ตอนที่ 509 ชีวิตเซียนเป็นเพียงการแสดง (1)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 509 ชีวิตเซียนเป็นเพียงการแสดง (1)

‘อ๋าวอี่ เจ้าสารเลวนั่นมางานเลี้ยงผลท้อเซียนในวันนี้ด้วย ดูทีสิว่า ข้า…’

ที่ด้านหน้าของหอสมบัติหลิงเซียว รองผู้บัญชาการแห่งกองทัพเรือเทียนเหอ ซึ่งสวมชุดเกราะสีเงินแวววาว กำลังแอบกัดฟัน

สิบสองครั้ง!

สิบสองครั้งเต็มๆ เท้า[1]!

ในช่วงเวลาตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาเที่ยวล่องไปในวังมังกรทะเลบูรพา ทะเลทักษิณ และทะเลอุดร และเมามายถึงสิบสองครั้ง

ทุกครั้งที่เขาตื่นนอนขึ้นมา เขาจะนอนอยู่บนเตียงใหญ่ และสิ่งที่เขาเห็นในแต่ละครั้งก็คือ บางอย่าง… บางอย่าง…สิ่งมีชีวิตบางอย่างที่แปลกประหลาดจนสุดจะพรรณนาได้!

แรกๆ ก็ยังไม่เป็นไร พวกเขาเป็นเพียงหญิงชราแห่งเผ่าทะเลที่แต่งหน้าหนา ในเวลาต่อมา อ๋าวอี่ผู้ซุกซน ก็ดูเหมือนว่า จะพัฒนาความคิดใหม่ๆ ขึ้นมาและรวบรวมสิ่งต่างๆ ทุกประเภท …

ผู้ใดเคยเห็นสาวทะเลที่มีหัวปลาหมึกและรูปร่างน่าหลงใหลบ้าง?

ผู้ใดเคยได้เห็น บุรุษร่างโปร่งเพรียวแผ่นหลังงามสง่าหาที่เปรียบมิได้ แต่เมื่อหันศีรษะกลับมา ก็กลับกลายเป็นบุรุษร่างกำยำหยาบกระด้างผู้มีใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราบ้าง!?!

เปี้ยนจวงตัวสั่นเทาสองสามครั้ง ภาพเหตุการณ์นั้น มันทนมองย้อนกลับไปไม่ได้จริงๆ จากนั้นเขาก็กัดฟันและก่นด่าสาปแช่งในใจ

แต่ถึงกระนั้น เขาก็ได้รับคำสั่งให้ยืนหยัด รับใช้เหล่ามังกรในฐานะคนคุ้นเคยจากวังมังกร

เขาจึงไม่อาจโจมตีได้ และทำได้เพียงแย้มยิ้มและหวังว่าจะได้รับคำชื่นชมจากเทพแห่งท้องทะเล

เหตุใดอ๋าวอี่ถึงจงใจจะต่อต้านข้า? เปี้ยนจวงคิดในใจ

ทันใดนั้น ก็มีเสียงกลองลั่นดังสนั่นปานฟ้าผ่า ดังขึ้นมาจากประตูสวรรค์กลาง ในขณะที่เมฆสีขาวหลายก้อนที่ปกคลุมด้วยแสงสีทองก็บินพุ่งมาพร้อมกับพวกเผ่ามังกร

ทหารสวรรค์ที่อยู่ด้านหน้าล้วนเปิดทางให้ และเหล่าแม่ทัพสวรรค์ก็ล้อมรอบพวกเขา

ในขณะนั้น หอสมบัติหลิงเซียวเปล่งส่องแสงสีทองอร่าม คลื่นพลังเต๋าสวรรค์ที่เจิดจ้าก็ทำให้หอสมบัติยิ่งดูโอ่อ่าสง่างามมากขึ้น

เปี้ยนจวงและแม่ทัพสวรรค์ทั้งสิบห้าที่อยู่รอบตัวเขา เชิดหน้าขึ้นพร้อมกัน และเมื่อเหล่าปรมาจารย์เผ่ามังกรเข้ามาใกล้ พวกเขาก็กระจายตัวออกไปทางด้านซ้ายและขวา ในขณะนั้น พวกเขาทั้งหมดล้วนเผยรอยยิ้มที่อ่อนโยนออกมาตามคำสั่งของเทพแห่งท้องทะเล

ในหอสมบัติหลิงเซียว องค์เง็กเซียน นั่งตัวตรงอยู่บนแท่นพร้อมด้วยรอยยิ้มบางบนริมฝีปาก

มีแม่ทัพตงมู่ บรรดาเจ้าหน้าที่และแม่ทัพหลายสิบคนต่างยืนขนาบข้าง

บรรดาเจ้าหน้าที่เหล่านั้น เป็นเทพผู้ชอบธรรมของศาลสวรรค์เช่นกัน พวกเขาเกือบทั้งหมดล้วนเป็น “ปรมาจารย์” ที่ศาลสวรรค์สร้างขึ้นมา พวกเขาส่วนใหญ่มาจากเผ่ามนุษย์โบราณ ซึ่งมีมากกว่าสิบคนที่มีความสามารถ เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ติดตามเหล่าองค์จักรพรรดิ

เมื่อเผ่ามังกรมาถึงหน้าหอ แม่ทัพตงมู่ก็ออกไปต้อนรับพวกเขาในนามขององค์เง็กเซียน ในขณะนั้น องค์เง็กเซียนได้เดินลงบันไดหยกมาครึ่งขั้นและแผ่พลังสวรรค์ที่ทรงพลังแกร่งกล้าออกมา

ราชามังกรทั้งสี่คาบสมุทรต่างก็มองหน้ากันและเดินเข้าไปด้วยกัน พวกเขาก้าวไปที่ใจกลางของ หอสมบัติหลิงเซียว และโค้งคำนับให้

จากนั้น ราชามังกรทะเลบูรพาก็ก้าวออกไปข้างหน้า เสื้อคลุมของเขาเปล่งแสงบางเบา และแขนเสื้อที่กว้าง เกือบจะแตะพื้นก็พลิ้วสะบัดไปมาเล็กน้อย

และแทบจะในเวลาเดียวกัน ราชามังกรทะเลบูรพา องค์เง็กเซียน แม่ทัพตงมู่ และเหล่าเทพเซียนแห่งศาลสวรรค์ พวกเขาทั้งหมดไม่มากก็น้อย ล้วนคิดถึงเรื่องนี้…

ทันใดนั้น เสียงของหลี่ฉางโซ่วก็ดังขึ้น นอกจากวังมังกรทะเลประจิมแล้ว มีร่างใดบ้างในที่นั้นที่ไม่ได้รับการชี้แนะจากหลี่ฉางโซ่วมากกว่าสามครั้ง?

ในขณะนั้น แม้หลี่ฉางโซ่วจะยังไม่ปรากฏกายออกมา แต่เขาก็อยั่วทุกที่

ราชามังกรทะเลบูรพา หยิบเทียบเชิญสีทองออกมาและกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกอย่างไม่เร่งรีบว่า “วันนี้เผ่ามังกรได้รับเชิญจากศาลสวรรค์ให้เข้าร่วมงานเลี้ยงผลท้อเซียน พวกเราจึงอยากจะขอน้อมพบองค์เง็กเซียนเพื่อขอบพระทัยที่ทรงห่วงใย เผ่าพันธุ์ของเราเกิดในยุคปฐมโกลาหล ครั้งหนึ่ง พวกเราเพิกเฉยต่อความเป็นความตายของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดและแบกรับกรรมร้ายของโลกยุคแรก

โชคดีที่องค์เง็กเซียนไม่ยอมแพ้ และโชคดีที่เทพแห่งท้องทะเลได้ช่วยเหลือพวกเรา ทำให้เผ่าพันธุ์ของเราได้หลุดพ้นจากบ่วงกรรมร้าย เผ่าพันธุ์ของเราทั้งหมด ล้วนรู้สึกขอบคุณองค์เง็กเซียน วันนี้ พวกเราจึงมาขอบพระทัยองค์เง็กเซียนโดยเฉพาะ!”

หลังจากกล่าวเช่นนั้นแล้ว เทียบเชิญสีทองก็กลายเป็นลำแสงสีทองแล้วพุ่งกลับไปที่หอสมบัติหลิงเซียว

องค์เง็กเซียนพยักหน้าเบาๆ พลางถอนหายใจ และกล่าวว่า “เผ่าพันธุ์มังกรมาจากสมัยโบราณ พวกเขามีความผูกพันกับข้า แม้พวกเขาจะเคยทำผิดพลาดในการทำลายโลกบรรพกาลมาก่อนหน้านี้ แต่พวกเขาก็ปกป้องดวงตาแห่งทะเลทั้งสี่คาบสมุทร และปกป้องสิ่งมีชีวิตของโลกมาเป็นเวลานานแล้ว

จึงย่อมสมควรแล้วที่พวกเขาได้รับการยกย่อง วันนี้ไม่มีเรื่องสำคัญใด ข้าเพียงอยากเชิญราชามังกรทั้งสี่มาสนทนากันที่ศาลสวรรค์ ที่สระหยกพร้อมแล้วหรือไม่?”

แม่ทัพตงมู่กล่าวว่า “สระหยกพร้อมแล้ว ฝ่าบาท”

“เช่นนั้นก็อย่ารอขุนนางฉางเกิงเลย” องค์เง็กเซียนกล่าวพลางยิ้ม “เสนาบดีของข้า จงพาข้าและเหล่าผู้กล้าแห่งเผ่ามังกรไปงานเลี้ยงที่สระหยกได้แล้ว”

บรรดาเซียนแห่งศาลสวรรค์ล้วนโค้งคำนับ ขอบคุณเขาอย่างพร้อมเพรียงกัน

สถานการณ์นี้รวมไปถึงการสนทนาระหว่างทั้งสองฝ่ายได้รับการกลั่นกรองจากเสนาบดีธรรมดาผู้หนึ่ง

โดยเฉพาะคำพูดขององค์เง็กเซียน หากองค์เง็กเซียนกล่าวว่า เผ่ามังกรจะได้รับการละเว้นกรรม และเต๋าสวรรค์อาจยกเว้นเผ่ามังกรจากกรรม เช่นนั้น ความพยายามทั้งหมดของเขาก่อนหน้านี้ย่อมจะสูญเปล่า

ในขณะนั้นเอง องค์เง็กเซียนก็เดินมาหาและเชิญราชามังกรทะเลบูรพาออกไปจากหอด้วยพระองค์เอง

พวกเขาร่วมกันขึ้นรถม้าศักดิ์สิทธิ์เก้ามังกรขององค์เง็กเซียน และมุ่งหน้าไปยังสระหยกพร้อมกับเหล่าเซียนแห่งศาลสวรรค์ เหล่ามังกรเกือบร้อยตัว ทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์นับหมื่น

บนรถม้าศักดิ์สิทธิ์นั้น ราชามังกรทะเลบูรพานั่งอยู่ตรงข้ามกับองค์เง็กเซียน ในขณะนั้น เขากำลังส่งข้อความเสียงออกไป

“องค์เง็กเซียน โปรดวางพระทัย มังกรน้อยเช่นข้ารู้ดีว่าควรทำอย่างไร เทพแห่งท้องทะเลได้อธิบายทุกอย่างเอาไว้แล้วางไร”

บัดนั้น องค์เง็กเซียนยิ้มและกล่าวว่า “ราชามังกร เจ้ามาจากสมัยโบราณเช่นกัน อย่าเรียกตัวเองด้วยถ้อยคำที่ด้อยกว่าเช่นนี้ต่อหน้าผู้อื่นเลย”

“ขอบพระทัยฝ่าบาท” ราชามังกรทะเลบูรพายืนขึ้นและโค้งคำนับให้ก่อนจะนั่งลงตามคำสั่งขององค์เง็กเซียน

เมื่อบรรดาลูกหลานของเผ่ามังกรได้เห็นภาพเหตุการณ์นี้ พวกเขาก็รู้สึกราวกับว่าขวดเครื่องเทศเครื่องปรุงได้พลิกคว่ำลงในใจ[2]ของพวกเขา ความรู้สึกนั้นซับซ้อนอย่างยิ่ง

นี่ใช่ผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรในยามนี้ที่ชอบนอนบนบัลลังก์และเพลิดเพลินไปกับการนวดที่อ่อนโยนของเหล่าสาวทะเลหรือไม่?

จริงๆ แล้ว เผ่ามังกรกำลังจะ…

แม้ทุกคนจะรู้ว่าการที่เผ่ามังกรภักดีต่อศาลสวรรค์นั้น จะเป็นประโยชน์และไร้อันตราย แต่เมื่อถึงเวลาจริงๆ พวกเขาก็ยังอดจะต่อต้านเรื่องนี้ไม่ได้

เมื่อรถม้าขององค์เง็กเซียนมาถึงใกล้สระหยก ทันใดนั้น ก็มีเซียนสตรีบินออกมาจากสระหยกเป็นแถว พวกนางครึ่งหนึ่งถือกระเช้าดอกไม้และโคมไฟของวัง เรียงแถวกันมาแยกซ้ายและขวา

และพวกนางอีกครึ่งหนึ่งก็กำลังบรรเลงดนตรีและร่ายรำอยู่บนก้อนเมฆ แขนเสื้อยาวของพวกนางพลิ้วไหวดุจเมฆเคลื่อนคล้อย

“ราชามังกร เชิญ”

“เชิญเสด็จ ฝ่าบาท”

องค์เง็กเซียนพยักหน้าพลางยิ้มและก้าวออกจากรถม้าในขณะที่ราชามังกรทะเลบูรพาก้าวเดินตามหลังองค์เง็กเซียนอย่างเป็นธรรมชาติ

ในตอนนี้ ร่างสง่าผ่าเผยแต่เดิมของราชามังกร ค้อมกายลงเล็กน้อย จากนั้น เหล่าเซียนนับร้อยและมังกรนับร้อย ต่างติดตามหลังเข้าไปในสระหยกด้วยกัน

องค์ราชินีหวังหมู่ทรงนำเซียนสตรีสองสามคนจากสระหยกมาและประทับยืนอย่างสงบอยู่บนท้องฟ้าเหนือเกาะอมตะซึ่งเป็นที่จัดงานเลี้ยงผลท้อเซียน นางดูสูงส่งและสง่างามอย่างเป็นธรรมชาติ

ครั้นเมื่อองค์เง็กเซียนทรงดำเนินไปข้างหน้า พระแม่หวังหมู่ก็ทรงค้อมศีรษะให้เล็กน้อย องค์เง็กเซียนแย้มยิ้มและคำนับกลับให้เล็กน้อยเช่นกันพลางกล่าว

“น้องหญิง นี่คือ ราชามังกรทะเลบูรพา และยังเป็นผู้นำของเผ่าพันธุ์มังกรในยามนี้อีกด้วย”

ราชามังกรทะเลบูรพาโค้งคำนับให้ทันทีและกล่าวว่า “น้อมพบองค์ราชินีหวังหมู่”

“ไม่ต้องมากพิธีเช่นนั้น” พระราชมารดาตอบอย่างอบอุ่น จากนั้นนางก็ไม่เอ่ยวาจาใดอีกและเดินตามองค์เง็กเซียนไปที่บัลลังก์เบื้องล่าง

หลี่ฉางโซ่วได้ทำการปรับเปลี่ยนสถานที่นี้เล็กน้อย

เดิมทีที่นั่งของราชามังกรทั้งสี่คาบสมุทร อยู่ด้านหลังที่นั่งของแม่ทัพตงมู่และหลี่ฉางโซ่ว ทว่าในขณะนี้ หลี่ฉางโซ่วได้แยกพวกมันออกเป็นสองส่วนแล้วให้คนเผ่าพันธุ์มังกรรวมตัวกันนั่งอยู่ทางด้านขวา

ในขณะนั้น ทั้งสองฝ่ายนั่งลง จากนั้น เหล่าเซียนสตรีก็เดินแถวนำสุราและผลไม้เซียนมารับรอง

เมื่อเทพธิดาฉางเอ๋อร์กว่าสิบคนแห่งตำหนักจันทราก้าวออกมาร่ายรำ ก็ทำให้มีอารมณ์เบิกบานขึ้นกันอย่างรวดเร็ว

องค์เง็กเซียนยิ้มและถามว่า “น้องหญิง ผลท้อเซียนจะกินได้เมื่อไหร่?”

“ฝ่าบาท ผลท้อเซียนจะสุกในเวลาอีกไม่กี่ชั่วยามเท่านั้น ข้าสั่งให้คนไปรอในสวนท้อแล้ว เมื่อผลท้อเซียนสุก ข้าก็จะเด็ดผลมัน นั่นจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด”

“ดี” องค์เง็กเซียนยิ้มพลางพยักหน้า เขาได้บอกอ้อมๆ ให้มังกรสงบสติอารมณ์และรอคอยอย่างอดทน

ในขณะนั้น แม่ทัพสวรรค์ก็มารายงานอย่างรวดเร็ว

“ฝ่าบาท บัดนี้ จ้าวกงหมิง ปรมาจารย์จากถ้ำหลัวฝูบนภูเขาเอ๋อร์เหมยได้เข้าสู่ประตูสวรรค์และกำลังมุ่งหน้ามายังสระหยกพ่ะย่ะค่ะ!”

“โอ้?”

องค์เง็กเซียนยิ้มและกล่าวว่า “กงหมิงและฉางเกิงเป็นสหายสนิทกัน ช่วยเพิ่มที่นั่งข้างที่นั่งของฉางเกิงด้วย มู่กง ไปต้อนรับเขาในนามของข้าด้วย อย่าได้ละเลยเขาเด็ดขาด”

“น้อมรับบัญชาฝ่าบาท!”

แม่ทัพตงมู่รับคำสั่งแล้วหันกลับมา ทว่าขณะที่เขากำลังจะบินออกไปบนก้อนเมฆ จู่ๆ ก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นต่อหน้าเขา

จ้าวกงหมิงขี่เมฆบินมากับอ๋าวอี่ และในชั่วพริบตา เขาก็มาถึงและประสานมือคารวะให้ก่อนจะก้าวออกไปข้างหน้าและโต้งคำนับให้องค์เง็กเซียน และพระแม่หวังหมู่

“น้อมพบท่านอาจารย์อา และท่านอาจารย์อาหญิง”

………………………………………………………………..

[1] เต็มที่ สุดโต่ง สุดขั้ว

[2] เป็นความรู้สึกเหมือนเครื่องปรุงทุกอย่างผสมปนเป ในทำนองว่ามีความรู้สึกหลากหลายปะปนกัน