หลังจากที่ทีมแพทย์ของอาเธอร์ได้ทำการตรวจเช็คร่างกายของเจียงหยุนเอ๋อแล้ว กลับไปรายงานอาเธอร์ ว่าขณะนี้ไม่เหมาะที่จะเคลื่อนย้ายเจียงหยุนเอ๋อ
“คุณอาเธอร์ เธอเพิ่งคลอดลูกเสร็จ ร่างกายยังไม่ฟื้น ตอนนี้อ่อนแอมาก ถ้าหากเจาะเลือดเธอแบบนี้อีก อาจส่งผลให้ร่างกายของเธอยิ่งอ่อนแอเพิ่มมากขึ้น ถ้าหากในกระบวนการนี้เธอเกิดป่วยขึ้นมา จะส่งผลให้คุณภาพของเลือดลดต่ำลง ถ้าเป็นแบบนั้นก็ส่งผลต่อการรักษาของคุณเบ็ตตี้ด้วยเหมือนกัน”
“ตอนนี้วิธีที่ดีที่สุดคือให้ร่างกายของผู้หญิงคนนี้ฟื้นคืนสภาพปรกติก่อน”
ถึงแม้อาเธอร์จะไม่พอใจนัก แต่เพื่อให้เบ็ตตี้ได้รับการรักษาที่ดีกว่า เขาจึงจำเป็นต้องยอมรับมัน
“ไอ้พวกขยะ ทำไมมันเรื่องเยอะขนาดนี้ แต่เพื่อเบ็ตตี้ของฉันแล้ว ฉันจะทนพวกแกครั้งนี้ พวกแกรีบเร่งเวลาบำรุงร่างกายให้ผู้หญิงคนนั้น หลังจากที่ร่างกายฟื้นคืนสภาพเดิมแล้วรีบเตรียมตัวผ่าตัดทันที!”
หลังจากที่อาเธอร์พูดจบก็ไล่พวกเขาออกไปทันที
หลายวันติดต่อกัน เจียงหยุนเอ๋อไม่เห็นทีมแพตย์ของอาเธอร์มาเจาะเลือดเธออีก บ่นพึมพำกับตัวเองในใจ รู้สึกใจไม่ดีเลย
หลายวันมานี้ เจียงหยุนเอ๋อไม่เพียงไม่ถูกเจาะเลือด ตรงกันข้ามกลับมีคนดูแลบาดแผลและร่างกายหลังคลอดของเธอทุกวัน เจียงหยุนเอ๋อเคยถามคนเหล่านั้นถึงเหตุผล แต่ไม่มีใครสนใจเธอ
สาวใช้ฟิลิปปินส์ที่อาเธอร์จัดมาดูแล เธอชื่อธินา เธอเคยดูแลรับใช้คุณเบ็ตตี้มาก่อน ดังนั้นอาเธอร์ถือว่าค่อนข้างเชื่อใจเธอ
แน่นอนเนื่องจากเธอเคยอยู่กับคุณเบ็ตตี้มาก่อน ดังนั้นเธอรู้ว่าวิธีการที่คุณอาเธอร์ทำ ถ้าหากคุณเบ็ตตี้รู้เข้า ต้องไม่พอใจแน่นอน คุณเบ็ตตี้เป็นคนจิตใจดีที่สุดคนหนึ่งเท่าที่เธอเคยเห็นมาเลย และหลังจากที่เธอรู้เรื่องที่เจียงหยุนเอ๋อต้องประสบพบเจอมา เธอรู้สึกสงสารเจียงหยุนเอ๋อมาก
เธอไม่เห็นด้วยกับการกระทำของอาเธอร์ แต่เธอทำได้เพียงพูดต่อหน้าเจียงหยุนเอ๋อเท่านั้น ถ้าจะให้เธอไปพูดเกลี้ยกล่อมอาเธอร์เธอก็ไม่กล้า
“คุณเจียง คุณไม่ต้องกังวล เดี๋ยวฉันไปแอบถามให้คุณเอง” หลังจากที่สาวใช้ฟิลิปปินส์รับรู้ถึงข้อสงสัยของเจียงหยุนเอ๋อแล้ว จึงเอ่ยปากจะช่วยถามให้เธอเอง คงไม่เป็นไรเพราะแค่ถามดูเท่านั้นเอง
เจียงหยุนเอ๋อซาบซึ้งใจมาก “ธินา จริงเหรอ?ขอบใจเธอมากจริงๆ ถ้าฉันรอดออกไปได้ ฉันจะตอบแทนบุญคุณของเธอแน่นอน”
ธินาโบกมือปฏิเสธ “คุณเจียง เรื่องเล็กแค่นี้คุณไม่ต้องเก็บมาใส่ใจหรอก ก็แค่คำพูดเดียวที่ฉันไปสอบถามดู ไม่มีอะไรยากหรอก”
“อีกอย่าง ถ้าชีวิตของคุณเบ็ตตี้ไม่สามารถช่วยกลับมาได้ นี่ก็ถือเป็นการทำบุญให้เธอ หลังจากที่เธอจากไปแล้ว ยังสามารถขึ้นสวรรค์ได้ ไม่ต้องตกนรกเพราะการฆ่าคนของคุณอาเธอร์”
วันนี้ ธินาถืออาหารเข้ามาด้วยความโกรธ และโยนอาหารไปที่โต๊ะ จากนั้นนั่งลงที่ข้างโต๊ะอาหารด้วยความโกรธ
ตอนนี้เจียงหยุนเอ๋อสามารถค่อยๆ ลุกขึ้นด้วยตัวเองได้แล้ว เมื่อเธอเห็นท่าทางที่โกรธของธินาแล้วรู้สึกสงสัย หลังจากที่ลุกขึ้นแล้ว จึงเดินไปหาธินา
“ธินา เป็นอะไรเหรอ?ใครทำให้เธอโกรธ?หรือว่ามีคนรังแกเธอเหรอ?”
“ไม่เป็นไร ฉันช่วยคุณสืบเรื่องได้แล้ว จึงรู้สึกโกรธเท่านั้นเอง”
“เธอสืบเรื่องได้แล้วเหรอ?” เจียงหยุนเอ๋อวางมือลงบนแขนของธินาด้วยความกังวล
ธินาตบเบาๆ ที่มือของเจียงหยุนเอ๋อ แล้วถอนหายใจออกมา “เห้อ คุณเจียง เห้อ แย่จังเลย ตอนแรกฉันคิดว่าที่พวกเขาดูแลคุณดีขนาดนี้ เป็นเพราะว่าพวกเขาสำนึกผิด คิดไม่ถึง……”
“คิดไม่ถึงอะไรเหรอธินา เธอพูดเร็วเข้า กังวลจะตายอยู่แล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะพูดให้คุณฟังแล้วนะ คุณเตรียมใจให้ดีนะ” ธินาถอนหายใจออกมาอีกครั้งแล้วพูดออกมา
“ฉันไปสืบมา ที่พวกเขาบำรุงร่างกายให้คุณ เพื่อจะได้รักษาคุณเบ็ตตี้ให้ดียิ่งขึ้น ทำไมความคิดนี้ของคุณอาเธอร์ยังไม่เปลี่ยนอีก ฉันคิดว่าเขายอมรับความจริงได้แล้วเสียอีก คิดไม่ถึงว่าเขายังไม่ยอมแพ้อีก ถึงแม้ฉันก็อยากให้คุณเบ็ตตี้ตื่นขึ้นมา แต่ฉันก็ไม่อยากให้มีใครต้องสละชีวิตเพื่อเธอ”
หลังจากที่เจียงหยุนเอ๋อได้ยินแล้ว ยิ้มทั้งน้ำตาออกมา แต่ในเวลาเดียวกันเธอก็รู้สึกดีใจ ซึ่งนั่นหมายความว่าเธอยังมีโอกาสที่จะหลบหนี อาเธอร์ให้โอกาสดีขนาดนี้แก่เธอ เธอไม่ยอมปล่อยทิ้งมันไปแน่ เธอต้องบำรุงร่างกายดีๆ และหลังจากที่รักษาร่างกายให้ดีขึ้นแล้วถึงจะมีโอกาสหลบหนีได้
ถ้าหากลี่จุนถิงมาช่วยเธอ ระหว่างนี้เกิดอะไรขึ้น ก็จะสามารถรับมือได้ตลอด และจะได้ไม่ต้องสร้างปัญหาที่ไม่จำเป็นให้ลี่จุนถิงอีกด้วย
ในขณะที่เจียงหยุนเอ๋อครุ่นคิดอยู่นั้น ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ธินาเห็นใบหน้าของเจียงหยุนเอ๋อที่ไม่เพียงไม่มีความกลัว แถมเต็มไปด้วยความดีใจ รู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก
“คุณเจียง ทำไมคุณยังดีใจอีกอ่ะ พวกเขาไม่ได้จะปล่อยตัวคุณไปนะ”
“ไม่มีอะไร ได้มากกี่วันก็กี่วัน ถ้าเลือดของฉันสามารถช่วยชีวิตของคุณเบ็ตตี้ได้ และฉันยังไม่ตายแล้วล่ะก็ นั่นมันก็ใช่เรื่องน่ายินดีไม่ใช่เหรอ”
ถึงแม้เจียงหยุนเอ๋อจะเชื่อใจธินามากแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถพูดความคิดที่แท้จริงในใจของตัวเองให้เธอฟังได้
“คุณอ่ะ จิตใจดีเหมือนคุณเบ็ตตี้เลย เรื่องนี้ฉันไม่สามารถช่วยอะไรคุณได้ ตอนนี้ได้แต่ให้โชคชะตาเป็นผู้กำหนด หวังว่าคุณกับคุณเบ็ตตี้จะปลอดภัยกันทั้งสองคน พอแล้ว ไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้ว รีบกินข้าวก่อนเถอะ”
หลังจากที่เจียงหยุนเอ๋อกินข้าวเสร็จ เธอจึงสังเกตเห็นว่าวันนี้ทั้งวันไม่เห็นหน้าของดอกเตอร์คูลี่เลย จึงเอ่ยปากถามธินา
“ธินา วันนี้เธอเห็นดอกเตอร์คูลี่แล้วหรือยัง?วันนี้ทั้งวันฉันยังไม่เห็นเขาเลย”
เมื่อได้ยินชื่อของดอกเตอร์คูลี่ สีหน้าของธินาเปลี่ยนไปทันที เธอสำรวจมองไปรอบๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีคนอยู่ จึงกระซิบข้างหูให้เจียงหยุนเอ๋อฟังอย่างระวัง
“ฉันจะเล่าให้คุณฟังนะ ตอนที่ฉันไปเอาข้าวให้คุณนั้น เห็นดอกเตอร์คูลี่ถูกอาเธอร์พาตัวไป ครั้งนี้สถานที่ที่ถูกพาตัวไปนั้นเป็นฐานที่โหดเหี้ยมที่สุดของคุณอาเธอร์เลย”
“ในห้องนั้น มีแต่เครื่องมือที่ใช้ในการลงโทษ ได้ยินมาว่าคนที่เข้าไป ไม่เคยมีใครที่มีชีวิตรอดออกมาได้เลย ประเมินได้เลยว่าครั้งนี้ดอกเตอร์คูลี่จะประสบเคราะห์ร้ายมากกว่าดี บาปกรรมจริงๆ สาธุ”
สีหน้าของเจียงหยุนเอ๋อซีดไปทันที “เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ พวกเขายังต้องพึ่งเทคนิคการรักษาคุณเบ็ตตี้จากดอกเตอร์คูลี่อยู่เลยไม่ใช่เหรอ เป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าเขาแบบนี้
“ใครจะไปรู้ได้ ตอนนี้คุณอาเธอร์กลายเป็นคนเลือดเย็นไปแล้ว ใครจะไปรู้ว่าเขาจะทำเรื่องอะไรอีก พอแล้ว อย่าเพิ่งไปคิดเรื่องของดอกเตอร์คูลี่เลย รีบพักผ่อนก่อนเถอะ”
หลังจากที่ส่งธินาออกไปแล้ว เจียงหยุนเอ๋อนอนลงไปที่เตียง เธอยังคงเป็นห่วงดอกเตอร์คูลี่มาก
สำหรับดอกเตอร์คูลี่ เช้านี้ถูกอาเธอร์พาตัวไป ดอกเตอร์คูลี่เห็นมันเป็นเรื่องปรกติ นึกว่าครั้งนี้ก็เหมือนเมื่อก่อน เลยไม่ได้คิดอะไร แต่ในขณะที่เดินไปนั้นสัมผัสถึงความผิดปรกติ นี่ไม่ใช่ทางเดินปรกติที่ก่อนหน้านั้นเคยไป เขารู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาทันที
ดอกเตอร์คูลี่ถูกพาตัวมาในห้องที่แปลกมาก เขาเห็นเครื่องมือลงโทษติดเต็มผนัง รู้สึกกลัวขึ้นมาทันที ทำให้ร่างกายสั่นโดยไม่รู้ตัว
อาเธอร์นั่งอยู่ตรงกลางห้อง ทันทีที่เห็นดอกเตอร์คูลี่เข้ามาในห้อง ดวงตาเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมทันที