ชายหนุ่มกระโดดโหยง ทว่ารู้สึกแข้งขาอ่อนปวกเปียกไปหมด จึงล้มลงเสียงดังโครม
หลงต้านถือกริชเดินเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม เอ่ยพูดพร้อมทำหน้าโหดเหี้ยมอำมหิต “วิ่งสิ ข้าจะดูว่าเจ้าจะวิ่งไปที่ไหนกัน!”
ชายหนุ่มมองไปยังใบหน้าของชายที่หล่อเหลาและขาวนวลยิ่งกว่าบุรุษเป่ยฉี ความเย็นยะเยือกแผ่ซ่านออกมาโดยตรง
เจ้า เจ้าหน้าอ่อนกินคน!
ไม่ ไม่ใช่แค่เจ้าหน้าอ่อนที่กินคน
ชายหนุ่มหันไปมองอีกสามคนที่นั่งอยู่ข้างกองไฟ
ชายมอมแมมกำลังกำลังตัดเนื้อขาออกมาแล่เป็นชิ้นบางๆ แล้วยื่นออกไปตรงหน้าหญิงชราและหญิงสาว
หญิงชรามองหญิงสาวด้วยสายตารักใคร่เอ็นดู “กินเสียสิ”
หญิงสาวปฏิเสธอย่างอ่อนโยน “ท่านกินเถอะ”
ครั้งแรกที่เห็นทั้งสองคน ชายหนุ่มรู้สึกว่าคนพวกนี้น่ารังแก ทว่าเมื่อเจอกันอีกครั้งในสถานการณ์เดียวกัน กลับเหงื่อแตกพลั่กขึ้นมาเต็มหลังภายในชั่วพริบตา
หญิงชราที่ดูเมตตาอ่อนโยน หญิงสาวที่อรชนอ้อนแอ้น น่า น่ากลัวเกินไปแล้ว!
คนเหล่านี้เป็นปีศาจรึ
เมื่อเห็นหญิงสาวกินเนื้อที่ร้อนฉ่าหน้าตาเฉยอยู่ตำตา แถมยังแสดงท่าทีพอใจออกมา ชายหนุ่มเบือนหน้าหนี อ้วกออกมาทันที
หลงต้านส่ายหน้ามองอย่างน่าเวทนา ถีบชายหนุ่มออกไป “พวกเรากำลังกินข้าวอยู่นะ อยากตายรึไง”
ชายหนุ่มตัวสั่นงันงก สีหน้าซีดเผือด
ปกติเขาไม่กลัวอะไรเลย และไม่กลัวตายด้วย แต่เขากลัวว่าหากตายแล้วจะถูกคนเอาไปย่างกิน…แค่คิดก็รู้สึกกลัวจนตัวสั่น ไม่กล้าตายแล้ว
ทันใดนั้นจู่ๆ ชายมอมแมมก็เอ่ยปากถามออกไป “เป็นอย่างไรบ้าง อร่อยไหม”
หญิงสาวครุ่นคิด แล้วพูดประเมินออกมาอย่างจริงจัง “พอใช้ได้”
ชายมอมแมมรู้สึกเสียใจเล็กน้อย “น่าจะสับขาออกมาย่างตอนที่มีชีวิตอยู่ ย่างหลังตาย รสชาติจึงแย่เล็กน้อย”
ชายหนุ่มตกใจจนเกือบร้องไห้ออกมา สีหน้าแข็งทื่อขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้
สับ สับตอนยังมีชีวิตอยู่งั้นหรือ
พ่อแก้วแม่แก้ว เมื่อครู่เขายังครุ่นคิดอยู่เลยว่าไม่กล้าตาย ตอนนี้ไม่กล้ามีชีวิตอยู่แล้ว…
เมื่อเห็นว่าขู่ชายหนุ่มให้ตกใจกลัวได้ประมาณหนึ่งแล้ว หลงต้านย่อตัวนั่งลงข้างหน้าเขา ถามออกไป “เจ้าเป็นใครกัน”
“ข้า ข้า…” ชายหนุ่มตกใจจนไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร
คำถามนี้มันกว้างเกินไปแล้ว มันยากมากสำหรับคนที่กำลังอยู่ในภาวะตกใจแทบตาย
“คนเป็นหรือว่าคนตาย”
“คนเป็น”
“บุรุษหรือสตรี”
“บุรุษ”
“คนเป่ยฉีหรือว่าคนต้าโจว” หลงต้านถามอย่างรวดเร็ว
ชายหนุ่มก็ตอบอย่างรวดเร็ว “คนเป่ยฉี…”
พูดจบใบหน้าของเขาก็ซีดเซียวขึ้นมาทันที พร้อมกับฟาดตัวเองไปหนึ่งทีแรงๆ พูดพึมพำออกไป “เผลอ เผลอพูดออกไปแล้ว…”
หึหึ หลงต้านแค่นเสียงหัวเราะตอบชายหนุ่ม
ชายหนุ่มได้ยินเสียงหัวเราะก็รู้สึกหวาดกลัวอยู่ในใจ
หลงต้านใช้กริชที่เปื้อนน้ำมันวางทาบลงบนใบหน้าอันเย็นเฉียบของชายหนุ่ม “เผลอพูดงั้นรึ เช่นนั้นทำไมเจ้าไม่พลั้งปากพูดว่าตัวเองเป็นคนตายล่ะ”
ชายหนุ่มอ้าปากพะงาบๆ ไม่มีคำจะเถียง
“พอได้แล้ว อย่ามัวแต่พูดไร้สาระ พูดออกมาตรงๆ พวกเจ้าคนเป่ยฉีมาทำอะไรที่ต้าโจว”
เมื่อเห็นชายหนุ่มเหลือบมองเหล่าฉินและคนอื่นๆ หลงต้านก็ทำหน้าเย็นชา “ไม่ต้องคิดเองเออเอง ข้ามีหน้าที่จับจารชนคนไร้ความรู้ ถึงแม้พวกเราจะเป็นคนธรรมดา ในเมื่อเจอแล้วก็ไม่อาจทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไปได้!”
ชายหนุ่มตะลึง
มีหน้าที่จับจารชนคนไร้ความรู้งั้นหรือ คนต้าโจวที่อยู่ชายแดนทางเหนือไม่ใช่แบบนี้นี่นา…
หลังจากลังเลเล็กน้อย หลงต้านก็ตวัดข้อมือ กริชแทงทะลุมือชายหนุ่ม จากนั้นนำกริชที่เปื้อนเลือดวางลงบนริมฝีปากพร้อมกับแลบลิ้นออกมาเลีย
ชายหนุ่มแทบจะอ้วกออกมาแล้ว
หลงต้านเบิกตาโพลง เอ่ยพูดท่าทางดุร้าย “หากอ้วกมาอีกข้าจะตัดลิ้นเจ้าออกมาย่างซะ! ลิ้นน่ะอร่อยที่สุดแล้ว”
เขาเสียสละทำขนาดนี้แล้ว หากเจ้าโง่นี่ยังปากแข็งอยู่อีก เขาจะไม่เกรงใจแล้วจริงๆ
ชายหนุ่มกัดริมฝีปากอย่างแรง กลืนสิ่งที่ไหลย้อนขึ้นมาลงไป
“ข้าจะถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย จุดประสงค์ที่มาต้าโจวคืออะไร มาสืบข่าวคราวข้อมูลอะไรเพื่อจู่โจมบ้านเมืองของข้าหรือ ถ้ายังไม่พูดอีก ข้าจะตัดลิ้นเจ้าซะ!”
ชายหนุ่มตกใจกลัวหัวหด เอ่ยพูดสายตาล่องลอย “ไม่ได้มาสืบข้อมูล แค่มาหาคน…”
หลงต้านชำเลืองมองไปทางเจียงซื่อ สีหน้าดุร้ายยิ่งขึ้นอีก “หาคนงั้นหรือ หาผู้ใดกัน”
ชายหนุ่มลังเลอยู่ครู่หนึ่ง รับรู้ได้ถึงความอำมหิตของเจ้าหน้าอ่อน จึงแอบมองไปทางโน้น
ชายมอมแมมย่างเนื้อต่อ แสงไฟที่ส่องหน้าเขาแดงเสียยิ่งกว่าเนื้อที่ย่างจนสุก
หญิงชราไม่ได้ลงมือทานเนื้อที่กองเต็มจานตรงหน้า ส่วนหญิงสาวกินทีละนิดด้วยท่าทางสงบเสงี่ยม หลังจากกินเสร็จ นางก็เช็ดปากพลางปรายตามอง เผยรอยยิ้มมีเลศนัยออกมา
ชายหนุ่มขนหัวลุก ถอดใจการต่อต้านครั้งสุดท้าย “พวกเรามาที่ต้าโจวเพื่อตามหาจวิ้นจู่”
“จวิ้นจู่ของพวกเจ้ามาทำอะไรที่ต้าโจว นางมีจุดประสงค์อะไร” หลงต้านเค้นถามทันที
ชายหนุ่มส่ายหัวออกมาทันควัน “ไม่ได้มีจุดประสงค์อะไรเลย จวิ้นจู่เพียงแค่ชอบออกมามาเที่ยวเตร่ข้างนอกเท่านั้นเอง ครั้งนี้จวิ้นจู่ออกมานานไม่กลับไปสักที ครอบครัวไม่สบายใจถึงได้ส่งคนออกมาตามหา พวกเราสืบได้เบาะแสว่าจวิ้นจู่มาที่ต้าโจว ถึงได้ตามมา…”
“ไม่ได้โกหกแน่นะ”
ชายหนุ่มแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว “ไม่ ไม่ได้โกหกจริงๆ…”
หลงต้านหันกลับไปมองเจียงซื่อทั้งสามคน เอามือลูบหน้าพร้อมกับเผยรอยยิ้มอันน่าสะพรึงกลัวออกมา “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คงทำได้เพียงตัดหูออกมาย่างกินแล้วล่ะ”
พูดจบ กริชก็พุ่งไปตัดหูของชายหนุ่ม
ชายหนุ่มที่เดิมทั้งร่างไร้ซึ่งพละกำลังระเบิดแรงเฮือกสุดท้ายออกมา กลิ้งหลบอันตรายออกไปด้านข้าง
เมื่อเห็นว่ากริชจู่โจมเข้ามาอีกครั้ง ชายหนุ่มก็ตะโกนลั่นออกไป “พวกเจ้าคนต้าโจวล้วนเป็นพวกโกหกหลอกหลวง! ข้าไม่ได้พูดโกหกเลยสักคำ เหตุใดถึงยังตัดหูข้า”
หลงต้านแสยะยิ้ม “เจ้าคิดว่ายังเป็นเด็กน้อยที่เกี่ยวก้อยสัญญากันงั้นหรือ ในยามศึกก็ต้องใช้เล่ห์เพทุบาย เจ้าไม่เข้าใจรึ”
ครั้งนี้หลงต้านไม่ออมมืออีกต่อไป ยกกริชในมือขึ้นมาตัดหูซ้ายของชายหนุ่มออกไปครึ่งหนึ่ง
ชายหนุ่มเอามือกุมเลือดที่ไหลออกจากหูไม่หยุด พลางร้องอย่างน่าเวทนา
หลงต้านถือใบหูที่ตัดออกมาครึ่งหนึ่ง โยนออกไปให้เหล่าฉินด้วยสีหน้ารังเกียจ “เจ้านี้หลบไวนัก ตัดได้เล็กแค่นี้เอง เอาไปย่างเถอะ”
เหล่าฉินรับไว้ด้วยความแม่นยำ เอ่ยถามอย่างจริงจัง “ทาน้ำผึ้งหรือว่าเครื่องปรุงรส”
ชายหนุ่มตาเหลือก ตกใจจนสลบไปแล้ว
หลงต้านกระโดดผึงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “แหวะ น่าสะอินสะเอียนยิ่งนัก”
ถึงแม้เขาจะฆ่าคนมาเยอะแต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ลิ้มลองเลือดคน
เหล่าฉินท่าทางนิ่งกว่าเยอะเลย เขานำใบหูครึ่งหนึ่งวางลงบนพื้น จากนั้นจิ้มเนื้อขาที่เยิ้มน้ำมัน “ย่างต่ออีกหน่อยก็จะสุกเกินแล้ว จะกินรึยัง”
หลงต้านริมฝีปากซีดเล็กน้อย “เจ้ายังจะกินลงอีกหรือ”
เหล่าฉินทำหน้าแปลกใจ “ขาหมูที่ย่างจนน้ำมันเยิ้มออกมา จะกินไม่ลงได้อย่างไร”
หลงต้านยกนิ้วโป้งให้เหล่าฉิน
เขาคิดมาตลอดว่าเหล่าฉินเป็นพ่อหม้ายที่สกปรกมอมแมม ไม่นึกเลยว่าจะเป็นคนโหดเหี้ยมเช่นนี้
ทว่าเจียงซื่อกลับนึกถึงคำพูดตอนที่เหล่าฉินขอให้นางรับเขามา ข้าไม่มีความสามารถใด ถนัดเพียงแต่ฆ่าคน
เหล่าฉินเป็นคนซื่อสัตย์ พูดจาด้วยความสัตย์จริง…เจียงซื่อแอบคิดอยู่ในใจ
“จะให้ฆ่าสองคนนี้หรือไม่ขอรับ” เหล่าฉินนำเนื้อย่างลงมา พร้อมกับถามความเห็นจากเจียงซื่อ