พอมองไปยังชายหนุ่มที่หมดสติ สายตาของเจียงซื่อก็ดูคลุมเครือ
ฆ่าหรือไม่ฆ่า ที่จริงมันเป็นคำถามที่ทำให้คนลังเลได้จริงๆ
เพียงเพราะสองคนนี้แย่งเนื้อย่างของพวกนาง หากฆ่าก็คงจะเกินไป แต่ว่าทั้งสองคือคนเป่ยฉี หากจะฆ่าเสียก็คงไม่เป็นการทำเกินกว่าเหตุ
ซึ่งการฆ่าทิ้งจะลดปัญหาได้มากแน่นอน
ทว่าอย่างไรก็ตามนี่คือสองชีวิตเลยนะ
เจียงซื่อโยนโจทย์ยากนี้ให้หลงต้านไปตรงๆ “หลงต้าน เจ้าจัดการเลย”
การเดินทางลงดินแดนทางใต้ครานี้ มีเพียงพวกเขาสี่คน ทว่าหลงต้านนั้นมีการเตรียมตัว โยนให้เขาจัดการคงจะน่าเชื่อถือได้
หลงต้านครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยขึ้น “เช่นนั้นก็ให้พวกเขานอนหมดสติอยู่ในวัดผุพังนี่สักคืนหนึ่ง”
ส่วนเรื่องอื่น เขาไม่ได้พูดออกมามาก
หลงต้านลากชายหนุ่มกับบุรุษคนเป่ยฉีอีกคนหนึ่งมาวางที่เดียวกัน
จู่ๆ เหล่าฉินก็เอาหูวางแนบลงกับพื้น ทำหน้าขรึม “ดูเหมือนว่าจะมีคนมาอีกแล้ว”
“มีคนมาอีกแล้วงั้นหรือ” หลงต้านทำหน้าจนปัญญา “วันนี้ช่างแปลกเสียจริง ฟ้าก็มืดแล้ว แถมหิมะยังตกหนัก ทำไมวัดผุพังหลังนี้ถึงได้มีคนเข้ามาไม่หยุดกันนะ”
“ก็เพราะว่าหิมะกำลังตก ถึงได้มีคนมาพักเยอะไงล่ะ” เหล่าฉินพูดไปพลางลุกขึ้นยืน ลากชายคนเป่ยฉีที่ดูมีอายุเข้าไปในวางในมุม
ทั้งสองนอนเรียงกันไม่ขยับเขยื้อน แถมหนึ่งในนั้นยังหูขาดไปครึ่งหนึ่งด้วย หากใครมาพบเข้าจะไม่เหมาะสม
โชคดีที่ตอนนี้ฟ้ามืดลงแล้ว แสงภายในวัดจึงมืดสลัว ไม่นับว่าเป็นเรื่องยากที่จะซ่อนทั้งสองคนไว้ในซอกในมุม
เหล่าฉินกับหลงต้านร่วมแรงกัน ขณะลากสองคนที่นอนสลบไสลไปซ่อน ด้านหน้าประตูวัดก็มีเสียงดังลอดเข้ามา
“มีใครอยู่หรือไม่” มีคนสองคนปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตู หนึ่งในนั้นเอ่ยถามออกมา
เจียงซื่อและพวกหันไปมอง อาศัยแสงสว่างจากกองไฟ พบว่าผู้ที่เอ่ยปากพูดเป็นชราผมหงอก มีเด็กชายอายุสิบกว่าปียืนอยู่ข้างๆ ด้วย
เมื่อเห็นเจียงซื่อและคนอื่นๆ มองมา ชายชราก็เอ่ยถามด้วยความเกรงใจ “ค่ำคืนอันหนาวเหน็บท่ามกลางหิมะที่ตกหนักเช่นนี้ ชายแก่อย่างข้ากับหลานชายขอพักค้างแรมด้วยได้หรือไม่”
ผู้อาวุโสฮวาไม่อยากเข้าไปยุ่งเพราะกลัวจะมีปัญหา จึงไม่พูดอะไรออกมา
เจียงซื่อแสดงเป็นหลานสาวของผู้อาวุโสฮวา ขนาดแม่เฒ่ายังไม่เอ่ยปากพูดอะไร หลาวสาวก็ยิ่งต้องเงียบไว้
หลงต้านเห็นชายชราผมขาวโพลน และเด็กหนุ่มผอมกะหร่องที่อยู่ด้านข้างหนาวจนหน้าแดงเถือก จึงพยักหน้าลง “ทั้งสองท่านเข้ามาเถอะ พวกเราก็เป็นคนที่เดินทางผ่านมาและหนีมาหลบลมหิมะที่นี่ชั่วคราว”
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าชายชราดูท่าทางโล่งใจ เดินเข้ามาพร้อมกับหลานชาย
ความอบอุ่นภายในวัดทำให้ปู่หลานทั้งสองสีหน้าผ่อนคลายลงเล็กน้อย ทว่ากลิ่นหอมเตะจมูกกลับทำให้ทั้งสองคนหันไปมองที่กองไฟโดยไม่ตั้งใจ
หลงต้านเหลือบมองเจียงซื่อ เห็นว่านางไม่ได้มีท่าทีคัดค้านออกมา จึงเอ่ยขึ้น “ถ้าหากว่าทั้งสองท่านหิวแล้ว กินเนื้อย่างกันสักหน่อยไหม”
เด็กชายรูปงามแก้มแดงก่ำเพราะความเย็นกลืนน้ำลายลงอย่างอดได้
การเดินทางในวันที่หิมะตกหนัก เนื้อย่างร้อนๆ เป็นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจได้ดีมากอย่างไม่ต้องสงสัย
ชายชราลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แสดงสีหน้าเกรงใจออกมา “เช่นนั้นขอรบกวนด้วยแล้วกัน”
หลงต้านตัดเนื้อย่างออกมาจำนวนหนึ่งด้วยตัวเอง แล้วส่งให้ชายชรากับเด็กชาย
ปู่หลานเอ่ยขอบคุณ บางทีอาจจะเพราะหิวโซจึงกินหมดภายในพริบตาเดียว
ภายในวัดได้ยินเพียงเสียงเคี้ยวอาหารของปู่หลานสองคนและเสียงไฟที่ลุกโชนจากกองเพลิงอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
ไม่นานปู่หลานสองคนก็กินเสร็จชายชราเอ่ยขอบคุณเจียงซื่อและคนอื่นๆ อีกครั้ง
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกท่านลุง พบกันโดยบังเอิญนั้นเป็นพรหมลิขิต ตอนนี้ดึกมากแล้ว พวกเราจะไปพักผ่อนกันแล้วล่ะ” หลงต้านยิ้มพูดขึ้น
ชายชรารู้ดีว่าต้องทำอย่างไร เขาพาหลายชายไปอีกมุมหนึ่ง นั่งพิงกำแพงหลับ
ต่างไม่มีใครพูดคุยกันอีก ความเหน็ดเหนื่อยและอ่อนเพลียค่อยๆ จู่โจมเข้ามา
จู่ๆ เหล่าฉินก็ลุกขึ้นเดินไปที่ประตูวัด
ชายชราที่เดิมหลับตาลงเบิกตาโพลงขึ้นมาทันที พลางมองตามหลังเหล่าฉินออกไป
“ลมมันแรงข้าจะออกไปดูว่าพอจะมีอะไรมาบังประตูได้หรือไม่” เหล่าฉินอธิบายออกมา เดินไปมาข้างนอกประตูอยู่นานก็กลับมามือเปล่า
หลงต้านลืมตาขึ้น “หยุดทรมานตัวเองได้แล้ว รีบเข้านอนเถอะ พรุ่งนี้เช้าหากหิมะยังไม่หยุดตกก็ต้องรีบเดินทาง วันนี้เสียเวลาไปมากแล้ว”
เหล่าฉินเดินเข้ามานั่งลงข้างหลงต้าน
บรรยากาศภายในวัดค่อยๆ กลับมาเงียบเหมือนเดิม
ถึงแม้ว่าหลงต้านจะหลับตา ทว่ากลับไม่ได้หลับ
ไม่ใช่เพราะว่าไม่ง่วง เพียงแต่พื้นที่รกร้างเช่นนี้ไม่อาจทำให้เขานอนหลับอย่างสบายใจได้ ความปลอดภัยของพระชายาอ๋องนั้นอยู่เป็นอันดับหนึ่งในใจ
ทันใดนั้นก็มีคนมาจับมือเขาไว้
หลงต้านหนังตากระตุก เบิกตาโพลง
คนที่จับมือเขาไว้คือเหล่าฉิน
หลงต้านกะพริบตาปริบๆ ด้วยความงงงวย
กองไฟมอดไปเกือบครึ่งแล้ว ภายในวัดเริ่มมืดขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากทั้งสองคนอยู่ใกล้กัน จึงสามารถเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย ได้อย่างชัดเจน
เหล่าฉินผละมือออก เขียนบางอย่างลงบนพื้น
หลงต้านก้มลงมอง สีหน้าเปลี่ยนทันควัน เมื่อเห็นเพียงแค่บนพื้นเขียนว่า ‘ใต้ต้นไม้ริมทางมีคนอยู่’
หลงต้านขยับริมฝีปาก เอ่ยถามโดยไม่ออกเสียง “กี่คน”
เหล่าฉินเขียนเลขสองลงไป
หลงต้านเบนสายตา มองออกไปอีกฝั่งหนึ่ง
ชายชราและเด็กชายนอนเบียดอยู่ด้วยกัน ดูท่าว่าจะหลับไปแล้ว
หลงต้านทำหน้าขรึมขึ้นมา
ช่างเป็นค่ำคืนหิมะตกที่วุ่นวายเสียจริง
เหล่าฉินพบว่าใต้ต้นไม้นอกวัดมีคนอยู่อีกสองคน สองคนนั้นเป็นพวกเดียวกับคู่ปู่หลานหรือว่าพวกเดียวกับคนเป่ยฉีสองคนก่อนหน้านี้กันแน่
แต่ไม่ว่าจะเป็นพวกเดียวกับใคร อากาศเช่นนี้ไม่เข้ามาหลบลมหิมะแต่กลับยืนอยู่เงียบๆ ใต้ต้นไม้ข้างนอก จะต้องมีอะไรบางอย่างแน่
หรือว่าอยากจะรอให้พวกเขาหลับไปก่อนแล้วเข้ามาลอบสังหาร
หลงต้านคิดไปคิดมา จู่ๆ ก็ลุกเดินออกไปข้างนอก
การเคลื่อนไหวของเขาทำให้บางคนลืมตาตื่นขึ้นมา รวมถึงคู่ปู่หลานด้วย
หลงต้านแค่นเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ
การเคลื่อนไหวของเขาเงียบเชียบมาก ทว่าปู่หลานคู่นั้นก็ยังรู้สึกตัวได้เป็นคนแรก แสดงว่าทั้งคู่ไม่ได้หลับ
เมื่อเดินมาถึงหน้าประตูวัด หลงต้านเอ่ยพูดด้วยความั่นใจ “ดื่มน้ำเยอะไปหน่อย อั้นไม่ไหวแล้ว อากาศหนาวนี่แย่ชะมัดเลย”
พูดจบเขาก็หายวับออกไปจากหน้าประตู เข้าสู่ความมืดมิดยามค่ำคืน
เด็กชายที่นั่งพิงชายชราขยับตัวไปมา ทำท่าเหมือนจะลุก แต่ก็ถูกชายชรากดไว้
“ท่านปู่…” สีหน้าของเด็กชายแข็งทื่อเล็กน้อย เอ่ยเรียกโดยไม่ออกเสียง
ชายชราส่ายหน้าเล็กน้อย เป็นเชิงห้ามไม่ให้เด็กชายพูดต่อ ทว่ากลับไม่ละสายตาจากหน้าประตูวัดเลย สีหน้าดูเป็นกังวล
เมื่อหลงต้านเดินออกจากประตูวัดไป ลมหิมะก็พัดโหมเข้ามาทันที เขามองดูรอบๆ โดยพลัน
ห่างจากวัดไปไม่ไกลมีต้นไม่เรียงกันเป็นแถว เห็นลางๆ ว่ามีเงาคนสองคนยืนอยู่ข้างต้นไม้
ถ้าหากเป็นตอนกลางวัน บางทีกิ่งก้านใบไม้ที่งอกงามอาจจะบังสองคนนั้นไว้ได้ แต่ถึงตอนกลางคืนมันยากที่จะหาเจอ ทว่าตอนนี้มันบังได้เพียงส่วนน้อย แค่มองอย่างละเอียดก็ดูออกแล้ว
หลงต้านเหยียบหิมะกองหนาเดินตรงไปตรงนั้น
การไปฉี่ข้างต้นไม้เป็นเรื่องธรรมดาของผู้ชาย
เมื่อค่อยๆ เข้าไปใกล้ ทั้งสองคนนั้นก็ยังคงไม่ขยับเขยื้อน
หลงต้านผ่อนฝีเท้าลง รู้สึกประหลาดใจขึ้นมา
หิมะยังไม่หยุดตก ไม่รู้ว่าสองคนนี้ยืนอยู่ใต้ต้นไม้นานแค่ไหนแล้ว และไม่รู้ว่าสามารถทนไหวได้อย่างไร พอเห็นว่ามีคนมาเหตุใดถึงไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบอะไรเลย
พวกเขานิ่งมากเลย หรือพวกเขาคิดว่าเขาไม่เห็น กำลังรอให้เขาเข้าไปใกล้แล้วชักมีดออกมาใส่เขางั้นหรือ
จนกระทั่งหลงต้านเดินเข้าไปใกล้มาก ทั้งสองคนนั้นก็ยังไม่ขยับเขยื้อน
นี่มันอะไรกันเนี่ย
หลงต้านทั้งประหลาดใจและคอยระวังตัว หลังจากเดินเข้าไปใกล้นิดหน่อยก็มองอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็เห็นใบหน้าอันขาวซีดที่แข็งทื่อของคนสองคน