ตอนที่ 621 อยู่เฉย

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 621 อยู่เฉย

“ทุกท่าน!” จงเส้าจ้งกล่าวด้วยสีหน้าหนักแน่น “ทุกท่านลองคิดให้ดี ฮองเฮาคือมารดาแท้ๆ ของซิ่นอ๋องก็จริง ทว่า นางก็เป็นมารดาของเด็กที่กำลังอยู่ในครรภ์ด้วย บัดนี้ฮองเฮากำลังตั้งครรภ์ หากนางมีใจคิดกบฏจริงๆ นางควรรอให้เด็กในครรภ์คลอดออกมาก่อน หากเด็กในครรภ์ที่เกิดมาไม่ใช่โอรส นางค่อยก่อกบฏก็ยังไม่สายไม่ใช่หรือ! เหตุใดนางต้องวางแผนให้ฝ่าบาทพลัดตกจากหลังม้า สั่งคนไปสังหารองค์รัชทายาท ผลักดันให้ซิ่นอ๋องที่ถูกถอดออกจากตำแหน่งองค์รัชทายาทไปแล้วขึ้นครองบัลลังก์โดยไม่สนใจความปลอดภัยของเด็กในครรภ์เช่นนี้ด้วย!”

เมื่อเห็นทุกคนขมวดคิ้วแน่น จงเส้าจ้งตบมือดังฉาด “มันไม่สมเหตุสมผลและยากจะอธิบายให้ใต้หล้าเข้าใจได้ หากทำเช่นนี้เท่ากับเป็นการประกาศกับใต้หล้าว่าซิ่นอ๋องสังหารบิดาของตัวเองเพื่อขึ้นครองราชย์ชัดๆ ฮองเฮาจะทรงโง่ถึงเพียงนั้นเลยหรือ”

เมื่อบรรดาแม่ทัพได้ยินคำกล่าวของจงเส้าจ้งก็พากันพยักหน้าตามอย่างเห็นด้วย

“ก่อนหน้านี้องค์หญิงใหญ่คุ้มกันตำหนักของฝ่าบาทไว้อย่างแน่นหนาเพื่อป้องกันคนลอบเข้าไปทำร้ายฝ่าบาทก่อนองค์รัชทายาทจะเสด็จกลับมา ทว่า บัดนี้องค์รัชทายาทเสด็จกลับมาแล้ว องค์หญิงใหญ่ยังเสด็จเข้าไปคุ้มกันตำหนักของฝ่าบาทอยู่เหมือนเดิม ทุกท่านไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้บ้างเลยหรือ” จงเส้าจ้งขบกรามแน่น “เป็นเพราะองค์หญิงใหญ่มองออกว่าองค์รัชทายาทประสงค์ร้ายต่อฝ่าบาท หากฝ่าบาทสิ้นพระชนม์ องค์รัชทายาทจะได้ขึ้นครองราชย์ทันที”

จงเส้าจ้งกล่าวถึงตรงนี้ก็เริ่มสะอื้น “หากฝ่าบาทสิ้นพระชนม์ องค์รัชทายาทที่ฆ่าบิดาของตัวเองได้ขึ้นครองราชย์ ฮองเฮา เด็กในครรภ์ของนางและซิ่นอ๋องคงไม่อาจมีชีวิตต่อไปได้! ฮองเฮาคือพี่สาวของข้า ซิ่นอ๋องและเด็กในครรภ์ของฮองเฮาคือหลานของข้า ดังนั้นจงเส้าจ้งขอร้องทุกท่านในที่นี้ ได้โปรดช่วยฝ่าบาท ฮองเฮา ซิ่นอ๋องและเด็กในครรภ์ของฮองเฮาด้วยเถิด!”

กล่าวจบ จงเส้าจ้งโค้งกายคำนับทุกคน

บรรดาลูกน้องของจงเส้าจ้งมองหน้ากันไปมา

“ยินดีติดตามใต้เท้าจงไปคุ้มครองฝ่าบาทขอรับ!” แม่ทัพคนหนึ่งคำนับจงเส้าจ้ง

เมื่อเห็นคนหนึ่งตอบรับ คนอื่นๆ จึงยกมือคารวะตาม “ยินดีติดตามใต้เท้าจงไปคุ้มครองฝ่าบาทขอรับ!”

“ทุกท่านรีบลุกขึ้นมาเถิด!” จงเส้าจ้งประคองลูกน้องเก่าของตัวเองให้ลุกขึ้น รินเหล้าที่วางอยู่บนโต๊ะจนเต็มจอก ยกจอกขึ้น “ทุกท่าน เราขอฝากความปลอดภัยของฝ่าบาท ฮองเฮาและเด็กในครรภ์ของฮองเฮาไว้ที่พวกท่านด้วย!”

“ใต้เท้าจงกล่าวเกินไปแล้ว พวกเราคือขุนนางของต้าจิ้น ย่อมต้องจงรักภักดีต่อฝ่าบาท ในเมื่อบัดนี้องค์รัชทายาทคิดปลงพระชนม์ฝ่าบาท พวกเราก็จะไม่ยอมอยู่เฉยอย่างเด็ดขาด!” หนี่งในนั้นชูจอกเหล้าขึ้นอย่างเลือดร้อน

จงเส้าจ้งพยักหน้า ดื่มเหล้าจนหมด จากนั้นกล่าวขึ้น “องค์รัชทายาทมีอำนาจมาก ฮองเฮามีอำนาจน้อย ข้าเรียกทุกท่านมาในวันนี้โดยไม่มีหลักฐานใดๆ ทุกท่านยินดีเชื่อใจข้า ข้าซาบซึ้งใจยิ่งนัก หากช่วยฝ่าบาทออกมาได้สำเร็จ เมื่อพระองค์ฟื้นขึ้นมา ข้าและฮองเฮาจะตบรางวัลให้พวกท่านอย่างงาม ไม่มีวันคืนคำแน่นอน!”

“ใต้เท้าจง ในเมื่อท่านบอกว่าองค์หญิงใหญ่เข้าวังไปคุ้มกันไม่ให้องค์รัชทายาทำร้ายฝ่าบาท ท่านควรไปขอให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วช่วยเหลือท่านด้วยดีหรือไม่ขอรับ ข้าได้ยินว่านางเป็นคนออกมาส่งองค์หญิงใหญ่ขึ้นรถม้าไปวังหลวง หากเป็นเช่นนี้องค์หญิงเจิ้นกั๋วน่าจะรู้ความชั่วช้าขององค์รัชทายาทแล้วนะขอรับ”

จงเส้าจ้งคิดไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าอาจมีคนเอ่ยถึงเรื่องนี้ เขาเตรียมแผนรับมือไว้เรียบร้อยแล้ว

จงเส้าจ้งถอนหายใจยาวออกมา “ต่อให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วจะเก่งกาจสักเพียงใด นางก็เป็นเพียงสตรีคนหนึ่งเท่านั้น บัดนี้นางไม่มีอำนาจทางทหารอยู่ในมือ ไม่อาจช่วยเหลือเราได้ หากเราไปขอให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วช่วยอาจสร้างความเดือดร้อนให้องค์หญิงใหญ่ได้ อีกทั้งอาจเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น ที่สำคัญตอนนั้นซิ่นอ๋องไม่รู้ความ หนีเอาตัวรอดไปคนเดียว ทั้งยังใส่ร้ายว่าเจิ้นกั๋วอ๋องไป๋เวยถิงดึงดันที่จะออกรบอีก!”

จงเส้าจ้งหลับตาลงด้วยความโกรธแค้น “องค์หญิงใหญ่คือสตรีสูงศักดิ์ของราชวงศ์ เป็นธิดาที่เกิดจากฮองเฮาแห่งจักรพรรดิอู่เซวียน เป็นเสด็จป้าของฝ่าบาท นางย่อมเข้าข้างราชวงศ์ อยากเห็นราชวงศ์สงบสุข! ทว่า องค์หญิงเจิ้นกั๋วคือพวกขององค์รัชทายาท หากครั้งนี้องค์รัชทายาทชนะ นางสามารถสังหารซิ่นอ๋องเพื่อแก้แค้นแทนเจิ้นกั๋วอ๋องได้ อีกทั้งอาจได้รับตำแหน่งสำคัญในราชสำนัก ข้าจึงไม่กล้าไปขอให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วช่วย”

“ใต้เท้าจงกล่าวมีเหตุผล องค์หญิงเจิ้นกั๋วไม่มีทางเปิดโปงองค์หญิงใหญ่ เพราะนางคือหลานสาวขององค์หญิงใหญ่ ทว่า โอรสของฮองเฮาเคยใส่ร้ายเจิ้นกั๋วอ๋องมาก่อนจริงๆ ในบันทึกสถานการณ์รบ บุรุษตระกูลไป๋เสียชีวิตทั้งตระกูลเพราะถูกซิ่นอ๋องบีบบังคับจนไม่มีทางถอย องค์หญิงเจิ้นกั๋วจะลืมความแค้นครั้งนี้ได้อย่างไรกัน”

“ทว่า ทุกคนต่างรู้ดีว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วจงรักภักดีและซื่อสัตย์ ไม่ว่าสงครามที่หนานเจียงหรือเป่ยเจียงล้วนมีองค์หญิงเจิ้นกั๋วคอยปกป้อง ข้าคิดว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วไม่ใช่คนไร้เหตุผลเช่นนั้น” แม่ทัพบางคนกล่าวขึ้น

“ช่างเถิด หากเรื่องนี้สำเร็จก็แล้วไป ทว่า หากไม่สำเร็จ หัวของพวกเราคงหลุดจากบ่า เหตุใดต้องดึงองค์หญิงเจิ้นกั๋วเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย บางทีนางอาจไม่อยากเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยซ้ำ อย่างไรเสียนางก็เป็นเพียงสตรีคนหนึ่ง” แม่ทัพอีกคนกล่าว

สิ้นเสียงของคนผู้นั้น คนที่จงเส้าจ้งสั่งให้จับตาดูความเคลื่อนไหวด้านนอกรีบวิ่งเข้ามารายงานด้านใน “ใต้เท้าจง แม่ทัพฟ่านอวี๋ไหวกำลังนำทหารหน่วยตรวจเมืองมุ่งหน้ามาทางนี้ขอรับ!”

จงเส้าจ้งกำมือแน่น ทว่า ยังคงมีสติอยู่ เขาถูกองค์รัชทายาทจับตามองอย่างที่คิดไว้จริงๆ ด้วย โชคดีที่เขากล่าวสิ่งที่ต้องการกล่าวออกไปหมดแล้ว

“ใต้เท้าจง!” แม่ทัพคนหนึ่งหันไปทางจงเส้าจ้ง “จะทำเช่นไรดีขอรับ พวกเราหนีก่อนเถิดขอรับ”

“ตอนนี้คงไม่ทันการแล้ว” จงเส้าจ้งกล่าวจบก็หันไปสั่งการกับคนที่มารายงาน “ให้ผู้ดูแลหอพาหญิงสาวเข้ามาด้านใน”

จงเส้าจ้งเตรียมป้องกันไว้ก่อนแล้ว ต่อให้ฟ่านอวี๋ไหวพาคนเข้ามาแล้วจะทำอันใดพวกเขาได้ จะห้ามไม่ให้พวกเขามาดื่มสุราที่นี่อย่างนั้นหรือ

“เมื่อฟ่านอวี๋ไหวมาถึงจงยืนกรานว่าข้าเชิญพวกท่านมาฉลองที่ได้เลื่อนตำแหน่ง ไม่ต้องกล่าวสิ่งอื่นใดทั้งสิ้น ปี้เหิง เจ้าไปหลบอยู่ใต้เตียง หากพวกเราถูกจับไปทั้งหมด เจ้าจะได้กลับไปตามคนจากกองกำลังรักษาพระองค์มาช่วยพวกเราได้ พวกเราจะโดนขัดขวางไม่ได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นคงไม่มีคนช่วยฝ่าบาทและฮองเฮาได้แน่”

“ทว่า หากปี้เหิงที่หลบอยู่ใต้เตียงถูกจับได้จะทำเช่นไรขอรับ”

“พวกเราล้วนนั่งอยู่ตรงนี้ พวกเขาไม่กล้าค้นอย่างโจ่งแจ้งหรอก รีบถอดเสื้อผ้า ดื่มเหล้า!”

จงเส้าจ้งกล่าวจบก็นั่งลงบนเก้าอี้หลัก เขาถอดเสื้อคลุมชั้นนอก ปลดผ้าคาดเอวออกด้วยสีหน้าสงบนิ่ง คนอื่นๆ จึงรู้สึกสงบตามไปด้วย ต่างพากันนั่งลงบนเก้าอี้ของตัวเอง ถอดเสื้อคลุมออก รอให้แม่เล้าพาหญิงสาวในหอนางโลมเข้ามาด้านใน

ตอนที่ฟ่านอวี๋ไหวพาคนบุกเข้าไปในหอนางโลม กลุ่มของจงเส้าจ้งมีสตรีอยู่ในอ้อมกอดคนละนาง พวกเขากำลังชื่นชมสตรีที่สวมอาภรณ์บางเบาเต้นรำ บรรเลงเพลงอยู่อย่างสำราญใจ

เมื่อเห็นฟ่านอวี๋ไหวนำทหารในชุดเกราะบุกเข้ามาด้านใน จงเส้าจ้งที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยรีบวางเหล้าลงแล้วลุกขึ้นยืน “ใต้เท้าฟ่าน ท่านมาได้อย่างไรกัน”

จงเจ้าส้งผูกผ้าคาดเอวพลางเดินเข้าไปหาฟ่านอวี๋ไหวยิ้มๆ เขาแสร้งเดินโซเซเพราะความเมา เมื่อหยุดอยู่หน้าฟ่านอวี๋ไหวก็สะอึกออกมาหนึ่งที “ดึกขนาดนี้แล้ว ใต้เท้าฟ่านมาจับผู้ร้ายหลบหนีหรือขอรับ”

ฟ่านอวี๋ไหวใช้พัดพัดกลิ่นเหล้าที่โชยเข้ามา มองไปทางจงเส้าจ้งนิ่ง ขมวดคิ้วแน่นพลางก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว