ตอนที่ 508 จากนี้ไปศาลสวรรค์จะรุ่งเรือง! (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 508 จากนี้ไปศาลสวรรค์จะรุ่งเรือง! (2)

“เทพน้อยขอน้อมพบพระแม่หวังหมู่!”

“ขุนนางฉางเกิง” พระแม่หวังหมู่ตรัสช้าๆ “ข้าได้ยินมาว่าฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้เจ้าสยบมังกรในงานเลี้ยงผลท้อเซียนนี้ วันนี้ ข้าเชิญเจ้ามาเพื่อให้ดูการจัดเตรียมงานของพวกเขา และให้ขึ้นอยู่กับเจ้าเป็นผู้ออกคำสั่ง”

“น้อมรับบัญชากระหม่อม” หลี่ฉางโซ่วโค้งคำนับและกำลังจะจากไป ทว่าพระแม่หวังหมู่ก็กล่าวต่อ

พระแม่หวังหมู่ตรัสว่า “ข้าอาศัยอยู่ในสระหยกมาช้านาน และเอาแต่ยุ่งอยู่กับการบำเพ็ญเพียร ข้าตำหนิตัวเองอยู่บ่อยๆ ที่ไม่อาจแบ่งเบาภาระส่วนพระองค์และช่วยเหลือพระองค์ได้

โชคดีที่มีฉางเกิง เจ้าเข้ามาช่วยงาน ในศาลสวรรค์ ขณะนี้ เรื่องต่างๆ ของศาลสวรรค์กำลังค่อยๆ คืบหน้ามาถูกทางแล้ว ที่ศาลสวรรค์เป็นเช่นในยามนี้ได้ ขุนนางฉางเกิง เจ้ามีส่วนสนับสนุนสำคัญที่ขาดไม่ได้”

“เทพน้อยไม่กล้าถือเอาเป็นความชอบ” หลี่ฉางโซ่วรีบกล่าวว่า “ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะการควบคุมดูแลที่ดีของฝ่าบาท พระองค์ทรงพระปรีชาสามารถ ทรงมีความมุ่งมั่นอันแรงกล้า พระวิริยะอุตสาหะ และทรงมีพระเมตตาต่อสรรพชีวิตในสามอาณาจักร ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมยกย่องยิ่งนัก เทพน้อยซาบซึ้งใจจริงๆ”

พระแม่หวังหมู่อดจะหัวเราะเบาๆ ออกมาไม่ได้ เสียงหัวเราะของนางเหมือนเสียงหัวเราะที่เบิกบานสำราญใจซึ่งน่าประทับใจนัก

ใช่แล้ว ได้ยินเสียงของโครงกระดูกเหล็กเสียดสีกับกระดูก

“ข้าจะส่งคนไปมอบรางวัลให้ยังที่พำนักของเจ้าทีหลัง ห้ามปฏิเสธเป็นเด็ดขาด

ฉางเกิง ข้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกนี้ชัดเจนมากนัก ข้ายังมีข้อกังขาบางประการ ขอเจ้าช่วยไขข้อข้องใจให้สักข้อสองข้อได้หรือไม่?”

“ขอองค์ราชินีโปรดรับสั่งถามมาเถิด” หลี่ฉางโซ่วประสานมือคารวะพลางก้มศีรษะลงและกล่าวว่า “เทพน้อยจะพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนจะถวายคำชี้แจงให้อย่างแน่นอน กระหม่อม”

“ข้าได้ยินมาว่า สำนักบำเพ็ญประจิมเป็นฝ่ายเริ่มวางแผนร้ายต่อเผ่ามังกรก่อน ทว่าเจ้าได้ส่งบันทึกเสนอแนะเพื่อชี้แจงข้อดีข้อเสียของเรื่องนี้มาถึงฝ่าบาท

จากนั้นพระองค์จึงทรงประทานพระราชานุญาติให้เจ้าช่วยนำเผ่ามังกรขึ้นสู่ศาลสวรรค์ และในช่วงเวลาสั้นๆ เช่นนี้ ก็ดูเหมือนว่า สำนักบำเพ็ญประจิมจะพ่ายแพ้… แล้วเจ้าทำได้อย่างไรหรือ ฉางเกิง?”

ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วก็คิดว่าจะต้องเริ่มจากตอนที่จินฉานจื่อให้คำสาบานในวิหารเทพทะเล

“องค์ราชินี ยังไม่ทรงรู้” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและพูดว่า “สำนักบำเพ็ญประจิมเป็นหนึ่งในสำนักหลักไม่กี่สำนักมีชื่อเสียงที่สุดในใต้หล้านี้ นอกจากนี้ ยังมีปรมาจารย์จอมปราชญ์อยู่สองคนที่ต้องการยึดครองเผ่ามังกร

คนหนึ่งต้องการเปลี่ยนเผ่ามังกรให้กลายเป็นใบมีดคมกริบในมือที่พวกเขาสามารถใช้ได้ และอีกคนก็ต้องการทำเช่นนั้นเพราะเขามองเห็นพลังสะสมของ เผ่ามังกรที่สะสมมาเป็นเวลานานนับไม่ถ้วน”

เขากล่าวต่อว่า “หากสำนักบำเพ็ญประจิมได้รับความมั่งคั่งของมังกร สำนักบำเพ็ญประจิมย่อมจะมีรากฐานรุ่งเรืองขึ้นอย่างมาก เต็มไปด้วยทรัพยากรมั่งคั่งมากขึ้น เหล่าสำนักใหญ่ดูถูกเผ่ามังกรและต้องการให้เผ่ามังกรภักดีต่อพวกเขา

ทว่าพวกเขาก็ไม่อยากให้ผลประโยชน์ใดๆ กับเผ่ามังกร ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจใช้วิธีการที่จะโหดร้ายไร้ความปรานีและส่งสัตว์ร้ายต่างๆ มา เป็นผลให้เผ่ามังกรต้องทนทุกข์ที่เกิดดารบาดเจ็บล้มตายไปเป็นจำนวนมากและต้องเจ็บปวดมหาศาลนัก”

“ศาลสวรรค์ของเรา ยอมรับเผ่ามังกรเพื่อเผยพลังละความยิ่งใหญ่ที่ชอบธรรมแห่งสวรรค์ สร้างพลังอำนาจ และเพิ่มพลังแข็งแกร่งของศาลสวรรค์ เราจะนำประโยชน์มากมายมาให้เผ่ามังกรและแก้ไขกรรมร้ายของพวกเขาเอง

ตราบใดที่เราเข้าใจสถานการณ์ทั่วไป ก็ไม่จำเป็นต้องวางแผนมากเกินไป และเผ่ามังกรย่อมจะจงรักภักดีต่อเราด้วยใจเองอย่างแน่นอน”

พระแม่หวังหมู่พยักหน้าช้าๆ และยิ้มพลางกล่าวว่า “แม้เจ้าจะพูดให้ฟังดูง่าย แต่ข้าก็เกรงว่าจะยากที่ผู้อื่นจะรู้ถึงความยากลำบาก

ทว่าสำนักบำเพ็ญประจิมจะเต็มใจยอมรับได้อย่างไรกัน? สำนักบำเพ็ญประจิมจะวางแผนร้ายในงานเลี้ยงผลท้อเซียนครั้งนี้หรือไม่?”

“กระหม่อม” หลี่ฉางโซ่วกล่าว “ตามที่เทพน้อยคาดเดา เกรงว่าจะมีศิษย์ของสำนักบำเพ็ญประจิมบางคนมาที่นี่โดยไม่ได้รับเชิญหลังจากนี้ แต่เทพน้อยได้ทูลเตือนฝ่าบาทในเรื่องนี้ไปแล้ว ซึ่งพระองค์ก็ทรงเตรียมวิธีรับมือและจัดการเรื่องนี้ไว้แล้วเช่นกัน”

“ดี” พระแม่หวังหมู่พยักหน้าช้าๆ และตรัสว่า “ในเมื่อฝ่าบาททรงเตรียมพร้อมแล้ว เช่นนั้น ข้าก็วางใจได้”

หลังจากนั้น พระแม่หวังหมู่ก็มิได้ตรัสถามถึงเรื่องนั้นอีก และถามคำถามที่ไม่เกี่ยวข้องกับหลี่ฉางโซ่วอีกสองสามข้อ

ตัวอย่างเช่น นางเอ่ยถามหลี่ฉางโซ่วว่า มีคู่บำเพ็ญเต๋าอยู่แล้วหรือไม่ หรือว่า หลี่ฉางโซ่วมีความคิดเห็นใดเกี่ยวกับกฎแห่งสวรรค์ต่างๆ ในเวลานี้หรือไม่

หลี่ฉางโซ่วตอบและจัดการกับมันอย่างระมัดระวัง ตั้งแต่ต้นเขาไม่ได้ทำผิดพลาดใดๆ และไม่คิดที่จะเงยหน้าขึ้นมองพระแม่หวังหมู่แม้แต่เพียงครึ่งตาเลย

เมื่อหลี่ฉางโซ่วออกจากตำหนักของพระแม่หวังหมู่ เขาก็มุ่งหน้าไปยังสถานที่จัดงานเลี้ยงผลท้อเซียนเพื่อสั่งงานที่เกี่ยวข้อง ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วมองไปยังร่างงดงามซึ่งมีความงามหลากหลายรูปแบบอยู่กันเป็นกลุ่มๆ และอดไม่ได้ที่จะ…

ครอบศีรษะของเขาด้วยที่เปลือกเหล็กหนาหลายๆ ชั้น

ฟ่อ…

ภาพวาดล่าสุดนี้แข็งแกร่งอย่างยิ่งจริงๆ!

เพียงในพริบตา เวลาก็ผ่านไปสิบวันแล้ว หลี่ฉางโซ่วยุ่งมากในขณะที่เขาวิ่งวุ่นไปมาเพื่อจัดการสามพื้นที่พร้อมๆ กัน

ครึ่งวันก่อนที่งานเลี้ยงผลท้อเซียนจะเริ่ม ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วก็ปรากฏขึ้นในวังมังกรทะเลบูรพา

จากนั้นเขาก็ไปที่ประตูสวรรค์พร้อมกับราชามังกรทะเลบูรพา องค์รัชทายาทแห่งวังมังกรทะเลบูรพา สตรีมังกรสองคน และเหล่าผู้อาวุโสและแม่ทัพอีกกว่าสิบคน

เมื่อทะยานไปในสายลม หลี่ฉางโซ่วก็ได้เตือนเหล่าผู้ยิ่งใหญ่แห่งเผ่าพันธุ์มังกรซ้ำๆ ถึงรายละเอียดบางอย่าง

ในครั้งนี้ เผ่ามังกรยังรู้ว่าพวกเขากำลังจะไปศาลสวรรค์เพื่อยอมสวามิภักดิ์ ซึ่งราชามังกรทะเลบูรพาก็ยังเปลี่ยนเสื้อคลุมสีทองอีกด้วย

เพียงเมื่อพวกเขาเพิ่งมาถึงประตูสวรรค์กลาง ก็มีมังกรครามมากกว่าสิบตัวโผนทะยานผ่านเมฆหมอกมาจากทิศตะวันตก ทิศใต้ และทิศเหนือ พวกมันบินมาจากโลกบรรพกาลและร่อนลงมาหยุดตรงที่หน้าประตูสวรรค์กลางก่อนจะกลายร่างเป็นร่างมนุษย์

ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วชำเลืองมองไปยังราชามังกรทะเลประจิม เหล่าผู้อาวุโสและแม่ทัพของเผ่ามังกรที่มีสีหน้าท่าทางแปลกๆ อยู่เบื้องหลังราชามังกรทะเลประจิม และเผยรอยยิ้มจริงใจออกมา

แน่นอนว่า เวลาจัดงานเลี้ยงผลท้อเซียนและการเชื้อเชิญเผ่ามังกรให้มาเข้าร่วมงานนั้น ย่อมไม่อาจปิดบังสำนักบำเพ็ญประจิมได้ ซึ่งพอสรุปเรื่องนี้ได้หลังจากทำการหยั่งรู้บางอย่าง

ทว่าหลี่ฉางโซ่วก็ยังคงรักษารายละเอียดการดำเนินงานมาตลอดกว่าสิบปีที่ผ่านมา ประการแรก เขาออกจากวังมังกรทะเลประจิมโดยปล่อยคลื่นข่าวเท็จออกมาอย่างต่อเนื่อง

จนกระทั่งเพียงเมื่อวานนี้เองที่ราชามังกรทะเลบูรพาได้ส่งสารถึงราชามังกรทะเลประจิมเพื่อขอให้เขาเลือกกลุ่มคนที่เขาไว้ใจมากที่สุดออกมา แล้วมาพบกับเขาที่นี่วันนี้ ในเวลานี้

ต้องมีพวกเด็กสองห้า[1]เป็นจำนวนมากในกลุ่มทะเลประจิม หากพวกเขาสร้างปัญหาในงานเลี้ยงผลท้อเซียน หลี่ฉางโซ่วก็เปิดใช้งานแผนสำรองได้

นี่เป็นแผนเปิดสำหรับศาลสวรรค์อยู่แล้วที่จะรับเผ่ามังกรในระหว่างงานเลี้ยงผลท้อเซียน

ไม่ว่า วังมังกรทะเลประจิมจะถูกสำนักบำเพ็ญประจิมควบคุมหรือไม่ พวกเขาก็ต้องยอมจำนนต่อศาลสวรรค์ในนาม

นั่นเป็นความคิดทั่วไป

“ทุกท่าน” หลี่ฉางโซ่วผายมือขวาออกไปแล้วกล่าวว่า “เชิญ”

ราชามังกรทั้งสี่คาบสมุทรขี่เมฆบินอยู่ที่ด้านหน้าในขณะที่หลี่ฉางโซ่วติดตามอยู่ข้างๆ พวกเขา

บรรดาแม่ทัพ องค์ชายมังกร และผู้อาวุโสเผ่ามังกรต่างติดตามมาข้างหลัง พวกเขาส่วนใหญ่เต็มไปด้วยความคาดหวังและความกระตือรือร้น ในขณะที่อีกครึ่งเล็กๆ นั้น… ดูมีอาการท้องไส้ปั่นป่วน[2]

ที่ประตูสวรรค์กลางนั้น มีกองทหารชั้นยอดแห่งศาลสวรรค์จำนวนหกหมื่นนายกำลังรออยู่โดยมีเหล่าแม่ทัพเซียนจินทั้งเก้าแห่งศาลสวรรค์ยืนอยู่เงียบๆ

ในเวลาเดียวกัน ในวิหารเทพทะเลแห่งทะเลทักษิณ หลี่ฉางโซ่วได้ปลุกจ้าวกงหมิงที่เมามายตั้งแต่เมื่อสองสามวันก่อนในขณะที่อ๋าวอี่ ซึ่งรอมานานรีบโค้งคำนับให้

หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “งานเลี้ยงผลท้อเซียนแห่งศาลสวรรค์กำลังจะเริ่มขึ้น ร่างจำแลงของข้ารออยู่ที่ประตูสวรรค์กลาง พี่ชาย ท่านและอ๋าวอี่จะไปศาลสวรรค์ด้วยกัน พวกเราจะพบกันที่ประตูสวรรค์กลาง”

“ได้!”

จ้าวกงหมิงหาวและถามว่า “แล้วข้าควรเอาของขวัญไปให้เทพเฒ่าจันทราหรือไม่?”

ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วได้หยิบไหสุราเซียนออกมาจากแขนเสื้อของเขาพลางแย้มยิ้มและกล่าวว่า “ข้าเตรียมเอาไว้ให้แล้ว นี่คือ สุราผลไม้ที่โปรดปรานของเทพเฒ่าจันทรา มันไม่ได้สูงค่าอะไรนัก แต่ก็ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพ”

“ดี” จ้าวกงหมิงลูบเคราของเขาและหัวเราะ จากนั้น เขาก็พาอ๋าวอี่ ขี่เมฆออกไป

บนเรือลำเล็กที่มุมทางตะวันตกเฉียงเหนือของดินแดนเทวะทักษิณ หลงจี๋ปาดเหงื่อออกจากหน้าผากของนางและยืนขึ้น

นางมองดูภาพวาดน้ำตรงหน้าและตระหนักว่า เทพแห่งท้องทะเล ได้ทำอะไรมากมายเพียงใดในช่วงสิบสองปีที่ผ่านมา

หากเป็นนาง ก็เกรงว่า บางที คงยากที่จะทำให้สำเร็จได้ภายในหนึ่งร้อยปี

“ดี” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและหยิบถุงเก็บสมบัติสองใบออกมาจากแขนเสื้อของเขา

เขามอบสิ่งเหล่านี้ให้หลงจี๋และกล่าวว่า “เวลานี้ ร่างจำแลงอีกร่างหนึ่งของข้า กำลังรออยู่ที่ประตูสวรรค์กลาง นำแผนภาพอุทกวิทยาเหล่านี้มาพบข้า”

ในขณะนั้นเหล่าผู้อาวุโสโบราณแห่งเผ่ามังกรทั้งสามก็ปรากฏตัวขึ้น

หลงจี๋รีบถามว่า “เทพแห่งท้องทะเล ท่านจะไม่กลับไปกับข้าหรือ”

“ใช่” หลี่ฉางโซ่วพยักหน้า “เมื่อร่างจำแลงพบกับร่างจำแลง พวกเขาก็ยังจะมีผมขาว หนวดขาว ใบหน้าชราเหมือนเดิม ข้าเองไม่คิดมาก เพียงกลัวว่าบรรดาทหารแห่งศาลสวรรค์ที่เฝ้าอยู่ที่นั่นจะปั่นป่วน”

หลงจี๋อดจะหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่ได้ นางกอดถุงเก็บสมบัติของแผนภาพอุทกวิทยาที่หลี่ฉางโซ่วใช้เวลากว่าสิบสองปีเพื่อวาดมันออกมาอย่างพากเพียร แล้วขี่เมฆไปที่ประตูสวรรค์กลาง

หลี่ฉางโซ่วฉวยประโยชน์จากสถานการณ์นี้ จัดการเครื่องมือเวทของเรือไม้

“เฮ้อ…” ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่ว ยืนอยู่บนเรือไม้และฟังเสียงคลื่นของแม่น้ำด้านล่าง

เขาสัมผัสได้ถึงวิญญาณแห่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์ในระหว่างสวรรค์และปฐพีนี้ ทว่าไม่ได้รู้สึกอะไรเลย

เมื่อเปิดม่านออก[3] ก็จะไม่มีการหันหลังกลับอีก

โลกนี้…

“หือ?”

หลี่ฉางโซ่วอดจะหยุดถอนหายใจไม่ได้ ในขณะนั้น จู่ๆ ร่างหลักของเขา ซึ่งนั่งอยู่ในกระท่อมมุงจากริมทะเลสาบแห่งยอดเขาหยกน้อย พลันหันไปมองประตูกระท่อมหลังถัดไป

เจ้ากำลังจะตื่นหรือ? ช่างรู้วิธีเลือกเวลาจริงๆ

………………………………………………………………..

[1] พวกสายลับ คนทรยศ

[2] กลัว เป็นกังวล ไม่สบายใจ

[3] เมื่อเริ่มต้นเคลื่อนไหว หรือเริ่มลงมือกระทำการในเหตุการณ์สำคัญๆ