บทที่ 661 กอดให้ความอบอุ่นซึ่งกันและกัน

Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่

เมื่อลี่จุนซินนึกถึงเจียงหยุนเอ๋อ ก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ

“ตั้งแต่ที่หยุนเอ๋อมาถึงบ้านเรา ก็เจอแต่อุปสรรค มีแต่คนหาเรื่อง พูดไปแล้ว เป็นเพราะจุนถิงเสน่ห์แรงเกินไป จึงทำให้เธอพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย”

“คุณอ่ะ อย่าเพิ่งกังวลอะไรตอนนี้เลย คุณดูแลตัวเองให้ดีก่อนเหอะ” เวียร์ได้ยินคำพูดของลี่จุนซินหัวเราะออกมา “ไป ผมพาคุณไปผ่อนคลายอารมณ์กัน ดึกๆ ค่อยกลับบ้านผม”

หลังจากที่ลี่จุนซินได้ยิน หน้าแดงเล็กน้อย

“คุณหน้าแดงทำไม ผมก็แค่คิดว่าถ้าผมอยู่ข้างกายคุณ คุณน่าจะหลับสบายกว่านี้” เวียร์ยิ้มและพูดล้อเล่นออกมา

ลี่จุนซินหน้าแดงแล้วตีเขา แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรออกมา

ท้องฟ้าเริ่มมืด ทะเลในคืนที่มืดมิด บวกกับคลื่นทะเลที่ซัดปั่นป่วนเป็นครั้งคราวยังคงมองเห็นได้จางๆ ชายหาดริมทะเลมีแสงไฟส่องกระจัดกระจาย แสงไฟไม่ได้สว่างมากนัก มีกระจายเป็นกระจุกกระจุก เสริมให้ดวงดาวบนท้องฟ้าส่องแสงให้กันและกัน

ลี่จุนซินเหยียบทรายที่อ่อนนุ่มนั้นแล้วเดินไปข้างหน้า หนักบ้างเบาบ้าง เสียงเคลื่อนดังอยู่ข้างหู ถึงแม้จะไกลแต่ก็เงียบสงบดี

เวียร์เดินตามอยู่ข้างหลังของเธอ เดินไปได้สองสามก้าว เห็นเธอยังคงไม่รู้ตัว จึงก้าวเท้ายาวๆ สองสามก้าวไปอยู่ตรงหน้าเธอแล้วจับมือเธอไว้

ลี่จุนซินตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นยิ้มดวงตาโค้งเหมือนพระจันทร์ออกมา “อยากจับมือฉัน ก็พูดออกมาตามตรงก็ได้”

คงเป็นเพราะสีหน้าท่าทางของเธอที่น่าตีและได้ใจเกินไป ทำให้เวียร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ยกนิ้วขึ้นไปเตะจมูกเธอ “ใครใช้ให้คุณเหม่อลอยเอง”

สุภาษิตโบราณพูดไว้ กินอิ่มดื่มอิ่มมักคิดอะไรไม่ออก คำพูดนี้พูดไว้ไม่มีผิดเลยจริงๆ

ลี่จุนซินถูกเวียร์ป้อนอาหารจนอิ่มหมีพีมัน ทำให้ตอนนี้อารมณ์ดีมาก เลยให้เขาจับมือตามใจชอบ มืออบอุ่นนั้นจับไว้แน่น รู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก

หลังจากเดินไปตามชายหาดมาได้ระยะหนึ่ง ในที่สุดก็มาถึงสถานที่น่าสนุกตามที่เวียร์พูด

เธอมองแสงไฟที่มืดสลัวนั้น และมองเปลไกวที่มัดติดไว้กับต้นไม้ด้วยสีหน้าหม่นลง “นี่คือสถานที่สนุกเหรอ?”

“ถ้าไม่บอกว่าเป็นสถานที่สนุกคุณจะยอมมาเหรอ?” เขาหัวเราะเบาๆ ออกมา แล้วนั่งลงไปนั่งก่อน จากนั้นตบลงไปที่นั่งข้างๆ ที่ยังว่างอยู่ “ขึ้นมา”

ลี่จุนซินเหลือบมองเปลไกวนี้ถึงแม้จะดูแข็งแรง แต่ไม่มีจุดค้ำ ถ้าเธอขึ้นไปไม่ต้องกลิ้งไปคลุกอยู่ด้วยกันกับเวียร์หรอกเหรอ

ในขณะที่กำลังลังเลอยู่นั้น เวียร์ได้เอนตัวลงนอนเอามือซุกหลังศีรษะแล้วมองดูท้องฟ้า “ถ้าคุณขึ้นมาผมจะบอกคุณว่าดาวพวกนี้แบ่งออกเป็นราศีอะไรบ้าง”

ลี่จุนซินตรึกตรองดูสักครู่ ยังไงดวงดาวก็มีความดึงดูดมากกว่าจึงขยับเข้าไปหาเขา

ทันทีที่เธอเข้าไปนั่งกับเวียร์ เวียร์ก็เอื้อมมือจับเธอเข้ามาหาเขา

เธอพิงแขนของเขาไว้ ข้างหูมีแต่กลิ่นหอมที่โชยมาจากร่างกายของเขา แค่เอียงตัวเล็กน้อยก็โดนใบหน้าของเขาแล้ว และมือของเขาในตอนนี้ก็ได้วางไว้ที่ไหล่ของเธอ และสวมกอดเบาๆ ไว้

ลี่จุนซินรอเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่ง ก็ไม่เห็นเขาจะพูดเกี่ยวกับเรื่องของราศี จึงยกมือขึ้นมาผลักเบาๆ ไปที่ตัวเขา “คุณพูดสักทีสิ”

เวียร์หรี่ตาลงเล็กน้อย ชี้ไปที่รูปวงกลมที่รูปร่างเหมือนพระจันทร์ “นี่คือพระจันทร์……” น้ำเสียงเหมือนพูดไปเรื่อยเปื่อย เมื่อลี่จุนซินได้ยินแบบนั้นเกือบกระอักเลือดตาย

“ดวงที่อยู่ข้างๆ ที่สว่างที่สุดคือดาวพฤหัสบดี ”

ลี่จุนซินหันไปมองเขา ใบหน้าของเขาอ่อนโยน แสงดาวส่องประกายอยู่ใต้ดวงตาของนั้น สดใสและแพรวพราว.

“คุณชอบดาวพฤหัสเหรอ?” เธอเบ้ปากเล็กน้อยแล้วครุ่นคิดสักพัก “ฉันชอบทางช้างเผือกที่สุด”

ที่นั่นมีดวงดาวเต็มไปหมด แสงอะไรก็มี และในจักรวาลที่กว้างใหญ่ไพศาลนั้น ก็เสมือนสายริบบิ้น สายริบบิ้นที่ฝังเต็มไปด้วยเพชร

เปลไกวนั้นขยับไปมาเบาๆ ลี่จุนซินหรี่ตามองดวงดาวอยู่ข้างพระจันทร์ดวงที่สว่างที่สุด ราวกับว่ามีดวงดาวระยิบระยับเป็นวงกลมรายล้อมอยู่รอบๆ

เมื่อเวียร์เห็นลี่จุนซินมองดูดวงดาวอย่างตั้งใจ จึงก้มหน้าลงไปแล้วจูบเธอ

เสียงคลื่นทะเลที่เงียบสงัดนั้นจู่ๆ ก็พัดแรงขึ้นมา หวะล้าๆ ดังขึ้นมา และก็มีลมพัดมาจากทะเล ลี่จุนซินถูกเขาดึงไปกอดอยู่ในอ้อมแขนของเขา แล้วสวมกอดแน่นๆ ที่เอวนั้น ไม่ให้ขยับได้

เธอลืมตาขึ้นและในบางครั้งก็กัดเขาเบาๆ อย่างไม่ให้ความร่วมมือ นี่คือการยั่วยวน แต่คนทำกลับไม่รู้ตัว

ลี่จุนซินถูกเวียร์กอดแน่นขึ้นอีก เสมือนจะกอดเข้าไปในร่างกายของเขาปานนั้น

เขาโอบกอดเธอไว้แน่น โอบกอดเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาเพื่อกันลมทะเลไม่ให้พัดมาโดนเธอ และดวงตาคู่นั้นในตอนนี้เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เป็นประกาย

มือของเขาที่โอบเอวเธอไว้นั้นขยับไปมาอย่างซุกซน และล้วงเข้าไปข้างในจากชายเสื้อของเธอ

ลี่จุนซินตัวแข็งทื่อ

ส่วนมือของเวียร์ก็ไม่ยอมหยุดนิ่ง เคลื่อนไหวไปมาอยู่ระหว่างเอวและหน้าท้องของเธอ พูดว่าเป็นการลูบคลำ ความจริงแล้วเหมือนต่างฝ่ายต่างให้ความอบอุ่นซึ่งกันและกันมากกว่า

ทางด้านลี่จุนซินมองดูดวงดาวอย่างโรแมนติก ส่วนทางด้านของลี่หุยกำลังสัมผัสความรู้สึกที่ผู้คนชื่นชมให้เกียรติอยู่

ระหว่างรับประทานอาหารเย็นที่จัดขึ้นโดยลี่หุย เขานั่งตรงกลาง ทุกคนต่างชื่นชมยินดี หลายคนเห็นท่าทางที่มีพลังและสูงส่งของลี่หุยแล้ว ต่างพากันยกยอประจบสอพลอ

“ประธานลี่ช่างเก่งเหลือเกิน บริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปตอนนี้อยู่ในการดูแลของคุณ ยิ่งอยู่ยิ่งเจริญเติบโต ความสามารถของคุณไม่ธรรมดาจริงๆ”

“ถูกต้องแล้ว เมื่อก่อนได้ยินแต่คนอื่นพูดว่าประธานลี่คุณเป็นคนเก่ง วันนี้เห็นแผนการรีสอร์ตของคุณแล้ว ผมนับถือจากใจจริงๆ ได้พูดคุยกับคุณ ถึงแม้จะเป็นเพียงเวลาสั้นๆ แต่ก็เป็นความสุขที่หาได้ยากจริงๆ ผมหวังว่าผมจะมีโอกาสได้คุยกับคุณอีกครั้งในครั้งต่อไป”

หลังจากที่ไอ้ลูกนอกสมรสได้ยินแบบนี้แล้ว ทำตัวสุภาพกับทุกคน และอ่อนน้อมถ่อมตนมาก แต่ความจริงแล้วกลับได้ใจเป็นอย่างยิ่ง

…………

ในต่างประเทศ ลี่จุนถิงและพวกไล่ตามไปถึงที่อิรัก ครั้งนี้พวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้า และเป็นพ่อค้าที่ค้าขายจำพวกอาวุธ เนื่องจากอาเธอร์เป็นพ่อค้าอาวุธ ฐานะพ่อค้าอาวุธจะเข้าหาพวกเขาได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

หลังจากที่มาถึงที่นี่แล้ว ลี่จุนถิงและสายสืบของเฟิงจิงเป่ยได้มารายงานกับพวกเขา

“ประธานลี่ พวกเราได้สืบมาวันสองวันแล้ว แต่หลังจากผ่านเรื่องก่อนหน้านั้นของพวกคุณแล้ว อาเธอร์ก็ระวังตัวมากขึ้น ทันทีที่พวกเขาเข้าประเทศก็ลบซ่อนตัวทันที ผมได้สอบถามพ่อค้าอาวุธหลายเจ้าที่เคยค้าขายกับเขา ต่างพูดว่าไม่เห็นอาเธอร์ ดังนั้นถึงตอนนี้พวกเรายังไม่มีสืบหาเบาะแสอะไรไม่ได้เลย”

ลี่จุนถิงกล่าวว่าไม่เป็นไร “ไม่เป็นไร ในเมื่อพวกเขาอยู่ในประเทศ ยังไงพวกเราก็ต้องหาเจอจนได้”

“แต่ว่า พวกเราก็ไม่เวลาให้เสียมากนัก เพราะว่าคุณเจียงเพิ่งผ่าตัดเสร็จ และร่างกายก็อ่อนแอ อีกอย่างอาเธอร์ต้องการเลือดของคุณเจียงเพื่อเอาไปรักษาเบ็ตตี้” เฟิงจิงเป่ยขมวดคิ้วแล้วพูดออกมา

ลี่จุนถิงพยักหน้าด้วยสีหน้าว่างเปล่า “ผมเข้าใจ แต่ครั้งนี้ ผมจำเป็นต้องใช้วิธีที่ดีที่สุด เพื่อช่วยเหลือหยุนเอ๋อกลับมาโดยไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ครั้งนี้ผมไม่อนุญาตให้มีความผิดพลาดใดๆ เกิดขึ้นอีกแน่นอน”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ ทันใดนั้นลี่จุนถิงนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ หันหน้าไป เผชิญกับเฟิงจิงเป่ย

“พูดไปแล้ว เฟิงจิงเป่ยคุณไล่ตามอาเธอร์กระตือรือร้นขนาดนี้ มันคงมีอะไรมากกว่าการช่วยเหลือคนใช่ไหม?”

เฟิงจิงเป่ยยอมรับออกมาแต่โดยดี แต่ก็ไม่เปิดเผยข้อมูลอะไรที่เป็นประโยชน์ออกมา

“มันเป็นภารกิจขององค์กรภายใน อย่างอื่นผมก็ไม่สะดวกที่จะพูดอะไรมาก”

ลี่จุนถิงพยักหน้า และแสดงความเข้าใจออกมา เขาเข้าใจถึงสถานการณ์เฉพาะ และรู้ว่าบางอย่างก็ไม่ควรถาม