หลังจากที่ประชุมเสร็จ ลี่จุนซินยังคงเดินออกไปด้วยความโอ่อ่าเพื่อไม่ให้พวกลี่หุยเห็น แต่หลังจากที่กลับไปในห้องทำงานแล้ว เธอก็ทรุดลงบนโซฟา ด้วยใบหน้าจนปัญญา และเหนื่อยล้า เธอส่งข้อความให้ลี่จุนถิงเพื่อบอกเรื่องนี้ แต่อีกฝ่ายยังไม่ตอบอะไรมาเลย
ลี่จุนซินเองก็บอกเรื่องนี้กับซู่จี้งยี้ ซู่จี้งยี้เองก็โกรธเป็นอย่างมาก แต่ว่าเขาเองก็ทำอะไรไม่ได้ เขาเห็นลี่จุนซินก้มหน้าก้มตาด้วยความโศกเศร้าและโกรธ ถึงแม้ว่าจะโกรธ แต่ว่าเองก็ทำได้เพียงปลอบเธอ
“ประธานลี่ ผลของเรื่องนี้คุณเองก็ไม่อยากให้มันเกิด แต่ว่าทำอะไรไม่ได้จริงๆ คุณอย่าได้โทษตัวเองเลย หลังจากที่ประธานลี่กลับมาแล้ว จะต้องสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้แน่นอน”
ลี่จุนซินพยักหน้า แต่ว่าคำปลอบของซู่จี้งยี้นั้นไม่มีผลอะไร เพราะลี่จุนซินยังคงเศร้าเหมือนเดิม
ซู่จี้งยี้เห็นท่าทีนี้ของเธอ ก็ไม่ได้รบกวนอะไรเธอต่อ หลังจากบอกลาก็ไปจากเธอ
จากนั้น ลี่จุนซินก็ยังคงทำงานอยู่ที่บริษัทเหมือนเดิม จู่ๆ ประตูของห้องทำงานก็ถูกเคาะ ลี่จุนซินบอกให้เข้ามา โดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้น
จู่ๆ ก็มีมือเรียวยาวยื่นมาตรงหน้าเธอ ก่อนจะทำให้เธอต้องเงยหน้าขึ้นมา
ตอนแรกลี่จุนซินอยากจะอาละวาด แต่ว่าเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองเวียร์ ใบหน้าที่โกรธเคือง ก็ยิ้มขึ้นเหมือนดอกไม้ เหมือนกับว่าใบหน้าที่ถูกจัดวางเอาไว้เป็นอย่างดีก่อนแล้ว
“อ๊ะ~เวียร์ คุณมาได้อย่างไรเนี่ย?คุณไม่ได้กลับประเทศไปแล้วเหรอ?ทำไมคุณกลับมาแล้วไม่บอกฉันเลย ฉันจะได้ไปรับคุณที่สนามบินน่ะ”
เวียร์ปล่อยมือที่จับหัวของลี่จุนซินอยู่ ก่อนจะอ้อมโต๊ะทำงานไป เพื่อยืนอยู่ตรงหน้าของลี่จุนซิน แล้วมองลี่จุนซินไม่ห่างเลยแม้แต่น้อย
“ฉันคิดถึงคุณเลยกลับมา ถ้าเกิดบอกก่อน ฉันจะทำให้คุณเซอร์ไพรส์ได้อย่างไรล่ะ ทำไมเหรอ ใบหน้าของคุณดูเหนื่อยอ่อน ตอนเห็นฉันยังดูโกรธอีกด้วย”
เมื่อเวียร์มายืนอยู่หน้าเธอ ลี่จุนซินก็กอดเอวของเวียร์ แล้วเอาหัวซบไปที่ตัวของเวียร์ พลางถอนหายใจด้วยความเศร้าและโกรธ
เวียร์เห็นว่าเธอไม่พูดอะไร เลยไม่ได้บังคับอะไรเธออีก แต่ว่าสิ่งที่ควรรบเร้าก็ต้องทำเหมือนเดิม
“ฉันรอคุณที่ลานจอดรถมานานแล้ว แต่คุณไม่ลงมาสักที ฉันเลยอยากรู้ว่าคุณทำงานเกินเวลาหรือเปล่า ดังนั้นฉันเลยขึ้นมา คุณจัดการเสร็จหรือยัง ถ้าทำงานเสร็จแล้วฉันจะพาคุณไปกินข้าว”
เวียร์ลูบหัวของลี่จุนซิน พลางพูดด้วยความอ่อนโยน
“ไปกันเถอะ ฉันเองก็ไม่มีงานอะไรต้องทำแล้ว หลังจากกลับบ้านไปก็อยู่คนเดียว เลยคิดว่าอยู่ทำงานที่นี่ดีกว่า”
ลี่จุนซินปล่อยเวียร์ออก ก่อนจะเก็บโต๊ะแบบเร็วๆ จากนั้นก็หยิบกระเป๋าก่อนจะออกไปกับเวียร์
“ทำไม?ป้าไม่อยู่บ้านเหรอ?”
“เดี๋ยวตอนไปกินข้าวจะเล่าให้คุณฟัง พวกเรารีบไปกินข้าวกันก่อนเถอะ”
เวียร์จองที่เอาไว้ในท่าเรือไว้ก่อนแล้ว ท่าเรือนี้อยู่บริเวณริมทะเล เวลากินข้าวจะได้ยินเสียงคลื่น มันเป็นบรรยากาศที่น่าหลงใหล
แต่ทว่า วันนี้ลมทะเลแรงมาก เวียร์เลยจองห้องที่มีวิวทะเลบนชั้นสาม
เมื่อผู้จัดการได้เห็นเวียร์เดินเข้ามา ก็รีบต้อนรับ จากนั้นก็พาไปที่ห้องรับรองด้วยตัวเอง เมื่อเขาสั่งอาหารเสร็จถึงจะเดินออกไป
นี่มันทำให้ลี่จุนซินอดสงสัยไม่ได้ “คุณมาที่เมืองจิ่งเฉิงไม่นาน ทำไมถึงคุ้นเคยกับที่นี่จังเลย”
เวียร์ตั้งใจสั่งน้ำชาให้โดยเฉพาะ เมื่อได้ยิน ก็ตอบให้เธอพอใจ: “คุณคิดว่าฉันสนิทกับเจ้าของร้านอาหารทะเลเพราะอะไร?จะได้กินอาหารทะเลฟรีหรือเปล่า?”
เมื่อพูดออกไป ลี่จุนซินเองก็เริ่มสงสัยความฉลาดของตัวเอง
เวียร์ตบที่ด้านข้างเล็กน้อย “นั่งตรงนี้สิ ไม่อย่างนั้นคุณกำลังบังแล้วจะเสิร์ฟอาหารไม่สะดวกนะ”
ลี่จุนซินตอบรับ ก่อนจะย้ายของมานั่งข้างๆ ถึงจะมีสติขึ้นมา ว่าจริงๆ มันเป็นที่นั่งสองที่ แล้วเธอไปขวางตอนไหนล่ะ!
เมื่อคิดได้แบบนั้นเธอก็หงุดหงิดใจ ก่อนจะจิบน้ำชาด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย “ฉันคิดว่าความฉลาดของฉันอาจจะไม่พอเมื่ออยู่กับคุณ คุณแกล้งฉันให้น้อยลงหน่อยเถอะ”
เวียร์ก้มหน้ามองเธอ ก่อนจะยิ้มเบาๆ แววตาดำคู่นั้นเกิดระยิบระยับเล็กน้อยเพราะแสงสีเหลืองทองยามเย็น ดูเหมือนเป็นแสงของน้ำใสสะอาด
เขาชะงักไป ก่อนจะตอบอย่างจริงจัง: “คุณฉลาดไม่เพียงพอแต่จะมาทำอะไรฉันไม่ได้นะ อีกอย่าง คุณเองก็เคยลองไปแล้วไม่ใช่เหรอ?” เมื่อพูดจบ เขาก็ปรายตาไปมองเธอเล็กน้อย
หลังจากที่ลี่จุนซินเห็นแววตาของเวียร์แล้ว ก่อนจะคิดถึงฉากที่ทั้งสองมีความสัมพันธ์แนบแน่นก่อนหน้านี้ ก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดงขึ้นมา
เห็นได้ชัด ว่าเวียร์น่าจะเป็นแขกที่คุ้นเคย เลยเลือกอาหารที่ทั้งอร่อยและสวยงาม
วิวด้านนอกเป็นทะเลสุดลูกหูลูกตา สีฟ้าเข้ม เมื่อกระทบกับพระอาทิตย์ก็สะท้อนวิบวับเหมือนกับเพชรเลยล่ะ
หอยทอดกระเทียม กุ้งอบวุ้นเส้น กุ้งผัดผัก หอยผัดเผ็ด แมงกะพรุนพริกสับ
เวียร์กลับไม่ได้กินเท่าไหร่ เขากินบ้างเล็กน้อย ส่วนมากก็ได้แต่ช่วยเธอแกะเปลือกอาหารทะเล
ลี่จุนซินชอบกินปูนึ่ง แล้วจิ้มน้ำจิ้มเล็กน้อย แถมยังได้กินเต้าหู้ปูครั้งแรก เต้าหู้นั้นมันเข้าปากไป ความชุ่มฉ่ำก็แตกกระจายออก และรู้สึกถึงเนื้อปูที่ถึงรสชาติมากกว่ามาก
เวียร์เห็นว่าเธอกินไปไม่เยอะ เลยเอาน้ำแกงเติมในถ้วยของเธอ รสชาติของน้ำแกงนี้มันดีมาก มันอร่อยจนเธอยิ้มตาปิด
เวียร์กินน้ำแกงจากข้างมือของเธอด้วย ก่อนจะชิม แล้วถาม: “ชอบกินไหม?”
ลี่จุนซินพยักหน้า
“ถ้าคุณชอบกิน เดี๋ยวจะพามากินบ่อยๆ นะ” เวียร์มองลี่จุนซินอย่างอบอุ่น
“คุณทำเป็นไหม?” ลี่จุนซินเงยหน้าขึ้นถามเขา
เวียร์เอียงคอเล็กน้อย ก่อนจะเบ้ปาก “ถ้าคุณอยาก ฉันจะเรียนดู”
“ได้สิ งั้นเดี๋ยววันหลังพวกเราทำกินที่บ้าน จะได้ไม่ต้องออกมากินข้างนอกแล้ว” ลี่จุนซินดีใจเป็นอย่างมาก
ลี่จุนซินคิดถึงตอนที่ทั้งสองจะได้ทำอาหารร่วมกัน พลางคิดว่าท้องที่อิ่มเริ่มหิวขึ้นมาอีกแล้ว เลยกินอีกรอบ ก่อนจะนั่งอิ่มพุงป่องตรงเก้าอี้โดยไม่ขยับไปไหน
เวียร์เทน้ำชาให้เธอล้างความคาวในปาก เธอนั่งลงสักพัก ก่อนจะจิบน้ำชานั้นเข้าไป
“คุณพักก่อนเถอะ แล้วบอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฉันฟังเถอะ พูดจบแล้วเราไปเดินเล่นที่ทะเลกัน ที่นี่มีที่สนุกๆ มากมาย” ระหว่างที่พูด เขาก็มองออกไปด้านนอกหน้าต่าง
ลี่จุนซินบอกเรื่องของลี่จุนถิงกับเจียงหยุนเอ๋ออย่างรวบรัดให้เขาฟัง จากนั้นก็บอกเรื่องที่ช่วงนี้งานบริษัทของเธอถูกลี่หุยกดเอาไว้ ก่อนจะด่าลี่หุยเต็มแรง
หลังจากที่เวียร์ได้ยิน ก็ยิ้มขึ้น
“คุณอย่าคิดมากไปเลย ตอนนี้น้องชายของคุณไม่มีสมาธิทำเนื้องานเลย แต่ก็อย่าไปโทษเขาเลย ใครจะอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ล่ะ แต่ความสามารถของจุนถิงนั้น ถึงบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปจะใกล้ล้มละลาย แต่เดี๋ยวพอเขากลับมา ก็ดึงกลับมาได้แน่นอน คุณเองนั่นแหละ ที่ดูแลตัวเองให้ดีเถอะ ฉันเป็นห่วงนะ”
ลี่จุนซินพยักหน้า แต่ว่าในใจก็ยังเป็นห่วงเจียงหยุนเอ๋อมาก