บทที่ 671 ชายฝั่งอู๋จื่อแห่งแม่น้ำจิ้งฮวา

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

พลทหารของประเทศเชียนหลิงตระเตรียมทหารเกือบแสนนายบุกโจมตีเมืองโยวกวงประเทศก่วงส้า เวลาไม่ถึงสามเดือน‘กองทัพทั้งหมดแพ้ย่อยยับ’แล้ว

และทหารหลายหมื่นนายถูกจับเป็นเชลยศึก ในเวลาอันสั้นไม่รู้ว่าควรเป็นความอัปยศหรือว่าควรเป็นความโชคดี

ที่อัปยศคือ ดูจากบันทึกประวัติศาสตร์การทำสงครามร้อยกว่าปี ยังไม่เคยมีกรณีเชลยศึกมากถึงหกเจ็ดหมื่นมาก่อน

ที่โชคดีคือ พวกเขาทั้งหมดยังไม่ตาย และไม่รับการถูกข่มเหงทารุณ

อย่างไรเสียการทำสงครามก็โหดร้าย ถ้าตายแล้วก็เป็นคนตาย

ข่าวคราวกองทัพข้าศึกพลทหารหลายหมื่นนายพร้อมทั้งผู้บัญชาการทหารถูกจับเป็นเชลยศึกพร้อมกัน แพร่กระจายจากชายแดนไปถึงในราชสำนักของประเทศเชียนหลิงอย่างรวดเร็ว ส่งข่าวสารอย่างเร่งด่วนที่สุดไปถึงหน้าของฮ่องเต้

หลังจากที่ฮ่องเต้ประเทศเชียนหลิงได้อ่านแล้วโกรธจนระงับอารมณ์ไม่อยู่ โมโหจนสั่นเทา ตบโต๊ะและลุกขึ้นทันที

“สารเลว พวกไร้ประโยชน์ใช้การไม่ได้ เมืองโยวกวงเล็กๆก็จัดการไม่ได้!”

แต่นอกจากประโยคนี้ ฮ่องเต้ประเทศเชียนหลิงก็พูดอะไรไม่ออกอีก

เมืองโยวกวงมีอ๋องเย่ออกนั่งบัญชาการรักษาการณ์ จะพ่ายแพ้ก็เป็นธรรมดา

เพราะมีความกังวลในจุดนี้พอดี

ดังนั้นหลังจากที่รู้ว่าสัตว์ประหลาดปรากฏตัวขึ้นในพื้นที่ใกล้ๆบริเวณรอบๆชายฝั่งของหมู่บ้านชาวประมง เขาเคยส่งขุนนางทหารไปตรวจสอบดูสถานการณ์ ผลสุดท้ายคนที่เดินทางไปป่าลึกลับพินาศย่อยยับเกือบจะหมดทั้งกองทัพ

ฮ่องเต้ประเทศเชียนหลิงเคยเห็นภาพวาดของสัตว์ประหลาด สูงใหญ่กำยำ ดั่งภูเขาดั่งสัตว์ป่าเถื่อน

เขากลัวแล้ว!

หากว่าไม่ได้มีเพียงสองตัว แต่เป็นกลุ่มใหญ่ๆขึ้นมาจากในทะเล

เช่นนั้นประเทศเชียนหลิงของเขาก็ไม่ต้องสิ้นชาติแล้วหรือ?

เกี่ยวกับข่าวการปรากฏตัวของสัตว์ประหลาดในพื้นที่ใกล้ๆบริเวณรอบๆชายฝั่งของหมู่บ้านชาวประมงแถบนั้น เขาให้คนปิดข่าวให้มิดชิดที่สุด รู้ว่าสุดท้ายแล้วเรื่องราวจะต้องเปิดเผยออกมา แต่ก่อนที่จะเปิดโปงออกมา เขาจะเป็นต้องกลืนประเทศก่วงส้า จากนั้นอพยพราชสำนัก ให้ประเทศก่วงส้าที่เปลี่ยนเป็นเมืองขึ้นไปต่อสู้กับสัตว์ประหลาดเหล่านั้น

สำหรับทำไมเลือกประเทศก่วงส้า

อย่างแรก: เพราะมันลดลงไปเป็นประเทศที่อ่อนแอที่สุดประเทศหนึ่งในสี่ประเทศมหาอำนาจ อีกทั้งตำแหน่งภูมิศาสตร์ของมันดีเลิศที่สุด

อย่างที่สอง: ฮ่องเต้องค์ใหม่เพิ่งครองราชย์ได้ไม่นาน รากฐานไม่มั่นคง จิตใจคนในราชสำนักไม่เข้มแข็ง

อย่างที่สาม: อ๋องเย่ที่ได้ชื่อเทพสงครามในครอบครอง เศร้าสลดเป็นที่สุดตั้งนานแล้ว ไม่ถามไถ่เรื่องราวราชสำนัก

ยืนยันความได้เปรียบของภูมิศาสตร์และจิตใจผู้คนอย่างแน่ชัดเพียงนี้ เขาเพียงแค่ต้องวางแผน ก็จะสามารถบุกเข้าโจมตีร่วมกับอีกสองประเทศได้ ประเทศก่วงส้าล่มสลายเดิมทีก็เป็นเรื่องไม่ช้าไม่เร็ว เขาเพียงแค่ย่นเวลาให้เร็วขึ้นที่สุดเท่านั้น

ภายใต้การโจมตีของสามประเทศที่ยิ่งใหญ่

เพียงแค่อ๋องเย่ผู้เดียว แม้ว่าจะเก่งกาจเพียงใด อีกทั้งฟื้นคืนความมุ่งมั่นในการต่อสู้อีกครั้ง ก็ไม่สามารถใช้หนึ่งต่อสู้กับสามได้

แต่คิดไม่ถึงโดยสิ้นเชิง……

แผนการถูกอ๋องเย่และคนอื่นๆเปิดโปง ยังนำไปสู่การถูกสองประเทศที่เหลือมองเป็นศัตรูอีก แต่แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ เขาก็ทำได้เพียงฝืนใช้กำลังของประเทศประเทศเดียวเข้าโจมตีแล้ว

เดิมทีคิดว่าใช้ความเร็วไว้ก่อน

คิดไม่ถึง อ๋องเย่จะมาถึงชายแดนได้รวดเร็วขนาดนี้ คาดการณ์อย่างแม่นยำว่าเขาต้องการเข้าโจมตีคูเมือง นำทหารม้ากลุ่มใหญ่ กับทหารฝีมือดีแสนนายที่เขาส่งไปมีจำนวนแทบจะ ไม่ต่างกันมากนัก

อาจเพราะสถานการณ์ที่ยืดเยื้อแล้วเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่ดีนัก

เขาออกพระราชโองการไปที่ชายแดนแต่ละฉบับ เร่งเร้าให้ผู้บัญชาการทหารรีบโจมตีเมืองโยวกวงให้ได้

ตอนนี้กลับเป็นข่าวเช่นนี้แพร่กลับมา…….

เขาเดือดดาลเป็นที่สุด แต่หลังจากที่โมโหแล้วคือเจ็บปวดเป็นที่สุด เพราะความจนปัญญา

ฮ่องเต้ประเทศเชียนหลิงตระหนักได้ว่าสถานการณ์เลวร้ายลงจนไม่อาจหยุดยั้งแก้ไขได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง!

เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเอาทหารม้าที่มากกว่าถาโถมไปโจมตีเมืองโยวกวง

ในไม่ช้า เขาทรุดนั่งลงบนพื้นทันที ฮ่องเต้ผู้สูงศักดิ์ประเทศหนึ่ง ยกมือสองข้างขึ้นกุมศีรษะ ร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด

“สวรรค์ทำให้ข้าสูญสิ้น สวรรค์ทำให้ประเทศเชียนหลิงของข้าสูญสิ้น……..”

ฮ่องเต้ประเทศเชียนหลิงเปลี่ยนแปลงไปเป็นที่สุดในชั่วพริบตา ต่อจากนั้นไม่กี่วัน เขาที่ซึมเศร้าจิตใจเหม่อลอยเล็กน้อย เดินออกจากห้องบรรทมในที่สุด

จัดการประเทศก่วงส้าไม่ได้ เช่นนั้นก็ลดเกียรติหน้าตาของฮ่องเต้ขอสงบศึก เขาไม่มีปัญญาใช้พลังความคิดจิตใจมากมายไปต่อกรกับประเทศก่วงส้าที่ได้มีความระแวดระวังแล้ว

เพื่อแก้ไขสถานการณ์คับขันในตอนนี้ คิดเพียงไปสังหารสัตว์ประหลาดอย่างเดียว เพิ่มการป้องกันตรงชายฝั่ง

ข่าวสัตว์ประหลาดถูกเรือแห่งความสิ้นหวังสังหารตาย แพร่สะพัดไปถึงเมืองหลวงประเทศเชียนหลิงนานแล้ว และเป็นธรรมดาที่จะแพร่เข้าหูของฮ่องเต้ประเทศเชียนหลิงในเวลาอันรวดเร็ว

แต่ฮ่องเต้ประเทศเชียนหลิงไม่เชื่อ

หลังจากได้ยินข่าว เขาก็ส่งคนไปตรวจสอบที่ป่าประหลาดแล้ว ข่าวการตายของสัตว์ประหลาด จะเป็นความจริงหรือไม่ยังต้องรอให้คนที่ไปสืบข่าวกลับมาค่อยตัดสินใจอีกครั้ง

แต่ทว่า!

รอไม่ถึงการกลับมาของคนที่ส่งไปสืบข่าว ก็รอจนจดหมายฉบับหนึ่งของอ๋องเย่ประเทศก่วงส้ามาถึงแล้ว

เขานึกว่านั่นเป็นต้องการขอค่าชดเชย

โดยไม่รู้ว่า…….

นั่นคือจดหมายเกี่ยวกับคนจากนอกแผ่นดิน

ฮ่องเต้ประเทศเชียนหลิงยิ่งอ่านยิ่งตกใจ ด้านในเขียนเกี่ยวกับลักษณะเฉพาะของคนจากนอกแผ่นดิน ยังบอกความคุ้นเคยในการดำรงชีวิตของพวกมันอีก รวมถึงที่มาของตำนาน กระทั่งยังบอกถึงเรื่องการป้องกันด้วย

อ๋องเย่ของประเทศก่วงส้าไม่ได้มาเพื่อเรียกค่าเสียหาย

แต่รู้ถึงการดำรงอยู่ของสัตว์ประหลาดล่วงหน้าแล้ว อีกทั้งรู้เรื่องของสัตว์ประหลาดอย่างกระจ่างแจ้ง เรื่องเรือแห่งความสิ้นหวังสังหารสัตว์ประหลาดมีเขาร่วมอยู่ในนั้น เวลานี้ศพก็อยู่บนเรือแห่งความสิ้นหวัง หากไม่เชื่อยังสามารถไปดูพร้อมกับเขาได้

เรื่องนี้ไม่ธรรมดา

ฮ่องเต้ประเทศเชียนหลิงพบและหารือเรื่องนี้กับบรรดาขุนนาง

มีขุนนางพูดขึ้นด้วยความกังวล: “ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ อ๋องเย่ให้ฝ่าบาทเสด็จด้วยตัวเอง นี่จะต้องเป็นแผนการร้ายแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ เกรงว่าไปแล้วจะไร้การกลับมานะพ่ะย่ะค่ะ!”

แต่ก็มีขุนนางคัดค้าน:

“อ๋องเย่แห่งประเทศก่วงส้าผู้นี้องอาจห้าวหาญชำนาญการรบ แทบจะไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อน ที่ผ่านมาในมือกุมกองกำลังทหารที่แข็งแกร่ง อำนาจอิทธิพลเหนือผู้ใด พวกข้าล้วนเคยได้ยินพ่ะย่ะค่ะ เขาโอหังหยิ่งผยองและเย็นชาเป็นที่สุด น่าจะไม่ควรค่าที่จะทำเรื่องชั่วร้ายระดับนี้พ่ะย่ะค่ะ”

นายพลอีกผู้หนึ่งก็พยักหน้าเห็นด้วยกับการเสนอความเห็นเล็กน้อย

“ข้าน้อยคิดว่าเนื้อหาในจดหมายสามารถเชื่อถือได้พ่ะย่ะค่ะ สิ่งที่อ๋องเย่แห่งประเทศก่วงส้าบอกทั้งหมด ก็ไม่ได้เชิญเพียงฝ่าบาทของประเทศของเราผู้เดียว ที่เหลือซีเม่าและผึงไหลและประเทศอื่นๆ รวมถึงประเทศเล็กๆบางประเทศในแผ่นดินใหญ่ ก็ล้วนได้รับเชิญด้วย

เกรงว่าคิดจะใช้เหตุผลดูศพคนจากนอกแผ่นดิน ร่วมกันหารือเรื่องการป้องกันการรุกรานของคนจากนอกแผ่นดินพ่ะย่ะค่ะ”

ในใจของฮ่องเต้ประเทศเชียนหลิงก็คิดเช่นนี้ ด้วยเหตุนี้เขามองไปทางเฉิงเสี้ยงของประเทศ

“เฉิงเสี้ยงคิดว่าอย่างไร?”

“รายงานฝ่าบาท ข้าน้อยคิดว่าเรื่องนี้สามารถเชื่อในสิ่งที่มีได้อย่าเชื่อในสิ่งที่ไม่มีจะดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ แต่เพื่อเห็นแก่ความปลอดภัย รอให้คนที่ไปตรวจสอบกลับมาค่อยตัดสินใจก็ไม่สายพ่ะย่ะค่ะ” แน่นอนว่าเฉิงเสี้ยงของประเทศมีประสบการณ์คำนวณวางแผนจัดการอย่างล้ำลึก

เขารู้ หากว่าคนจากนอกแผ่นดินไม่ได้ปรากฏตัวในเขตแดนของประเทศเชียนหลิง เป็นธรรมดาที่ฮ่องเต้จะไม่ใส่ใจถึงเพียงนี้

แต่อ๋องเย่เทพสงครามประเทศก่วงส้าเป็นบุคคลจิตใจสูงส่งหยิ่งผยอง

หากไม่ใช่เพราะคนจากนอกแผ่นดินน่ากลัวเกินไป เกรงว่าก็คงจะไม่ใช้ชีวิตของนายทหารหลายหมื่นนายมาข่มขู่ฮ่องเต้ของประเทศตัวเอง ร่วมกันต่อต้านคนจากนอกแผ่นดิน

อ๋องเย่แห่งประเทศก่วงส้าเป็นคนทัศนคติกว้างไกล แต่ขณะเดียวกันก็เป็นคนที่โหดเหี้ยมไร้ความรู้สึก เขาสามารถวางอคติลงได้ เชิญฮ่องเต้ของประเทศตัวเอง เห็นได้ว่า……

ความน่ากลัวของคนจากนอกแผ่นดินนี้สามารถที่จะทำลายล้างแผ่นดินใหญ่ผืนนี้ได้…….

แต่ทว่าไม่เกินครึ่งวัน

คนที่ไปตรวจสอบกลับมาแล้ว ไม่เพียงยืนยันความจริงข่าวการตายของคนจากนอกแผ่นดิน ยังได้รับภาพเหมือนรวมทั้งชื่อสกุลของคนที่สังหารคนจากนอกแผ่นดินทั้งสองอีกด้วย

สิ่งนั้นได้มาจากชาวบ้านที่ลี้ภัยมาจากหมู่บ้านชาวประมงนั่น นอกจากภาพเหมือนของคนเหล่านั้น ยังมีภาพเหมือนของศพคนจากนอกแผ่นดินอีก

แน่นอน!

นี่ก็คือผลงานอันยอดเยี่ยมที่หลานเยาเยาตั้งใจทำ

ครั้งแรกที่บรรดาขุนนางของประเทศเชียนหลิงเห็นภาพเหมือนของคนจากนอกแผ่นดิน แต่ละคนตื่นตกใจเป็นที่สุด

สิ่งที่ยิ่งใหญ่แข็งแกร่งเช่นนี้จะต้องต่อกรอย่างไร?

……

หลังจากนั้นไม่กี่วัน

เมืองโยวกวง

อ๋องเย่อยู่ในห้องหนังสือชั่วคราว

ทหารผู้หนึ่งในมือถือจดหมายหนึ่งฉบับ เดินมาอย่างรีบร้อน ทำมือเคารพต่อห้องหนังสือ:

“รายงานอ๋องเย่ ประเทศเชียนหลิงมีจดหมายมาขอรับ!”

ในห้องหนังสือมีเสียงทุ้มต่ำเหมือนกับไม่พอใจของอ๋องเย่ดังออกมา: “อืม!”

“ฉึบ” เสียงหนึ่ง

จื่อเฟิงออกมาจากที่ลับ หยิบจดหมายไปแทนเจ้านายของตัวเอง หลังจากโบกมือแสดงความหมายให้พลทหารจากไปแล้ว เคาะประตูห้องเบาๆสองสามครั้ง จึงได้เปิดประตูเข้าไป

ด้านในนอกจากเจ้านายของตัวเองแล้ว คุณหนูของตัวเองก็อยู่ในนั้น

คนหนึ่งนั่งถือพู่กันเขียนอักษรด้านหน้าโต๊ะทำงาน คนหนึ่งยืนข้างชั้นวางหนังสือพลิกเปิดหนังสือตำราพิชัยสงครามที่ถือในมือ เหมือนกับว่าพวกเขาไม่ได้พูดจากัน ทำให้คนรู้สึกอบอุ่นเป็นที่สุด

นี่ทำให้เขาอดนึกถึงเย็นหงขึ้นมาไม่ได้

นางไปที่ไหนแล้ว?

ทำไมวันนี้ไม่เห็นเงา?

จื่อเฟิงก็ไม่ได้อยู่นาน วางจดหมายลงก็จากไป แล้วถือโอกาสปิดประตูห้อง

ในห้องหนังสือ!

หลานเยาเยาวางหนังสือตำราพิชัยสงครามลง อดที่จะขยี้ตาไม่ได้ จากนั้นเดินมาด้านหน้าโต๊ะทำงาน สายตาตกอยู่บนจดหมายที่มาจากประเทศเชียนหลิง

เปล่งเสียงไม่พอใจเบาๆเล็กน้อย:

“จดหมายนี้มาได้รวดเร็วยิ่งนัก ดูเหมือนว่าประเทศเชียนหลิงจะตกลงแล้ว”

“นอกจากตกลง เขาไม่มีทางเลือก” เย่แจ๋หยิ่งเขียนหนังสือบนกระดาษขาวไปพลาง ตอบกับหลานเยาเยาไปพลาง

“ก็ถูก!”

หลานเยาเยาเห็นด้วยเป็นอย่างมาก

อย่างไรเสีย คนจากนอกแผ่นดินปรากฏตัวบนแผ่นดินประเทศของเขา หากว่าเขาไม่กล้าเสี่ยงอันตรายตอบรับการนัดหมาย รอให้คนจากนอกแผ่นดินกลุ่มใหญ่เข้ารุกราน ประเทศเชียนหลิงจะอยู่ในอันตราย

“”พวกเราจะไปชายฝั่งอู๋จื่อแห่งแม่น้ำจิ้งฮวาเวลาใด?”(ชายฝั่งอู๋จื่อ หมายถึงริมฝั่งที่ไม่มีจุดสิ้นสุด)

แม่น้ำจิ้งฮวามาจากปลายด้านหนึ่งของทะเล ทะลุผ่านแผ่นดินใหญ่ ไหลไปทางปลายอีกด้านหนึ่ง และริมฝั่งที่สิ้นสุด เป็นฝั่งแม่น้ำที่หนึ่งที่อยู่ใกล้ที่สุดกับสี่ประเทศมหาอำนาจพอดี อยู่ในอาณาเขตดินแดนของประเทศก่วงส้า

แม่น้ำผืนนั้นกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา เหมาะสมที่เรือขนาดใหญ่จะหยุดเทียบท่า อีกทั้งรอบๆฝั่งแม่น้ำไม่มีป่าทึบ และไม่มีเศษหินสิ่งของที่ไม่เป็นระเบียบรกวุ่นวาย ยิ่งไม่มีถ้ำภูเขา

ทันทีที่มองออกไป สามารถเห็นทั้งหมดได้

หนึ่งประโยคโดยสรุป ไม่สามารถซ่อนทหารได้ ไม่ว่าจะให้คนของประเทศก่วงส้าหรือคนของประเทศอื่นที่ได้รับเชิญมาที่นี่ ก็ล้วนรู้สึกได้ว่าปลอดภัยเป็นอย่างมาก

เลือกสถานที่แห่งนี้ ฉลาดเป็นที่สุด

ยังสามารถแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของอ๋องเย่ได้อีกด้วย!