จากมณฑลเหลียงไปจนถึงสุดแดนเถ้ากระดูกยู่ฉางตงที่มีพลังอวตารดอกบัวเจ็ดกลับพร้อมกับจี้เหลียงจะต้องใช้เวลาเดินทางกว่าสิบวัน ถ้าหากไม่มีจี้เหลียงยู่ฉางตงก็คงจะต้องใช้เวลาเดินทางเป็นสองเท่า นอกจากนี้ยู่ฉางตงที่มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบหลังจากที่สังหารเจ้าสํานักแห่งความบริสุทธิ์อย่างจางหยวนฉาน ได้ก็ใช้เดินทางต่อไปยังสุสานเมล็ล็อตโดยใช้เวลาถึงเจ็ดวัน
ถ้าหากใครสักคนเดินทางด้วยความเร็วเต็มพอกัดของผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบ คนคนนั้นก็คงจะใช้เวลาเดินทางจากถั่วหลานไปถึงมณฑลเหลียงได้โดยใช้เวลาห้าวัน แต่ถ้าหากเป็นความเร็วของผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบคงจะใช้เวลาเดินทางเพียงแค่สองวันเท่านั้น
หลังจากที่ผ่านไปหนึ่งวันมันก็นานพอแล้วที่กองกําลังของพันธมิตรดินแดนทั้งเจ็ดจะสังหารหมู่ชาวมณฑลเหลียง มณฑลยี และแม้แต่มณฑลยู่เองก็ตาม!
ลู่โจวไม่ได้สนใจอะไรเจียงเหวินซู เขายังคงใช้พลังฝ่ามือพาเจียงเหวินซูเดินทางไปต่อ เมื่อเดินทางด้วยร่างอวตาร ทั้งพลังและความเร็วในการเคลื่อนที่ก็เพิ่มขึ้นจนถึงขีดสุด
“เจ้าน่ะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับข้าหรอก” สู่โจวเริ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วด้วยสุดยอดเคล็ดวิชาแห่งการเคลื่อนย้าย เพียงแค่การเคลื่อนไหวครั้งเดียวก็มากพอแล้วที่จะทําให้เขาเคลื่อนไหวไปได้ไกลกว่าหลายพันเมตร!
ภาพรอบตัวกลายเป็นเพียงภาพเบลอ สีของท้องฟ้าดูคล้ายกับถูกบิดเบือนไป เจียงเหวินซูไม่สามารถมองเห็นภาพรอบตัวได้เลย
เจียงเหวินซูสั่นสะท้านไปทั่วร่าง แม้แต่ผู้ที่ฝึกฝนวรยุทธภายใต้ดินแดนของดอกบัวสีแดงก็ยังไม่สามารถปลดปล่อยสุดยอดเคล็ดวิชาอย่างไม่หยุดหย่อนแบบนี้ได้! เจียงเหวินซูได้แต่เก็บค่าเยาะเย้ยที่เคยพูดไว้ไป ชายคนนี้ไม่ใช่มนุษย์ เขาเป็นสัตว์ประหลาดมากกว่า!
เป็นอย่างที่เจียงเหวินซูพูดทุกอย่าง เมืองมณฑลเหลียงกําลังถูกไฟแห่งการต่อสู้เข้ากลืนกิน
หวางซื่อเจียได้เรียกพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบก่อนที่จะกวาดล้างชนเผ่าอื่นที่ด้านนอกกําแพง แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่หวางซื่อเจียก็ไม่อาจรับมือกับการต่อสู้ที่ยืดเยื้อได้
ปีกขนาดใหญ่ของสีว์หยาโบกไปมาในอากาศ ด้วยเข็มพลังงานที่ส่วหยามทําให้ตัวเขาจัดการกับผู้ฝึกยุทธกว่าหลายสิบคนได้ในพริบตา “ถอยเร็วเข้า! ปกป้องชาวเมืองเอาไว้ พวกเราจะถอยกลับไปยังทางใต้ของมณฑลย!
“เข้าใจแล้ว”
ผู้ฝึกยุทธแห่งดินแดนหยานได้ใช้พลังอวตารที่ตัวเองมีเพื่อสร้างกําแพงเอาไว้ มันเป็นการปก ป้องเมืองรูปแบบหนึ่ง
เจียงอาเฉียนมีหน้าที่กวาดล้างศัตรูบนกําแพงเมือง ดาบคีตะมังกรของเขากําลังเชือดเฉือนไปที่คอของชนเผ่าอื่นอย่างไม่หยุดพัก
“เจ้าพวกสารเลว!” เจียงอาเฉียนที่จัดการศัตรูคนแล้วคนเล่าได้ถ่มน้ําลายใส่ เขามองลงมาอย่างเยือกเย็นไปที่รถม้าลอยฟ้าทั้งเจ็ดที่กําลังลอยอยู่
รถม้าลอยฟ้าทั้งเจ็ดที่กําลังลอยมาเป็นของดินแดนบ่อฟู ฉีกง ซูเฉิน ชางก็ จง จู่อิง และรู่เซียน
การโจมตีครั้งนี้เป็นการโจมตีครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
แม้ว่าสวี่หยาจะฉลาดกว่าคนส่วนใหญ่ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกองกําลังพันธมิตรทั้งหมดเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกซะจากต้องล่าถอยกลับมา
“พวกเราจะต้องจัดการกับพวกมันทั้งหมดได้แน่…” เจียงอาเฉียนบินขึ้นไปในอากาศอีกครั้ง
ยอดฝีมือจากกองถ่าลังพันธมิตรทั้งเจ็ดเองก็บินขึ้นมาเช่นกัน
ผู้ฝึกยุทธจากดินแดนหยานหลายคนถูกจัดการเป็นครั้งคราว
“ศิษย์น้องรอง ถอยไปซะ” เมื่อเจียงอาเฉียนสังเกตเห็นหลี่จึงยี่กําลังต่อสู้อยู่ใกล้ๆ เขาก็ได้แต่เรียกชื่อนาง
“ข้าไม่เป็นไร” หลี่จึงยี่ตอบกลับ
ผู้ฝึกยุทธจากดินแดนหยานลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ผู้ฝึกยุทธกว่าครึ่งถูกจัดการไปอย่างรวดเร็ว จนถึงตอนนี้รถม้าลอยฟ้าของดินแดนทั้งเจ็ดได้ลอยอยู่เหนือเมืองมณฑลเหลียงแล้ว
สีรู่หยารีบออกคําสั่ง “เปิดใช้งานเขตแดนพลังซะ!”
ซูวว!
สิ้นสุดเสียงของสีว์หยา ม่านพลังก็ปรากฏขึ้นเหนือเมืองมณฑลเหลียงม่านพลังได้แยกผู้ฝึกยุทธฝ่ายศัตรูออกจากเมืองแห่งนี้
“ม่านพลังต้านไม่ได้นานแน่ พวกเรารีบถอยเร็วเข้า!”
เมื่อต้องพบกับม่านพลังกองกําลังจากรถม้าลอยฟ้าทั้งเจ็ดก็มีท่าทีที่เปลี่ยนไป ทุกคนดูเหมือนจะบ้าคลั่งปลดปล่อยพลังอย่างเต็มที่ก่อนที่จะเข้าปะทะกับม่านพลัง
ตุ้ม! ตุ้ม! ตุ้ม!
รถม้าลอยฟ้าทั้งเจ็ดคันได้ชนเข้ากับม่านพลัง
พลังที่เกิดจากการปะทะได้กระจายไปทั่วม่านพลังบนท้องฟ้า
ผู้ฝึกยุทธจากดินแดนหยานที่เห็นแบบนั้นสับสน
เจียงอาเฉียนที่รู้สถานการณ์พอสมควรตะโกนขึ้น “ข้าได้สอดส่องพวกมันมาแล้ว ดินแดนทั้งเจ็ดเตรียมพร้อมทุกอย่างก็เพื่อที่จะโจมตีพวกเรา”
สีว์หยามองไปที่รถม้าลอยฟ้าทั้งเจ็ดคัน “ใครจะไปคิดกันว่าเจ้าพวกนั้นจะรวมหัวกันโจมตีพวกเราเร็วแบบนี้”
ซ่ฮ่องกงแสดงความเห็นอย่างเชื่องช้า “จะไปสนพวกมันทําไม? พวกเราควรจะหนีเลยไหมศิษย์พี่?”
ผู้ฝึกยุทธในดินแดนหยานส่วนใหญ่มีพลังเพียงแค่ขั้นศักดิ์สิทธิ์ การที่จะปกป้องเมืองที่ถูกกลุ่มยอดฝีมือโจมตีไม่ใช่เรื่องง่าย
ตัวนมู่เฉิงขมวดคิ้วก่อนจะโต้ตอบกลับไป “หุบปาก!”
ซ่ฮ่องกงได้แต่ก้มหน้า
ถ้าหากพวกเขายอมทิ้งเมืองและปล่อยให้ชาวเมืองต้องแบกรับชะตากรรมอันเลวร้ายไป ทุกสิ่งที่สํานักอเวจีได้ลงมือทําลงไปก็จะสูญเปล่า สุดท้ายแล้วก็จะไม่มีใครยอมรับพวกเขา
ซู่เทียนหยวนพ่อของซูฮ่องกงพูดขึ้น “การต่อสู้ระหว่างสํานักอเวจีและเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ สร้างความเสียหายเอาไว้มากจนเกินไป…ถ้าหากแม่ทัพใหญ่ทั้งแปดยังอยู่ที่นี่ พวกเราก็มีโอกาสที่จะโต้กลับได้แน่ ตอนนี้พวกเราแทบที่จะไม่มีโอกาสชนะได้เลย”
ส่วหยาพูดต่อ “นี่ไม่ใช่เวลาที่จะเอาชนะศัตรูด้วยตัวเอง ขวัญและกําลังใจเป็นสิ่งสําคัญ อย่าพาคนอื่นเสียขวัญ รีบถอยทัพต่อไปซะ”
“อืม ถ้าหากศิษย์พี่ใหญ่และศิษย์พี่รองอยู่ที่นี่ด้วย เจ้าพวกนี้ก็คงจะทําอะไรไม่ได้แน่!” ซ่ฮ่องกงพูด
“สนใจกับการถอยทัพซะ…ข้าส่งจดหมายไปที่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์แล้ว ศิษย์พี่หกและคนอื่นๆกําลังมาช่วยพวกเรา ข้าหวังว่าสํานักอื่นๆ จะยอมมองข้ามความขัดแย้งและช่วยพวกเราเพื่อรับมือกับศัตรู” สีรู่หยาพูด
“พวกเราก็คงจะได้แต่หวังแบบนั้น”
ถัดจากสีว์หยามีหยวนเอ๋อและหอยสังข์กําลังยืนอยู่
หอยสังข์มองไปยังรถม้าลอยฟ้าทั้งเจ็ดที่กําลังส่งเสียงดังสนั่น
“ข้าเองก็จะช่วยด้วย” หอยสังข์หยกขลุ่ยยกหลานเทียนออกมา
“เจ้า?” เจียงอาเฉียนส่ายหัว “สาวน้อย เจ้าอย่าทําให้พวกเราลําบากจะดีกว่าพานางถอยไปซะเถอะ”
หอยสังข์ไม่ได้ฟังคําแนะนําของเจียงอาเฉียน นางยกขลุ่ยหยกหลานเทียนขึ้นก่อนที่จะทาบมันบนริมฝีปากของตัวเอง
ในตอนนั้นพลังงานสีแดงก็ได้ปรากฏขึ้น มันเป็นพลังที่ปรากฏมาตามคลื่นเสียง กระแสพลังงานสีแดงยังคงแผ่ออกไป มันเป็นพลังที่มาพร้อมกับเสียงขลุ่ยอันไพเราะ
เมื่อสว่หยาเห็นแบบนั้นเขาก็ได้แต่อุทานออกมาด้วยความตกใจ “นี่มันพลังสีแดง!”
ผู้ฝึกยุทธจากดินแดนหยานก็สังเกตเห็นสิ่งนี้เช่นกัน ทุกคนกําลังเฝ้ามองไปที่เด็กสาวตัวเล็กๆ และพลังแห่งท่วงทํานองจากขลุ่ยหยกหลานเทียน
“พลังงานสีแดง?”
แม้แต่ศิษย์ร่วมศาลาปีศาจลอยฟ้าก็ยังตกใจเมื่อเห็นสิ่งนี้
การใช้เสียงเป็นหนึ่งในวิธีการสุดดั้งเดิมที่จะใช่โจมตีพื้นที่เป็นวงกว้างได้
เมื่อพลังงานสีแดงลอยไปถึงรถม้าลอยฟ้าทั้งเจ็ด ผู้ฝึกยุทธที่ไม่ได้มีพลังมากมายอะไรรู้สึกเจ็บปวด หลายคนเสียการทรงตัวก่อนที่จะตกลงสู่พื้น
แต่สําหรับผู้ฝึกยุทธระดับสูงพวกเขาไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย
หยวนเอ่อที่เห็นแบบนั้นปรบมือก่อนจะพูดขึ้น “หอยสังข์ ดีมาก! เจ้าจะต้องทํามันได้แน่! รถม้าลอยฟ้ากําลังเสียการทรงตัวแล้ว!”
รถม้าลอยฟ้าทั้งเจ็ดเริ่มเปลี่ยนคนควบคุมรถม้า
ไม่นานหลังจากนั้นยอดฝีมือหลายคนก็บินออกมาก่อนที่จะเรียงตัวกันเป็นแถว
พลังอวตารราชันย์สิงโต ราชันย์งู ราชันย์วัว และพลังอวตารอื่นๆปรากฏตัวขึ้น
เหล่ายอดฝีมือได้รวมตัวกันก็เพื่อที่จะปล่อยคลื่นเสียงโจมตีกลับไป เมื่อคลื่นเสียงของเหล่ายอดฝีมือปะทะเข้ากับพลังงานสีแดง พลังทั้งหมดก็แตกสลายไปในทันที ในที่สุดเสียงก็เงียบดับลง
อีก!
หอยสังข์กระอักเลือด!
“ศิษย์น้องเล็ก!”
ทุกๆ คนต่างก็โคจรพลังให้กับหอยสังข์
หลังจากที่รักษาตัวได้แล้วใบหน้าของหอยสังข์ก็ซีดลงจนน่ากลัว พลังวรยุทธของนางต่าจนเกินไป ดวยพลังวรยุทธที่มีทําให้นางไม่สามารถป้องกันการโจมตีของผู้ฝึกยุทธจํานวนมากในเวลาเดียวกันได้
ผู้ฝึกยุทธคนหนึ่งรีบเร่งความเร็วมาหาทุกคนจากด้านหลัง “รายงาน คนอื่นๆ ได้ออกจากเมืองไปเรียบร้อยแล้ว พวกเขาทุกคนถูกส่งไปกับรถม้าลอยฟ้าทั้งสามคัน”
“ดีมาก ทุกคนถอยได้!”
ผู้ฝึกยุทธจากดินแดนหลานเป็นพวกสุดท้ายที่ออกจากมณฑลเหลียง
ยอดฝีมือจากดินแดนทั้งเจ็ดสังเกตเห็นรถม้าลอยฟ้าที่กาลังจะจากไป เมื่อเห็นแบบนั้นทุกคนก็เรียกพลังอวตารก่อนที่จะพุ่งใส่ชาวดินแดนหยาน
“จะไม่มีใครหนีไปไหนได้ทั้งนั้น!”
พลังอวตารเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว
ยอดฝีมือจากทั้งเจ็ดดินแดนมองมายังผู้ฝึกยุทธดินแดนหยานจากทางด้านบน
“แล้วตอนนี้พวกเราจะทํายังไงต่อ?” ซ่ฮ่องกงถาม
“พวกเราจะชงชาให้มันล่ะมั้ง! คําถามของเจ้ามันช่วยหยุดพวกนั้นไม่ได้หรอกนะ!” ตัวนมู่เฉิง ตอบกลับไปอย่างโกรธเคือง
“ข้าขอโทษด้วยที่เกิดมาโง่เง่า ถ้าหากข้าฉลาดเหมือนพวกท่าน ข้าก็คงจะไม่ถามแล้ว”
สีรู่หยาตอบกลับ “ซูฮ่องกงเจ้ารับผิดชอบสักทาง แม่นางหลี่จึงยี่และเจียงอาเฉียนจะรับผิดชอบอีกทาง ผู้อาวุโสหวางซื่อเจียจะรับผิดชอบอีกทางด้วยตัวเดียว…ส่วนศิษย์พี่สามกับข้าจะรอสถานการณ์ฉุกเฉิน ทุกคนที่เหลือถอยไปทางตะวันออกซะ”
“ตกลง” เสียงของสีว์หยายังไม่ทันที่จะจางหายไป ในตอนนั้นเอง…
ตุ้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ม่านพลังบนท้องฟ้ามณฑลเหลียงแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เมื่อต้องพบกับยอดฝีมือจํานวนมากม่านพลังก็ถูกทําลายไปอย่างรวดเร็ว
“แบบนี้แย่แน่! พวกเราจะต้องแพ้แน่!”
ตอนต่อไป →