขาช่วยได้จะช่วยเหลือแน่นอน นี่ก็นับเป็นความดีความชอบของหลี่เต้าคง ยามที่หลี่เต้าคงประสิทธิ์ประสาทวิชาให้มักจะเน้นย้ำกำชับเขาเสมอ กล่าวว่าหากวันหน้าเขาแข็งแกร่งขึ้น จะต้องคอยดูแลเผ่ามนุษย์

หลี่เต้าคงรู้สึกว่าเผ่ามนุษย์ไม่สมควรต้องตกต่ำลงเช่นนี้ ในมหาเคราะห์ครั้งก่อน หากอริยะไม่สอดมือเข้ามายุ่ง เผ่ามนุษย์จะสูญเสียตำแหน่งเผ่าพันธุ์มรรคาสวรรค์ไปได้อย่างไร

ครึ่งชั่วยามต่อมา หานอวี้จากไป ไปช่วยเหลือเผ่ามนุษย์ในเมืองอื่น

เป็นเพียงผลสะท้อนเล็กๆ เท่านั้น มิใช่แค่เผ่ามนุษย์ ผู้บำเพ็ญของเผ่าพันธุ์ต่างๆ ล้วนคิดหาหนทางช่วยเหลือเผ่าพันธุ์ของตน ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นจากศึกครานี้ของอริยะทำให้ทั่วทั้งแดนเซียนอยู่ในความสมานฉันท์ปรองดองชั่วระยะหนึ่ง

เวลาผ่านไปไม่ถึงปี ด้วยความช่วยเหลือของเหล่าอริยชน ภัยพิบัติในปวงสวรรค์หมื่นโลกาก็คลี่คลายลงอย่างสมบูรณ์

เพียงพริบตาเดียว เวลาก็ผ่านพ้นไปอีกพันปี

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น บิดขี้เกียจคราหนึ่ง ก่อนเปิดปากพูด “เข้ามา”

นอกอารามเต๋า หลงเฮ่าคุกเข่าเฝ้ารอมาสี่ปีแล้ว

เมื่อหลงเฮ่าได้ยินก็ลุกขึ้นด้วยความตื่นเต้น เปิดประตูอารามเต๋าแล้วก้าวเข้าไป

หลังจากเขาทำความเคารพหานเจวี๋ยเรียบร้อยแล้วก็เอ่ยขึ้นว่า “อาจารย์ ตบะของข้าค้างอยู่ในระดับเซียนทองต้าหลัวระยะปลาย ไม่ก้าวหน้าขึ้นอีก ให้ข้าออกไปได้หรือไม่ขอรับ เฮ่าเทียนบอกว่ามีวิธีช่วยข้าฝ่าทะลวงได้”

………………………………………………………………