ตอนที่ 319 ใจดีมาก
ตอนที่ 319 ใจดีมาก
อวี้ชิงลั่วเพียงแค่ยิ้มตอบ ดึงมือเขาขึ้นไปด้านบนโดยไม่สนใจอะไรอีก
จนกระทั่งเข้ามาด้านในห้องพิเศษ หนานหนานจึงกลับคืนสู่สภาพปกติ เริ่มกระโดดขึ้นลงด้านหน้าโต๊ะอีกครั้ง เย่หลานเฉิงและอวี้เป่าเอ๋อร์เห็นเขายังเรี่ยวแรงดี ไม่ได้หิวจากอาหารมื้อเมื่อคืนจนล้มป่วย ก็รู้สึกเบาใจเล็กน้อย
อวี้ชิงลั่วนั่งอยู่ข้าง ๆ อย่างเงียบเชียบ นึกถึงเรื่องที่คนเหล่านั้นพูดคุยกันที่ชั้นล่าง
องค์หญิงของอาณาจักรเทียนอวี่มางั้นรึ?
ลมพายุจะเกิดขึ้นได้ ก็ต้องมีต้นสายปลายเหตุ พวกเขาพูดคุยกันแบบนี้ คาดว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเป็นความจริงแปดถึงเก้าส่วน เพียงแต่เรื่องงานแต่งงานนี้ทำให้รู้สึกประหลาดใจมากจริง ๆ ที่ฮ่องเต้ของอาณาจักรเทียนอวี่ส่งองค์หญิงมาแต่งงานในสถานที่อันห่างไกลขนาดนี้โดยไม่นึกเสียดาย
ในเมื่อเป็นถึงองค์หญิง เช่นนั้นสถานะของผู้ที่จะแต่งงานกับนางย่อมไม่ใช่คนต่ำต้อย คนเหล่านั้นพูดถูก ผู้สมัครในตอนนี้มีแค่เย่ซิวตู๋ ส่วนเย่ฮ่าวหรานและเย่ฮ่าวถิงนั้นคงไม่อาจเป็นไปได้ เพราะภายในใจของเย่ฮ่าวหรานมีจินหลิวหลีอยู่แล้ว เกรงว่าคงไม่เต็มใจที่จะแต่งงาน และเย่ฮ่าวถิงเองก็ยังมีเหมิงกุ้ยเฟยขัดขวางอยู่ จากความเข้าใจของนาง ภายในใจของเหมิงกุ้ยเฟยคงมีตัวเลือกไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ตอนนี้มีองค์หญิงต่างอาณาจักรแทรกแซงเข้ามา ย่อมทำให้แผนการทั้งหมดของนางยุ่งเหยิง เกรงว่าเขาคงใช้เหตุผลว่าเย่ซิวตู๋เป็นพี่ชายและยังไม่แต่งงานเพื่อขัดขวาง แม้ว่าเหตุผลนี้จะถูกนางใช้มาหลายครั้งจนไม่ใช่เหตุผลแปลกใหม่อะไรแล้วก็ตาม
ทว่าเป็นแบบนี้แล้ว ก็สามารถโยนกลองมาหาเย่ซิวตู๋ได้จริง ๆ
อวี้ชิงลั่วนึกถึงเรื่องนี้ก็เกิดความรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก นางแค่นเสียงเย็นพร้อมกับใช้ฝ่ามือทุบลงบนโต๊ะแรง ๆ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ฝันไปเถอะ” เย่ซิวตู๋มีลูกชายแล้ว หากกล้าแต่งงานกับองค์หญิงต่างอาณาจักรมาทารุณหนานหนาน นางจะถลกหนังเขาซะ
ถูกต้อง เย่ซิวตู๋มีลูกชายแล้ว หนานหนานไม่มีทางเห็นด้วย นางจะเป็นกังวลใจไปทำไมกัน
เมื่อคิดถึงจุดนี้ อวี้ชิงลั่วจึงถอนหายใจอย่างช้า ๆ สะบัดความคิดอันยุ่งเหยิงที่ทำให้นางปวดหัวออกไป ก่อนจะเพ่งความสนใจไปด้านนอก
ใครจะไปคิดว่าตอนที่เพิ่งเงยหน้าขึ้น กลับพบสายตาสี่ห้าคู่ตรงหน้ากำลังจ้องมองนางด้วยความตื่นตระหนก
โดยเฉพาะหนานหนาน ดวงตาของเขาเบิกกว้างจนตาโปน พูดด้วยความตกใจว่า “ท่าน…ท่านแม่ วันนี้ข้ายังไม่ได้สร้างปัญหาอะไรเลยนะ”
อวี้ชิงลั่วกลอกตาใส่เขา “ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเจ้า ดูของเจ้าไปเถอะ”
หนานหนานยักไหล่ คิดว่าท่านแม่อยู่ในช่วงวัยทองอีกครั้งแล้ว จึงหันกลับไปและปีนขึ้นขอบหน้าต่างเพื่อมองดู
เพิ่งจะปีนขึ้นมาก็ได้ยินเสียงพูดดังครึกครื้นจากชั้นล่างของโรงเตี๊ยม “มาแล้ว มาแล้ว ราชทูตของอาณาจักรเทียนอวี่มาแล้ว”
หนานหนานได้ยินก็เกิดความดีอกดีใจขึ้นทันใด มองลงไปด้านล่างด้วยสายตาเป็นประกาย
บนถนนที่อยู่ด้านล่างถูกกองทัพคุ้มกันเมืองเปิดทางไว้นานแล้ว ผู้คนยืนเป็นสองแถวสองฝั่งของถนนใหญ่จนแน่นขนัด แต่ละคนดูกระฉับกระเฉงและจริงจัง อาจเป็นเพราะเมื่อวานมีคนไม่ทันได้ระวังจึงถูกคนชนเข้าใส่ขบวนจนสร้างความตกใจให้อุปราชของอาณาจักรจิงเหลย ด้วยเหตุนี้วันนี้พวกเขาจึงระมัดระวังเป็นพิเศษ
อวี้ชิงลั่วนึกถึงเรื่องที่เมื่อวานมีสองแม่ลูกถูกอุปราชของอาณาจักรจิ้งเหลยทำร้ายร่างกาย จู่ ๆ นางก็หันกลับมาถามเหวินเทียนว่า “สองแม่ลูกคู่นั้นเป็นเช่นไรบ้าง?”
“ฟื้นแล้วขอรับ เรื่องนี้คนขององค์ชายเจ็ดรับช่วงต่อแล้ว คาดว่าคงเรียบร้อยแล้ว” ถึงอย่างไรก็เป็นประชาชนของอาณาจักรเฟิงชาง ต่อให้ปกติองค์ชายเหล่านั้นจะไม่สนใจว่าประชาชนเหล่านี้จะเป็นเช่นไร แต่เมื่อถูกอุปราชจากต่างอาณาจักรทำร้ายร่างกาย กลับมิอาจเพิกเฉยได้
อวี้ชิงลั่วพยักหน้าและหันกลับไปอีกครั้ง
จู่ ๆ เสียงที่อยู่ด้านล่างก็เบาลง เสียงโหวกเหวกโวยวายเมื่อครู่หายไปแล้ว แม้ว่ายังมีเสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นเป็นระลอก แต่เสียงเหล่านั้นก็ไม่ได้ดังกระหึ่มมากนัก
อวี้ชิงลั่วทราบดี ขบวนของอาณาจักรเทียนอวี่ได้เข้าเมืองแล้ว และกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้อย่างเนิบช้า
หนานหนานที่เกาะอยู่ข้างหน้าต่างตะโกนขึ้นมา “เสี่ยวเฉิงเฉิง ท่านน้าเป่าเอ๋อร์ พวกเจ้ารีบมานี่สิ รีบมาเร็วเข้า”
แม้ว่าอาณาจักรเทียนอวี่จะเป็นกลุ่มสุดท้ายที่เข้าเมือง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่หนานหนานได้ดูตั้งแต่ต้นจนจบ จึงเกิดความตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด
เย่หลานเฉิงและอวี้เป่าเอ๋อร์รีบวิ่งไปด้านหน้า ศีรษะเล็ก ๆ ของทั้งสามคนเบียดกันอยู่ด้านบนหน้าต่างเล็ก ๆ บานนั้น ช่างน่าขันเสียจริง
“นั่นคือใคร หน้าตาหล่อเหลามากเลย”
“นั่นคงเป็นองค์ชายของอาณาจักรเทียนอวี่กระมัง ข้าได้ยินมาว่าการแข่งขันสี่อาณาจักรใหญ่ในทุกครั้ง คนที่นำขบวนผู้เข้าแข่งขันมาต่างก็เป็นองค์ชายหรือไม่ก็ท่านอ๋องทั้งหมดเลย สถานะสูงศักดิ์ ไม่ยอมน้อยหน้าใคร” เย่หลานเฉิงใช้ชีวิตอยู่ในวังมาสองปี เรื่องบางเรื่องต่อให้ไม่เห็นด้วยตาตัวเอง แต่ก็พอรู้อยู่บ้าง
อวี้เป่าเอ๋อร์ได้ยินก็พยักหน้ารัว ๆ ยังคงมองบุรุษที่อยู่บนรถม้าด้านล่างด้วยความฉงนสงสัย “เขาดูใจดีมากเลย ดูเข้ากับคนอื่นได้ง่ายกว่าคนของอาณาจักรหลิวอวิ๋นและอาณาจักรจิงเหลยเสียอีก”
“ก็ไม่เสมอไปหรอก” หนานหนานที่อยู่ข้าง ๆ ส่ายหน้าราวกับเป็นเช่นนั้นจริง ๆ “ท่านน้าเป่าเอ๋อร์ ท่านต้องเข้าใจด้วยนะ บนโลกใบนี้มีคนหน้าเนื้อใจเสือเยอะมาก ๆ ภายนอกดูเป็นคนดี แต่ความจริงชั่วร้ายมาก ข้าจะบอกอะไรให้นะ ข้าเคยเห็นคนแบบนี้มาไม่น้อย เทียบได้กับท่านแม่ของข้า…”
มือของอวี้ชิงลั่วที่กำลังดื่มน้ำชากระตุกเบา ๆ ก่อนจะกระแทกถ้วยน้ำชาลงบนโต๊ะแรง ๆ
หนานหนานหันหลังให้นาง เขาตอบสนองต่อสิ่งที่ตนเองพูดได้ในทันที รีบแก้ต่างอย่างเป็นธรรมชาติว่า “ข้าหมายถึงว่า ท่านแม่ของข้าไม่เหมือนกับคนแบบนั้น บนโลกใบนี้คนที่ใบหน้าเย็นชาแต่ใจดีที่สุดก็คือท่านแม่ของข้านี่แหละ พวกเจ้าว่าจริงหรือไม่”
เหวินเทียนและโม่เสียนที่ยืนอยู่ด้านหลังแอบเบือนหน้ายิ้มเงียบ ๆ อวี้เป่าเอ๋อร์และเย่หลานเฉิงมุมปากกระตุก ทว่ากลับออกแรงพยักหน้าแสดงออกว่าเห็นด้วยกับคำพูดของหนานหนาน
อวี้ชิงลั่วยิ้มเยาะ ก่อนจะลุกขึ้นยืนและเดินมายืนอยู่ด้านหลังเด็กทั้งสามคน พร้อมกับมองไปยังฉากที่อยู่ด้านล่าง
ขบวนของอาณาจักรเทียนอวี่เคลื่อนเข้ามาอย่างอ้อยอิ่ง ม้านั่นไม่เพียงแต่ก้าวเท้าเดินไปด้านหน้า แต่กลับน่าขบขันมาก
ด้วยเหตุนี้ตอนที่นางเดินมาดู องค์ชายรองที่เป็นผู้นำของอาณาจักรเทียนอวี่ จึงยังมาไม่ถึงประตูใหญ่ของโรงเตี๊ยมที่อยู่ตรงหน้านาง
เย่ซิวตู๋พูดถูก รัชทายาทถูกฮ่องเต้ยึดอำนาจไปแล้ว ตอนนี้ผู้ที่อยู่ข้าง ๆ องค์ชายรองอาณาจักรเทียนอวี่ก็คือท่านอ๋องแปดเย่ฮ่าวหราน ส่วนเย่ฮ่าวถิงอยู่ด้านหลังห่างออกไปเล็กน้อย ดูแลความปลอดภัยของทั้งขบวน
ตอนนี้เย่ฮ่าวหรานกลับยิ้มราวกับลมวสันตฤดู การพูดและการวางตัวก็ดูมีมาดของความเป็นเชื้อราชวงศ์ กำลังพูดคุยกับองค์ชายรองอย่างสนุกสนาน ทั้งคู่ดูราวกับมีเรื่องให้พูดคุยกันมากมาย
องค์ชายรองผู้นั้นกลับเป็นอย่างที่เป่าเอ๋อร์และเด็กอีกสองคนพูดไว้ หล่อเหลาไร้ที่ติ สวมใส่ด้วยเสื้อผ้าเบาบางและเรียบง่ายเป็นเอกลักษณ์ของอาณาจักรเทียนอวี่ ในมือยกแส้ม้าตลอดเวลา ทว่ากลับแขวนไว้ที่ปลายนิ้วมือพลางขยับเล็กน้อย ดูเกียจคร้านอย่างมาก มุมปากของเขามีรอยยิ้มประดับอยู่เสมอ เขาดูถูกชะตากับเย่ฮ่าวหรานอย่างเห็นได้ชัดมาตลอดทาง ราวกับเจอหัวข้อสนทนาร่วมกัน แล้วคุยกันถูกคอมาก
แต่ก็จริง เดิมทีเย่ฮ่าวหรานเป็นคนที่มีสหายกว้างขวางอยู่แล้ว เป็นคนที่แม้เจอหน้ากันครั้งแรกก็รู้สึกเหมือนเป็นสหายเก่า
อวี้ชิงลั่วแอบครุ่นคิดอยู่ภายในใจ ในเวลานี้เย่ฮ่าวหรานและองค์ชายรองได้ควบม้าเคียงบ่าเคียงไหล่มาถึงด้านล่างโรงเตี๊ยมแล้ว ทว่าจู่ ๆ อีกฝ่ายกลับหยุดสนทนากับเย่ฮ่าวหราน แล้วเงยหน้าขึ้นมองราวกับรู้สึกได้ถึงบางสิ่ง สายตาประสานเข้ากับดวงตาสุกสกาวของอวี้ชิงลั่ว มุมปากของเขาพลันยกขึ้น ขณะมองมาที่นางด้วยใบหน้าที่ดูเหมือนยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
……………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เดาว่าอีกหน่อยท่านอ๋องซิวต้องทำไหน้ำส้มแตกเพิ่มแน่ๆ เลยถ้ามารู้ว่าองค์ชายอาณาจักรเทียนอวี่เจอชิงลั่วเข้าแบบนี้ น่าสงสารเขานะคะ ตามเนื้อตัวคลุ้งไปด้วยกลิ่นน้ำส้มหมดแล้ว
ไหหม่า(海馬)