ตอนที่ 505 งานเลี้ยงผลท้อเซียนใกล้เข้ามา ฉางโซ่ววางแผนเป็นเทพ! (2)

มีกรรมได้เชื่อมโยงกันมาก่อนเกิดมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพ

แล้วศาลสวรรค์จะจัดการสถานการณ์ได้อย่างไร?

หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดถี่ถ้วนอยู่ครู่หนึ่งแล้วเดินตามหลังอาจารย์ของเขาไป

เรื่องเกี่ยวกับเทพธิดาอวิ๋นเซียวได้พิสูจน์แล้วว่า นางไม่ได้หลีกเลี่ยงมหาภัยพิบัติเพียงเพราะนางต้องการ หากนางรู้สึกดีที่ได้เข้าสู่ศาลสวรรค์ก่อนล่วงหน้า นางก็อาจจะตกตายไปจริงๆ

หากแก้ปัญหาด้วยการหลบเลี่ยงไม่ได้ หลี่ฉางโซ่วก็ทำได้เพียงแค่ร่วมมือกับปรมาจารย์จอมปราชญ์ของเขาเพื่อคาดการณ์และวางแผนบนพื้นฐานของการรับรองความปลอดภัยของเขาเอง

โชคดีที่เขายังยืนอยู่บนฝั่ง[1] และยังมีอีกสองสามวิธีที่เขาจะแยกตัวออกจากสถานการณ์ได้

ย่อมจะเป็นการดีที่สุดหากเขาสร้างร่างทองแห่งบุญได้ก่อนจะเกิดมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพขึ้น นั่นจะกลายเป็นไพ่ไม้เด็ดของเขาอย่างแน่นอน…

หลี่ฉางโซ่วอดหาวออกมาไม่ได้ ฉีหยวนจึงบอกให้เขากลับไปพักผ่อน ทว่าหลี่ฉางโซ่วแย้มยิ้มพลางปฏิเสธและติดตามอาจารย์ของเขาไปเข้าร่วม “พิธีสำเร็จการศึกษา” ของเหล่าศิษย์สำนักตู้เซียน

ในขณะนี้ มีศิษย์มากกว่าเจ็ดร้อยคนยืนอยู่ในลานโล่งด้านหน้าโถงตู้เซียน

พวกเขาแต่ละคนสวมเสื้อคลุมเต๋าต่างๆ หลากหลายแบบ และเกือบครึ่งหนึ่งก็อยู่เป็นคู่คู่ ทุกคนล้วนเก็บสัมภาระและรอคอยอย่างไม่เต็มใจ อาลัยอาวรณ์ และโหยหา…

พวกเขากำลังจะออกเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ส่วนใหญ่จะกลับไปยังตรีสหัสโลกธาตุในขณะที่อีกครึ่งหนึ่งจะเข้าร่วมฝ่ายการฝึกบำเพ็ญในดินแดนเทวะทั้งห้า พวกเขาจะกลับบ้านเพื่อรับส่วนแบ่งมรดกทรัพย์สินส่วนหนึ่งของพวกเขาหรือเป็นผู้ฝึกบำเพ็ญด้วยตัวเอง

ในบรรดาพวกเขา เฉพาะผู้ที่กลายเป็นเซียนแล้วเท่านั้นที่จะมีพระสูตรนิรกรรมส่วนแรกของสำนักตู้เซียน พวกเขาต้องให้คำสาบานอย่างหนักแน่นว่า จะไม่สอนมันให้กับคนนอก

นอกเหนือจาก พระสูตรนิรกรรมแล้ว พระสูตรและคาถาส่วนใหญ่นั้น สามารถเผยแพร่ออกไปภายนอกได้ พระสูตรนิรกรรมส่วนที่สองนั้น จะสอนให้เฉพาะเหล่าเซียนเสิ่น หรือกลุ่มเมล็ดพันธุ์เซียนที่มีคุณสมบัติระดับสูง

ส่วนบรรดาศิษย์ส่วนใหญ่ที่อยู่ในอันดับต้นๆ และมีศักยภาพที่ดีกว่าจะยังคงได้บำเพ็ญเพียรอยู่บนยอดเขาต่างๆ ต่อไป

หลังจากที่เจ้าสำนัก รองเจ้าสำนักและผู้อาวุโสสูงสุดต่างก็ได้กล่าวคำปราศรัยที่ไม่ค่อยซึ้ง เป็นที่ประทับใจหรือให้กำลังใจนักเสร็จสิ้นแล้ว บรรดาศิษย์ก็ออกจากสำนักไปทีละคน พวกเขาขี่เมฆและขี่กระเรียนออกไปยังสถานที่ต่างๆ ทั่วทุกทิศทาง

พวกเขาดูปานประหนึ่งดวงดาวที่กระจัดกระจายไปทั่วแผ่นฟ้า

บรรดาผู้มาส่งต่างไปรวมตัวกันที่ประตูสำนัก เหล่า ‘ปรมาจารย์’ หลายคนต่างเต็มไปด้วยความรู้สึกหดหู่และใจหาย

ในขณะนั้น ดวงตาของเหล่าเซียนสตรีที่รู้สึกซาบซึ้งใจเล็กน้อย ต่างก็กลายเป็นสีแดงก่ำฉ่ำชื้นไปด้วยน้ำตา

ตามกฎของสำนักตู้เซียน บรรดาเซียนเสิ่นซึ่งรับศิษย์ในรอบสองร้อยปีก่อน สามารถเลือกได้ว่าจะรับศิษย์ในรอบถัดไปอีกหรือไม่ นอกจากนี้ยังอาจถือเป็นภารกิจในการฝึกบำเพ็ญที่สำนักได้จัดเตรียมขึ้นอีกด้วย

และในวันเดียวกันนั้นเองที่สำนักตู้เซียนได้ประกาศวันจัดพิธีเปิดรับศิษย์เช่นกัน ซึ่งบรรดาศิษย์ที่จบการศึกษาไปก็ส่งออกข่าวไปทั่วทุกมุมโลก

หลังจากนั้น สำนักจะจัดให้ผู้บริหารไปยัง “แหล่งชีวิตต้นกำเนิดศิษย์[2]” ที่ยอดเยี่ยมเพื่อส่งเสริมและมองหาเมล็ดพันธุ์ดีๆ ในรุ่นต่อไป

พิธีจะถูกจัดขึ้นเมื่อใด?

มันจะถูกจัดขึ้นในเดือนที่เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านจากฤดูใบไม้ผลิเข้าสู่ฤดูร้อนในอีกสิบแปดปีหลังจากนี้

กล่าวกันว่า เดิมทีพิธีเปิดนี้ได้วางกำหนดเอาไว้และควรจัดขึ้นก่อนแล้ว แต่ด้วยเพราะปัจจัยภายนอก สำนักเซียนหลายแห่งจึงเลือกวันที่มารวมตัวกันในพิธีเปิดได้มากขึ้น

และในที่สุด สำนักตู้เซียนจึงตัดสินใจเลื่อนพิธีเปิดเพื่อหลีกเลี่ยงช่วงเวลาสูงสุดของการรับศิษย์

หลี่ฉางโซ่วไม่รู้สึกถึงพิธีเปิดมากนักเพราะเคยเห็นมันมาแล้วครั้งหนึ่ง

ตราบใดที่ยอดเขาหยกน้อยไม่ได้รับศิษย์ ก็จะไม่มีกรรมแปลกๆ ใดๆ เกิดขึ้น เขาเคยเตือนเรื่องนี้กับปรมาจารย์ใหญ่และอาจารย์ของเขาหลายครั้งแล้ว

ว่ากันตามเหตุผลแล้ว ก็ไม่น่าจะมีข้อผิดพลาดใหญ่ใดๆ

ทว่าเพื่อความปลอดภัย เขาก็รู้สึกว่า เขาควรไปที่หอไป่ฝานหลังจากนี้ และขอให้ผู้อาวุโสไม่ต้องกำหนดปริมาณตามสิทธิ์ในการรับศิษย์ของยอดเขาและไม่ต้องแจกจ่ายศิษย์คนใดไปให้ยอดเขาหยกน้อย…

ไม่เช่นนั้น เขาก็ทำได้เพียงไปตกลงกับเจ้าสำนักเท่านั้น

เมื่อส่งเหล่าสหายศิษย์ร่วมสำนักออกไปโดยที่เขาไม่รู้จักแล้ว หลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ติดตามอาจารย์ของเขากลับไปที่ยอดเขาหยกน้อย และเริ่มเข้าสู่การปิดด่านอันยาวนาน

เนื่องจากหลิงเอ๋อร์เข้าปิดด่านเป็นเวลานานมากเกินไป หลี่ฉางโซ่วจึงวิตกกังวลว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในระหว่างการฝึกบำเพ็ญของนาง

ดังนั้นเขาจึงกลับไปที่กระท่อมมุงจาก แล้วหยิบม้วนกระดาษเปล่าออกมาก่อนจะเริ่มเข้าปิดด่านเพื่อวางแผนต่อต้านมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพ

มีสิ่งมีชีวิตมากมายที่เกี่ยวข้องกับมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพซึ่งเป็นมหาภัยพิบัติแห่งสวรรค์และปฐพีมากเกินไป และย่อมไม่อาจเข้าไปดูแล ลงรายละเอียดของทุกสิ่งให้ครอบคลุมทั้งหมดได้อย่างแน่นอน

หลี่ฉางโซ่วสามารถวิเคราะห์ได้ด้วยความคิดจากมุมมองที่แตกต่างกัน โดยพิจารณาจากความปรารถนาของบรรดาผู้ยิ่งใหญ่ที่เป็นแกนหลัก เหล่าจอมปราชญ์ อิทธิพลของศาลสวรรค์และสำนักบำเพ็ญประจิม

เขายังคงคาดเดาถึงสถานะต่างๆ ของเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ที่เป็นแกนหลัก เช่น “หากข้าเป็นองค์เง็กเซียน” “หากข้าเป็นหลันฮวาเฉ่า” “หากข้าเป็นตั้นกงที่หน้าด้าน”…

เขายังเปิดความทรงจำที่เขาปิดผนึกไว้เป็นพิเศษแล้วดูมันอีกครั้ง และครั้งนี้เขาไม่ได้ปิดผนึกมันซ้ำ บัดนี้ เขาได้เปิดไพ่ของเขาแล้ว!

หากเขาถูกกำหนดให้เป็นไท่ไป๋จินซิง เขาก็จะทำให้ไทไป๋จินซิงคนนี้ดูแตกต่างไปจากไท่ไป๋จินซิงที่เขาเคยรู้จัก!

อืม ข้าควรมั่นคงก่อนที่ข้าจะสงสัยเรื่องไท่ไป๋จินซิงต่อไป

ความจริงแล้ว นั่นเป็นการเปิดกระบวนความคิดใหม่

หลี่ฉางโซ่วสรุปสิ่งที่เขารู้ เขาคาดการณ์มหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพได้จากสถานการณ์ในยามนี้ หรือคาดการณ์ย้อนกลับมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพโดยอาศัยสิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสำนักบำเพ็ญประจิมและศาลสวรรค์ จากนั้นก็ค่อยๆ เห็นเบาะแสเงื่อนงำบางอย่างมากขึ้นจากสิ่งที่เคยเป็นเมฆหมอกมาแต่เดิม…

ฉีหยวนมักจะเห็นว่า เมื่อหลี่ฉางโซ่วกลับมาที่กระท่อมมุงจากเพื่อเข้าสู่การปิดด่านแล้ว หลังจากนั้น ก็จะมีแสงจากตะเกียงเวทในกระท่อมมุงจาก ไม่ว่าจะเป็นในยามกลางวันหรือกลางคืน แสงนั้นก็ส่องสว่างทั้งคืนวันไม่มีดับ เดือนปีไม่มีสิ้น

ทว่านอกจากจะกังวลแล้ว ฉีหยวนก็… ช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ

ในยามนั้น ม้วนกระดาษค่อยๆ เต็มไปทั่วกระท่อมมุงจาก หลี่ฉางโซ่วผ่ายผอมลงมาก ทว่าการทำงานหนักก็ได้รับผลตอบแทน และในที่สุดเขาก็สรุปเส้นทางที่มั่นคงที่สุดได้แล้ว!

บนเส้นทางนี้ แน่นอนว่า เขาได้เห็นความโกลาหลวุ่นวายของมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพ เขาเห็นการกระทำต่างๆ ที่สำนักบำเพ็ญประจิมได้ฉวยโอกาสลงมือ และเขายังเห็นบทบาทของศาลสวรรค์อีกด้วย

เขาไม่รู้ว่ามันถูกลิขิตเอาไว้แล้วหรือไม่ แต่กุญแจที่จะช่วยคลายโศกนาฏกรรมของมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพนั้นได้อยู่ข้างๆ หลี่ฉางโซ่วแล้ว

กุญแจนั้นก็คือ องค์หญิงหลงจี๋แห่งศาลสวรรค์

สถานะพิเศษขององค์หญิงหลงจี๋ คุณสมบัติที่โดดเด่น และความหมายเชิงสัญลักษณ์ในมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพ ล้วนแล้วแต่ให้ความสำคัญกับนางอย่างยิ่งยวด

………………………………………………………………..

[1] มองดูสถานการณ์แต่ยังไม่เคลื่อนไหว หรือยังไม่ลงไปร่วมด้วย

[2] เป็นแหล่งซึ่งมีสิ่งมีชิวิตที่มีคุณสมบัติดีหรือให้กำเนิดสิ่งมีชิวิตที่มีคุณสมบัติดีพอที่จะไปเป็นศิษย์ของสำนัก