สำหรับเจียงซื่อแล้วเด็กชายผู้เคลื่อนย้ายศพเป็นเพียงเรื่องที่แทรกเข้ามาเท่านั้น ไม่นานมันก็ผ่านไป ซึ่งนางได้ยินจากหลงต้านแล้วว่าเด็กชายคนนั้นชื่ออวิ๋นชวน
ทว่าตั้งแต่ออกเดินทางมาจนถึงตอนนี้ ไม่ว่าจะคนเป่ยฉีสองคนนั้นหรือว่าเด็กชายผู้เคลื่อนย้ายศพ ด้านผู้อาวุโสฮวาล้วนไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมาทั้งสิ้น นางคิดอยู่ในใจเพียงเรื่องเดียว รีบพาตัวเจียงซื่อกลับไปที่เผ่า
ในที่สุดทุกคนก็เดินทางมาถึงเมืองเล็กๆ ในเขตชายแดน
เมื่อเทียบกับเมืองหลวงเมืองที่เต็มไปด้วยความมั่งคั่ง เจริญรุ่งเรือง เมืองเล็กๆ แห่งนี้เรียบง่ายกว่ามาก คนไปมาหาสู่กันขวักไขว่ มีทั้งผู้ที่สวมเสื้อผ้าอาภรณ์ของชาวต้าโจว และมีสตรีสวมกระโปรงเอวสูงสีสันสดใส เต็มไปด้วยบรรยากาศความหลากหลายของเชื้อชาติ
หลงต้านเคยมาที่เมืองนี้ จึงเดินมาข้างรถม้าแล้วเอ่ยพูดกับเจียงซื่อออกไป “ถึงแม้ว่าที่นี่จะเป็นเมืองเล็กๆ ของเมืองต้าโจว ทว่าทั้งคนดีและเลวต่างอยู่ปะปนกันไปหมด มีผู้คนต่างชนเผ่ามากมายมาค้าขายแลกเปลี่ยนเสบียงกับคนต้าโจวที่นี่ขอรับ”
เจียงซื่อมองไปที่ผู้อาวุโสฮวา “เผ่าอูเหมียวอยู่ไม่ไกลจากนี่แล้วสินะ”
ผู้อาวุโสฮวาพยักหน้าลง ท่าทางโล่งใจราวกับได้ยกภูเขาออกจากอก “อีกไม่ไกลแล้ว ข้าจองที่พักไว้แล้ว พวกเราไปถึงค่อยว่ากัน”
เจียงซื่อยิ้มออกมา “ดูเหมือนผู้อาวุโสฮวาจะมั่นใจแต่ต้นเลยนะว่าข้าจะตามมา”
ผู้อาวุโสฮวาเลิกคิ้วขึ้น เอ่ยเตือน “มาถึงที่นี่แล้ว เรียกข้าว่าฮวาวั่วเช่นเดิมเถอะ ป้องกันไม่ให้ตัวตนถูกเปิดเผย”
เมื่อเห็นผู้อาวุโสฮวาเลี่ยงตอบคำถาม เจียงซื่อก็ไม่ได้ใส่ใจ ได้แต่พยักหน้ารับ
ภายใต้การบอกทางของผู้อาวุโสฮวา รถม้าเคลื่อนตัวไปได้สักพักก็หยุดลงที่หน้าโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง
“ที่นี่แหละ” ผู้อาวุโสฮวาลงจากรถม้าไปก่อน
ทั้งสี่เข้าไปยังห้องที่จองไว้ ผู้อาวุโสฮวาชำเลืองมองหลงต้านและเหล่าฉินแวบหนึ่ง เอ่ยขึ้น “ข้าจะกลับไปที่เผ่าก่อน พวกเจ้ารอสักครึ่งวัน”
“ครึ่งวันก็พอแล้วหรือ” หลงต้านถาม
“พอแล้ว ก่อนหน้าที่ข้าจะกลับมา พวกเจ้าอย่าได้เดินเพ่นพ่านออกไปไหนจะดีที่สุด โดยเฉพาะพระชายาอ๋องจำเป็นจะต้องรออยู่ในห้อง”
เจียงซื่อตอบรับด้วยท่าทีสงบเงียบ “ฮวาวั่วรีบไปรีบกลับเถอะ”
หลังจากที่ผู้อาวุโสฮวาเดินจากไป เจียงซื่อก็เอ่ยพูดกับหลงต้าน “รอผู้อาวุโสฮวากลับมาพาข้าไปที่เผ่าอูเหมียว เจ้ากับเหล่าฉินจะต้องถูกปล่อยทิ้งไว้ที่นี่แน่นอน…”
หลงต้านพูดแทรกเจียงซื่อออกมา “ไม่ได้นะขอรับ!”
เหล่าฉินขมวดคิ้วแน่น พูดออกมาสั้นๆ ได้ใจความ “มันเสี่ยงอันตรายนะขอรับ”
เจียงซื่อยิ้มออกมา “ไม่ถือว่าเสี่ยงอันตรายหรอก อีกฝ่ายเป็นคนขอร้องข้า แน่นอนว่าจะต้องรักษาความปลอดภัยของข้า”
“หลังจากเสร็จเรื่องที่ขอไว้ล่ะขอรับ” หลงต้านเอ่ยถาม
“หลังจากเสร็จแล้ว…” เจียงซื่อมองออกไปด้านนอกหน้าต่าง
ที่นี่แตกต่างจากเมืองหลวงที่อากาศหนาวเย็นโดยสิ้นเชิง อากาศอุ่นกว่ามาก เป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งที่เมื่อชำเลืองมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วได้เห็นสีเขียวชะอุ่มละลานตา
เจียงซื่อหยิบจดหมายออกมาจากแขนเสื้อฉบับหนึ่ง ยัดใส่มือหลงต้าน “หลังจากเสร็จเรื่อง บางทีอาจจะยุ่งยากเล็กน้อย แต่ว่าข้าจะพยายามจัดการอย่างเต็มที่ เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องเหล่านี้ รอหลังจากที่ข้าตามผู้อาวุโสฮวาไปแล้ว ให้ไปหาท่านอ๋องแล้วนำจดหมายฉบับนี้ให้เขา”
อวี้จิ่นลงมาทางใต้เพื่อตามหาศพของเจียงจั้น ดูเหมือนว่าสองสามีภรรยาจะอยู่ไม่ไกลกันนัก
แน่นอนว่าเจียงซื่อไม่มีทางปิดบังการเดินทางของนางกับอวี้จิ่น สำหรับนางแล้วอวี้จิ่นเป็นคนที่ใกล้ชิดกับนางมากที่สุด
หลงต้านมองจดหมายในมือ พูดไม่ออกเลยว่าอยากจะตามเจียงซื่อเข้าไปในเผ่าอูเหมียวด้วยคน
เขาก็เคยอาศัยอยู่ที่ดินแดนทางใต้มาก่อน เนื่องจากเขาติดตามอวี้จิ่นไปทุกที่ จึงเคยพูดคุยเจรจากับคนในเผ่าอูเหมียว และทราบกฎที่แปลกประหลาดเหล่านั้นของเผ่าอูเหมียวอย่างดี
แทนที่จะตามพระชายาอ๋องไปเผ่าอูเหมียวแล้วถูกขัดขวาง เขาไปจัดการเรื่องที่พระชายาอ๋องฝากฝังไว้ให้เสร็จดีกว่า ให้เจ้านายได้ทราบว่าพระชายาอ๋องมาถึงแล้ว
“แล้วเหล่าฉินล่ะขอรับ” อย่างไรก็ตามเขาไม่วางใจให้เจียงซื่อไปเผ่าอูเหมียวคนเดียวอยู่ดี หลงต้านจึงถามออกไป
เจียงซื่อเหลือบมองเหล่าฉิน ยิ้มพูดขึ้น “เหล่าฉินต้องช่วยข้าจับตาดูคนคนหนึ่งไว้”
“ผู้ใดขอรับ” ครั้งนี้ เหล่าฉินกับหลงต้านล้วนพูดออกมาพร้อมกัน
เจียงซื่อชี้มาที่หน้าของตัวเอง เอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำ “อาฮวาตัวจริง”
จากท่าทางที่ระมัดระวังและแทบอดใจรอไม่ไหวที่จะพานางกลับไปยังเผ่าอูเหมียว แต่ตอนนี้กลับปล่อยนางไว้ที่โรงเตี๊ยมแล้วกลับไปคนเดียว เจียงซื่อเดาเจตนาของนางออกทันที
รอถึงตอนผู้อาวุโสฮวากลับมา คงจะไม่มาคนเดียวแน่
หลงต้านยังไม่เข้าใจ จึงเอ่ยทวนซ้ำออกไป “อาฮวาตัวจริงงั้นหรือ”
เจียงซื่อชายตามอง แสยะยิ้มพูดออกมา “ใช่ แม่นางอาฮวาตัวจริง”
หลงต้านยิ้มแห้งพูดอธิบาย “นี่เป็นชื่อที่ไม่ควรเรียกท่านต่อหน้าคนอื่นไม่ใช่หรือขอรับ”
พระชายาอ๋องยังเรียกเขาว่าอาหลงเลย ได้คำนึงถึงความปลอดภัยของเขาบ้างไหมนะ
เจียงซื่อทำหน้าขรึม “เหล่าฉิน ถ้าหากว่าผู้อาวุโสฮวาพาอาฮวากลับมาด้วย เจ้ากับหลงต้านก็แสร้งทำเป็นกลับไปด้วยกันแล้วซุ่มจับตาดูอาฮวาไว้”
เหล่าฉินพยักหน้าลงอย่างเอาจริงเอาจัง
ทั้งสามรอจนถึงพลบค่ำ ในที่สุดผู้อาวุโสฮวาก็กลับมา
หลงต้านชำเลืองมองด้านหลังผู้อาวุโสฮวา แต่กลับพบว่าไม่มีใครสักคน
เขาหันไปมองเจียงซื่ออย่างอดไม่ได้
เจียงซื่อรอผู้อาวุโสฮวาเอ่ยปากพูดออกมาก่อนด้วยท่าทางนิ่งเฉย
“ขอท่านทั้งสองหลีกไปก่อน ข้ามีเรื่องต้องคุยกับพระชายาอ๋องเป็นการส่วนตัว”
ภายใต้การแสดงเจตนาที่ชัดเจน หลงต้านกับเหล่าฉินจึงย้ายไปอยู่ห้องข้างๆ
เจียงซื่อดื่มชาไปหนึ่งอึก ท่าทางสงบเสงี่ยม “ฮวาวั่ว พวกเราไปได้หรือยัง”
ผู้อาวุโสฮวานั่งลง รินชาให้ตัวเอง ดื่มไปอึกหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้น “ข้าพาอาฮวามาแล้ว”
เจียงซื่อเลิกคิ้วขึ้น ไม่พูดไม่จา
ผู้อาวุโสฮวาพูดต่อ “แต่อาฮวาไม่ทราบเรื่องที่ข้ามาหาเจ้าเพื่อให้สวมรอยเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ของเผ่า”
เจียงซื่อประหลาดใจ “ผู้อาวุโสฮวาจะปิดบังอาฮวาเรื่องนี้หรือ”
ผู้อาวุโสฮวาเผยรอยยิ้มจนปัญญาออกมา “พระชายาคงยังไม่ทราบตำแหน่งของสตรีศักดิ์สิทธิ์ในใจของชนเผ่าข้า หากให้อาฮวารู้ว่ามีคนสวมรอยเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ อาจก่อให้เกิดความโกลาหลได้ง่าย”
“เป็นเช่นนี้นี่เอง” เจียงซื่อแสดงสีหน้าคลับคล้ายคลับคลาว่าเข้าใจ
ผู้อาวุโสฮวาเอ่ยกำชับออกมา “เช่นนั้นพระชายาอ๋องอย่าได้ไปพบอาฮวาเลย ข้าจะพาท่านแอบออกไปเงียบๆ”
“อาฮวาที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย จะอยู่ที่โรงเตี๊ยมคนเดียวได้หรือ”
“พระชายาอ๋องไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ไป” เห็นได้ชัดว่าผู้อาวุโสฮวาไม่ยอมให้เจียงซื่อรู้มากเกินไป
เจียงซื่อยิ้มไม่ถือสา “เช่นนั้นหลงต้านกับเหล่าฉิน…”
ผู้อาวุโสฮวาพูดขัดออกมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “พวกเขาไปด้วยไม่ได้”
ถึงแม้เจียงซื่อจะเดาได้แต่แรกและวางแผนไว้แล้ว ทว่าตอนนี้กลับแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา “ผู้อาวุโสฮวาไม่ยอมให้ข้าพาคนของข้าไปด้วย แล้วจะรับประกันความปลอดภัยของข้าได้อย่างไร”
“ข้าเข้าใจว่าพระชายาอ๋องกังวล แต่หากพวกเขาไปมันก็จะดึงดูดความสนใจจากผู้คน หากอธิบายไม่ชัดเจนเรื่องที่มาที่ไปของพวกเขาอาจจะทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้ง่าย พระชายาอ๋องก็คงไม่อยากให้เกิดอุปสรรคหรอกใช่หรือไม่”
เจียงซื่อเงียบไปนาน พยักหน้าลง “ก็ได้ ทิ้งพวกเขาไว้ที่นี่ หวังว่าผู้อาวุโสฮวาจะไม่ลืมคำสาบานที่ให้ไว้”
ผู้อาวุโสฮวาเผยรอยยิ้มออกมา “แน่นอน พระชายาอ๋องวางใจได้เลย ท่านบอกพวกเขาเองแล้วกัน”
หลังจากนั้นไม่นาน เจียงซื่อกับผู้อาวุโสฮวาก็ออกไปจาโรงเตี๊ยมเงียบๆ มุ่งหน้าไปยังเผ่าอูเหมียว
เผ่าอูเหมียวอยู่ไม่ไกลจากเมืองเล็กๆ แห่งนี้มากนัก เมื่อตะวันตกดิน เหลือเพียงแสงสีแดงเรืองรองสาดส่องอยู่ที่ขอบฟ้าทางทิศตะวันตก ทั้งสองมาถึงปากทางเข้าหมู่บ้านแล้ว
เมื่อยืนอยู่ตรงหน้าหมู่บ้านที่คุ้นเคย ความรู้สึกคิดถึงฉายผ่านขึ้นมายังนัยน์ตาของเจียงซื่อ
นางเคยอยู่ที่นี่ รู้จักกับอวี้ชี จากนั้นก็กลายมาเป็นพระชายาของเขา
ทว่าชีวิตนั้นไม่เที่ยง ชาติภพที่แล้วและชาติภพนี้ นางกลับมาที่นี่อีกครั้งในฐานะสตรีอีกท่านหนึ่งนามว่าอาฮวา
ขณะที่ประตูหมู่บ้านกำลังจะปิดลง พอคนเฝ้าประตูเห็นผู้อาวุโสฮวาก็ยิ้มพร้อมกับเอ่ยทักทาย “ทำไมท่านถึงกลับมาเร็วจัง ไม่พาอาฮวาไปเดินเล่นในเมืองนานกว่านี้หน่อยล่ะ”
“ซื้อของเสร็จแล้ว” ผู้อาวุโสฮวาตอบออกไปลวกๆ แล้วพาเจียงซื่อเดินเข้าไป