ตอนที่ 507 จากนี้ไปศาลสวรรค์จะรุ่งเรือง! (1)
“จ้าวกงหมิงแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยอยากเข้าร่วมงานเลี้ยงผลท้อเซียน?”
ในหอสมบัติหลิงเซียว องค์เง็กเซียนอยู่ในชุดคลุมสีขาว กำลังนั่งอยู่บนแท่นที่อยู่ด้านหลังโต๊ะหยก เขารู้สึกงุนงงเมื่อได้ยินตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เซียนชราของเทพแห่งท้องทะเลรายงาน
องค์เง็กเซียนแย้มยิ้มและกล่าวว่า “ฉางเกิง เหตุใดเจ้าถึงเชิญเขามา? หรือว่าเจ้าได้เชิญปรมาจารย์เช่นนี้มาเพื่อต้านสำนักบำเพ็ญประจิม?”
ที่ด้านล่างแท่นนั้น หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างจริงจังว่า “ทูลฝ่าบาท ผู้อาวุโสจ้าวกงหมิงชอบหลอก … แค่กๆ เขาชอบเรื่องรื่นเริงและมีมิตรภาพอันดีกับเทพน้อย ครั้งนี้ เขาจึงอยากมาเข้าร่วมงานเลี้ยงผลท้อเซียน …”
“ช้าก่อน ให้ข้าเดา!”
บุรุษหนุ่มในชุดสีขาวบนแท่นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วยิ้มพลางกล่าวว่า “ฉางเกิง เรื่องนี้ เจ้ามีหกเป้าประสงค์เป็นแรงจูงใจใช่หรือไม่?”
หลี่ฉางโซ่วถึงกับพูดไม่ออก
หก หกหรือ?
เขาเดาได้อย่างไร?
“ฝ่าบาททรงพระปรีชานัก!”
องค์เง็กเซียนยิ้มและกล่าวว่า “อย่างแรก เจ้าต้องคำนึงถึงบารมีแห่งศาลสวรรค์
อย่างที่สอง เจ้าต้องการข่มขวัญเผ่ามังกรให้ยอมจำนน
อย่างที่สาม เจ้าต้องการแสดงน้ำใจไมตรีที่ดีต่อสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย
อย่างที่สี่ เจ้าต้องการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างปรมาจารย์แห่งสามสำนักบำเพ็ญเต๋าและศาลสวรรค์
อย่างที่ห้า เพื่อต้านสำนักบำเพ็ญประจิม
อย่างที่หก คือ เพื่อเพิ่มภูมิหลังของสำนักบำเพ็ญเต๋าให้กับงานเลี้ยงผลท้อเซียน!”
บังคับมันต่อไป
เห็นได้ชัดเจนว่า จ้าวกงหมิงอยากมาที่ศาลสวรรค์เพียงเพื่อถามเทพเฒ่าจันทราถึงเรื่องปัญหาความสัมพันธ์ของเขา
เขาใช้เล่ห์เหลี่ยมหลอกให้อาจารย์ลุงจ้าวมาที่ศาลสวรรค์เพราะอยากให้อาจารย์ลุงจ้าวเข้าใจศาลสวรรค์ก่อนล่วงหน้าเพื่อที่เขาจะได้ทำสิ่งต่างๆ ได้สะดวกยิ่งขึ้นในอนาคต…
ทว่าเมื่อหลี่ฉางโซ่วเห็นรอยยิ้มบางบนใบหน้าขององค์เง็กเซียน เขาก็ได้แต่โค้งคำนับให้และกล่าวว่า “ฝ่าบาท เทพน้อยรอมาช้านานแล้ว”
องค์เง็กเซียนผู้อยู่ในชุดขาวส่ายศีรษะและเผยรอยยิ้มพลางเปลี่ยนหัวข้อไปอย่างนุ่มนวล
แน่นอนว่า เขาย่อมสามารถรับเอาเทียบเชิญมาได้มากเท่าที่เขาต้องการ
ทว่าต่อให้หลี่ฉางโซ่วจะพาผู้คนไปที่ศาลสวรรค์ในวันนั้นโดยไร้เทียบเชิญ ก็ย่อมไม่มีแม่ทัพสวรรค์คนใดจะกล้าหยุดเขา และองค์เง็กเซียนก็ยังอาจสรุปได้ด้วยตัวเขาเองว่า เขามีแปดเป้าประสงค์
งานเลี้ยงผลท้อเซียนใกล้เข้ามาแล้ว องค์จักรพรรดิและเสนาบดีทั้งสองคนต่างหารือในรายละเอียดกันมากมายก่อนที่หลี่ฉางโซ่วจะจากไป
ในหอสมบัติหลิงเซียว ขณะนั้น องค์เง็กเซียนทรงประทับยืนขึ้นและเดินไปรอบๆ พร้อมด้วยดวงตาเปล่งประกายสดใสเจิดจ้า
ในตำหนักหยก ผู้นำเซียนสตรีที่งดงามเอนกายพิงเบาะหงส์ใบใหญ่และครุ่นคิดอย่างรอบคอบ นางอยากจะเอ่ยออกมาสักครั้งแต่ก็ยังลังเลราวกับว่านางยังพะว้าพะวังอยู่บ้าง
หลังจากนั้นไม่นาน นางก็เรียกเจ้าหน้าที่สตรีที่ด้านนอกตำหนักและกล่าวว่า “เจ้าไปถามฝ่าบาทว่า ให้ข้าขอยืมตัวขุนนางฉางเกิงได้หรือไม่ ข้าอยากให้เทพแห่งท้องทะเลเทพผู้นี้ มาดูแผนการจัดงานของงานเลี้ยงผลท้อเซียนในสระหยกด้วยตัวเอง”
เจ้าหน้าที่สตรีที่ด้านล่างตอบรับบัญชาอย่างนอบน้อม นางลุกขึ้นยืนโค้งคำนับให้ก่อนจะหันหลังเดินออกจากตำหนักไป
“ช่างน่ารำคาญจริงๆ” เซียนสตรีแค่นเสียง
เดิมทีเซียนสตรีผู้นั้นดูสง่างามและสูงส่งนัก นางอดจะเบะปากแล้วเปิดเผยตัวตนออกมาไม่ได้
ห้าวเทียนตัวเหม็น เขาเอาแต่พูดว่าไม่เป็นไร ไม่เป็นไร แต่จริงๆ แล้ว เขามีใจคับแคบดุจปลายเข็มเท่านั้น!
ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นที่ด้านนอกตำหนักอีกครั้ง เซียนสตรีผู้นั้นรีบปรับอิริยาบถแล้วนั่งตัวตรงทันทีพร้อมกับฟื้นคืนกลิ่นอายลมปราณของนาง นางหรี่ตาและรอให้เจ้าหน้าที่สตรีมารายงานเรื่องเล็กน้อย บางอย่างที่สระหยก
และไม่นานหลังจากนั้น แม่ทัพสวรรค์สองคนก็คุ้มกันเทพธิดาสระหยกไปถึงที่พำนักของเทพแห่งท้องทะเล และเทพธิดาก็รายงานอย่างนุ่มนวล
หลี่ฉางโซ่วรับคำอย่างสงบแล้วบอกว่าเขาจะไปเยี่ยมพระแม่หวังหมู่ที่สระหยกเมื่อเขาไปรายงานองค์เง็กเซียน
เขาไม่มีทางเลือก นี่เป็นขั้นตอนที่จำเป็น
ทว่าในท้ายที่สุดแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ไม่รู้ว่า องค์เง็กเซียนจะคิดอะไรหรือไม่ มันย่อมปลอดภัยกว่าที่จะเตรียมข้อเสนอ…
ดังนั้น เรื่องที่พระแม่หวังหมู่เชิญเขาไปที่สระหยกจึงผ่านหอสมบัติหลิงเซียวถึงสองครั้ง พระแม่หวังหมู่และเทพแห่งท้องทะเลต่างรายงานต่อองค์เง็กเซียนคนละครั้ง นั่นทำให้องค์เง็กเซียนซึ่งตอนนี้ยังภาคภูมิใจอยู่เล็กน้อย จู่ๆ ก็จมอยู่ในห้วงความคิดลึกล้ำทันที
เกิดอันใดขึ้น?
เมื่อเผชิญหน้ากับน้องหญิง คู่บำเพ็ญเต๋าของเขา ขุนนางที่เขาไว้ใจที่สุด ไยต้องสำรวมระมัดระวังตัวกันมากเพียงนี้?
เขาจะไม่พอใจเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ได้อย่างไร
ในฐานะองค์เง็กเซียน จักรพรรดิแห่งสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่ เขาจะไม่พอใจเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ได้อย่างไร? และยิ่งไปกว่านั้น ฉางเกิงคือใคร? แม้เขาจะไปที่สระหยก แต่เขาก็ไม่ทำอะไรหยาบคาย
“หือ?”
จู่ๆ องค์เง็กเซียนก็เลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้รับข้อความจากร่างจำแลงของเขา
“แม่ทัพสวรรค์สองคนในประตูสวรรค์ประจิม กำลังพูดคุยกันถึงเรื่องการแต่งงานของหลงจี๋”
‘เหอะ การปกป้องศาลสวรรค์เป็นเรื่องสำคัญ แต่พวกเขาก็ยังกล้าพูดจาล้อเล่นกัน พวกเขาทุกคนจะถูกหักบุญหกร้อยปี! ‘
เมื่อครู่ข้าคิดอันใดอยู่?
โอ้ ใช่แล้ว ขุนนางฉางเกิงจะไม่ทำหยาบคายอย่างแน่นอน
ในขณะที่หนึ่งในตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วรีบไปที่สระหยก ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์อีกตัวก็หยุดเขียนและกล่าวว่า “หลงจี๋? มีเรื่องใดกวนใจให้พระแม่หวังหมู่ขุ่นเคืองพระทัยหรือไม่?”
ทันใดนั้น หลงจี๋ซึ่งกำลังทำสมาธิอยู่ที่ท้ายเรือ ก็ลืมตาขึ้นทันที นางวิเคราะห์คำถามของเทพแห่งท้องทะเลก่อนจะตอบว่า “โดยปกติแล้ว พระมารดาจะอ่อนโยนยิ่งและค่อนข้างอดทนต่อผู้อื่น เทพแห่งท้องทะเล ท่านจะไปพบพระมารดาหรือ?”
“ใช่ พระแม่หวังหมู่เรียกข้า”
หลี่ฉางโซ่วแผ่สัมผัสเซียนรับรู้ออกไปตรวจสอบแม่น้ำด้านล่าง และมองไปที่ภาพอักขระน้ำสุดท้ายที่กำลังจะเสร็จสมบูรณ์
เขายิ้มและกล่าวว่า “นางบอกว่านางอยากให้ข้าช่วยจัดงานเลี้ยงผลท้อเซียน นางคงอยากให้ข้าช่วยย้ายโต๊ะและเช็ดจาน”
หลงจี๋หัวเราะเบาๆ และผู้อาวุโสหัวมังกรทั้งสามที่ซ่อนตัวอยู่รอบๆ เรือลำเล็กก็หัวเราะออกมาเช่นกัน
แม้เสียงหัวเราะจะน่าฟังมาก ทว่าภาพเหตุการณ์นั้น… ดูแปลกจริงๆ
หลี่ฉางโซ่วมองไปที่หลงจี๋และยืนขึ้นพลางกล่าวอย่างจริงจังว่า “เจ้าเฝ้าดูจากด้านข้างมากว่าสิบปีแล้ว นี่คือแม่น้ำสายใหญ่สายสุดท้าย
ยังมีเวลาอีกสิบเอ็ดวันก่อนงานเลี้ยงผลท้อเซียน มาลองดูสิ ลองทำตามที่ข้าทำมาก่อนหน้านี้และจัดระเบียบอุทกวิทยาของแม่น้ำสายใหญ่ เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะไม่ให้เจ้ามาอย่างเปล่าประโยชน์”
“ให้ข้าทำได้หรือ?”
หลงจี๋ตกตะลึง
“มาสิ” หลี่ฉางโซ่วถือพู่กันเซียนพลางกล่าวว่า “ข้าอยากให้เจ้ารู้สึกมีส่วนร่วมบ้าง”
“ขอบคุณเทพแห่งท้องทะเลที่ชี้แนะข้า!”
หลงจี๋ประสานมือและทำการคารวะเต๋าให้ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความตื่นเต้นขณะที่นางก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
นางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเทพแห่งท้องทะเลกำลังให้นางได้รับบุญส่วนหนึ่งเพื่อที่นางจะได้ฝากชื่อไว้ในบันทึกบุญของศาลสวรรค์?
ในขณะนั้น หลงจี๋กลั้นหายใจและตั้งสมาธิ ทุกครั้งที่นางลงพู่กัน นางจะคิดอย่างรอบคอบ จากนั้น ตัวอักษรเล็กๆ ที่สวยสง่างามก็ได้ปรากฏขึ้นบนผืนผ้า ‘
หลี่ฉางโซ่วยืนอยู่นอกห้องโดยสารและมองขึ้นไปบนท้องฟ้าในระหว่างสวรรค์และปฐพี ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสงบ เขาเพ่งจิตส่วนใหญ่ มุ่งเน้นไปที่ศาลสวรรค์ บัดนี้ ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์มาถึงสระหยกแล้ว สิ่งที่เรียกว่าสระหยกนั้น ได้ก่อตัวขึ้นมาจากภูเขาเซียนสิบหกลูก
ภูเขาเซียนดังกล่าวนั้น สามารถมองเห็นได้ทุกที่ในศาลสวรรค์ ภูเขาเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นที่รกร้าง รอไว้ให้มีจำนวนเทพเซียนในศาลสวรรค์เพิ่มขึ้น ก็จะได้สร้างที่พำนักให้เทพเซียนเหล่านั้น
เมื่อมองสระหยกจากระยะไกล ภูเขาเซียนทั้งสิบหกลูกนั้น ก็ขยับขึ้นลงอย่างต่อเนื่อง และก่อตัวเป็นวงกลมสมบูรณ์ ซึ่งภายในนั้น มีทะเลสาบอมตะที่เป็นแอ่งน้ำหลักของสระหยก
ทะเลสาบอมตะเป็นเหมือนกระจกที่สะท้อนหมู่เมฆสีขาวและท้องฟ้าสีคราม มีเกาะอมตะมากมายลอยอยู่บนนั้น ทิวทัศน์บนเกาะนั้นงดงามซึ่งมีรูปแบบการจัดวางที่แตกต่างกันออกไป มีเพียงตำหนักสองสามหลังที่โอ่อ่าสง่างาม
บนภูเขาอมตะข้างสระหยกนั้น มีอาคารหยกและห้องโถงสีทองที่ไร้ที่สิ้นสุด มีเหล่าผู้คนกำลังก้าวเดินไปทั่วทุกที่และได้ยินเสียงหัวเราะของพวกเขาราวเสียงวิหคนับร้อย
ในห้องโถงและตำหนักห่างไกล เหล่าเทพธิดากำลังเล่นและหัวเราะกัน นั่นน่าจะเป็นสถานที่ที่เหล่าเทพธิดาแห่งสระหยกพักผ่อน
ในห้องโถงใกล้ทะเลสาบ เขาสามารถเห็นกลุ่มเทพธิดานั่งสมาธิ บำเพ็ญเพียรท่ามกลางพลังวิญญาณที่หนาแน่น และบรรยากาศที่ดูเคร่งขรึมมากขึ้น
บรรดาเกาะอมตะส่วนใหญ่ที่อยู่ในทะเลสาบนั้น มีเพียงเสียงดนตรี เสียงวิหค เสียงน้ำไหลริน และมีคนสองสามคนพูดคุยกัน
ในเวลานั้น มีเทพธิดาได้นำทางหลี่ฉางโซ่วตรงไปยังเกาะอมตะที่อยู่ตรงกลาง
เมื่อเข้าไปใกล้ หลี่ฉางโซ่วก็เห็นสถานที่จัดงานเลี้ยงผลท้อเซียน ซึ่งเป็นภูเขาเซียนที่มุมหนึ่งของทะเลสาบ
บัดนี้ มีบัลลังก์ขององค์เง็กเซียนและพระแม่หวังหมู่ และโต๊ะเตี้ยหลายร้อยโต๊ะสำหรับแขกถูกจัดวางไว้แล้ว และมีบรรดาเทพธิดาจำนวนมากบินไปรอบๆ เพื่อแขวนเครื่องประดับตกแต่งที่สวยงาม
ทุกอย่างไม่ได้ถูกจัดวางไว้แล้วหรอกหรือ?
………………………………………………………………..