บทที่ 679 เดินเล่นในสวนสาธารณะ
บทที่ 679 เดินเล่นในสวนสาธารณะ
อ๋องอู๋ย้ำกับตัวเองอย่างต่อเนื่อง แต่ในขณะเดียวกัน ความคิดหลายอย่างก็เริ่มออกมาจากมุมที่มืดมิดที่สุดในหัวใจ ทำให้จิตใจยุ่งเหยิง
เขาดื่มสุราอีกจอกเพื่อระงับอารมณ์
อ๋องเหลียงยิ้มเมื่อเห็นพฤติกรรมการดื่มของอ๋องอู๋ “ดูเหมือนว่าเสี่ยวเหยียนจะอารมณ์ดีในวันนี้!”
อ๋องอู๋ยิ้มขอโทษ “สำหรับข้า นี่เป็นโอกาสที่หายากที่จะได้ร่ำสุรากับท่านลุง ข้าจึงรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย”
อ๋องเหลียงพูดพร้อมกับหัวเราะ “เสี่ยวเหยียนช่างกตัญญูจริง ๆ เอาไว้เมื่อข้ากลับไปถึงเมืองหลวงเมื่อไหร่ ข้าจะแจ้งให้ทุกคนทราบเกี่ยวกับความดีความชอบของเจ้า”
…
ในขณะเดียวกัน อวิ๋นอวี้ชิงเรียกสาวใช้เผ่าปีศาจของนางและมุ่งหน้าไปยังเรือนคุมขังชั่วคราว
นางเคยทำเช่นนี้มาแล้วเมื่อวานนี้ ดังนั้นเมื่อไปถึงอีกครั้งก็เหมือนการเดินเล่นในสวนสาธารณะ
ทหารที่เฝ้าอยู่เหล่านั้นต่างตกอยู่ภายใต้อำนาจเนตรปีศาจของนางอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
เมื่อนางแน่ใจว่าพวกเขาทั้งหมดถูกควบคุมแล้ว อวิ๋นอวี้ชิงจึงให้เหล่าสาวใช้ทั้งหมดยืนเฝ้าอยู่ข้างนอก ส่วนนางก็เข้าไปคุยกับซูอันคนเดียว
ซูอันถอนหายใจด้วยความชื่นชมในขณะที่เขาดูอวิ๋นอวี้ชิงเดินเข้ามาหาภายใต้แสงจันทร์อย่างช้า ๆ ร่างกายของนางดูเหมือนจะเปล่งประกายสว่างเรืองรองดุจเทพธิดา “พระชายาอู๋ ท่านแน่ใจเหรอว่ามาจากเผ่าพันธุ์ปีศาจ ไม่ใช่เทพธิดาจากสวรรค์?”
อวิ๋นอวี้ชิงซึ่งกำลังหม่นหมอง เมื่อได้ยินเช่นนี้นางจึงฝืนยิ้มจาง ๆ “เผ่าพันธุ์ปีศาจของเรานั้นแตกต่างจากความเข้าใจของเผ่ามนุษย์ ใครบอกว่าสมาชิกของเผ่าปีศาจต้องชั่วร้าย?”
“ดียิ่งแล้วที่ภูมิใจในความดีของตัวเอง” ซูอันตรวจสอบใบหน้าที่ไร้ตำหนิของนางอย่างระมัดระวัง “โอ้? วันนี้ พระชายาดูเหมือนจะแต่งกายและแต่งหน้างดงามเป็นพิเศษ”
อวิ๋นอวี้ชิงถอนหายใจ มันไม่ใช่ความต้องการของนาง แต่สามีของนางได้ส่งสาวใช้มาช่วยแต่งเนื้อแต่งตัวให้นางราวกับตุ๊กตา เมื่อนึกถึงเรื่องนี้หัวใจของนางก็ชืดชา
“นายน้อยซูล้อเล่นแล้ว ข้าก็แต่งตัวแบบนี้เป็นปกติ ไม่มีอะไรแตกต่างไป” นางไม่เต็มใจที่จะยอมรับเรื่องนี้
ซูอันไม่สนใจ “คนสวยมักมั่นใจในตัวเองเสมอ เอาล่ะ เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า ในเมื่อท่านเลือกมาที่นี่ในวันนี้ มันก็แสดงว่าท่านกับสามีตัดสินใจได้แล้วใช่ไหม?”
อวิ๋นอวี้ชิงสูดหายใจเข้าลึกเพื่อสงบสติอารมณ์ จากนั้นนางก็กล่าวว่า “เราสามารถสัญญากับเจ้าได้ว่าตระกูลฉู่จะไม่ถูกรุกราน และเรายังสามารถรับประกันความเจริญรุ่งเรืองของพวกเขา”
“นี่คือเงื่อนไขที่พวกท่านคิดขึ้นหลังจากคุยกันทั้งวัน?” ซูอันพ่นลมหายใจ “ทุกคนก็รู้ว่าข้าไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลฉู่อีกต่อไปแล้ว และถึงแม้ว่าข้าจะยังเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลฉู่ เหตุใดข้าถึงต้องคิดเรื่องไร้สาระเมื่อข้าตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ด้วย?
“เจ้าไม่จำเป็นต้องแสร้งทำเป็นไม่สนใจ ถ้าเจ้าไม่สนใจจริง ๆ แล้วทำไมเจ้าถึงเสียสละตัวเองเพื่อช่วยตระกูลฉู่ในตอนนั้น? ในเมื่อเจ้าจะหลบหนีไปเมื่อไหร่ก็ได้” อวิ๋นอวี้ชิงกล่าว
“ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วทำไมล่ะ? ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดข้าก็เคยช่วยตระกูลฉู่ไปแล้วครั้งหนึ่ง ข้าไม่สามารถดูแลพวกเขาตลอดไปได้ใช่ไหม? ข้าไม่ได้เป็นแม่บังเกิดเกล้าของพวกเขานี่” ซูอันตอบ
“แน่นอน ถ้านายน้อยไม่ร่วมมือกับเรา เราก็สามารถทำให้ตระกูลฉู่ล่มสลายได้ในทันที ภรรยาของเจ้า น้องภรรยา และแม้แต่แม่ยายของเจ้าอาจถูกโยนเข้าไปในซ่องของทางการ ข้าแน่ใจว่านั่นไม่ใช่ชะตากรรมอันน่าเศร้าที่เจ้าอยากเห็น” น้ำเสียงเยียบเย็นของอวิ๋นอวี้ชิงทำให้นางดูเหมือนปีศาจมากขึ้น
“ท่านขู่ข้า?” ซูอันโกรธมาก เขาจ้องมองนางอย่างเย็นชา
“มันยังไม่ถึงขั้นต้องข่มขู่ ข้าแค่อยากจะชี้แจงกับนายน้อยให้ชัดเจน” อวิ๋นอวี้ชิงรักษาท่าทางที่สงบ
ซูอันโต้ตอบ “ข้าบอกไปแล้วว่าข้าเคยช่วยพวกเขาครั้งเดียวเท่านั้น ไม่มีทางที่ข้าจะคอยดูแลตระกูลฉู่ได้ตลอด หากพวกเขาประสบความสำเร็จก็ดีไป แต่ถ้าพวกเขาล่มสลายก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า”
“มีเหตุผลที่ตระกูลฉู่ดำรงอยู่มานับพันปีแล้ว และทำไมแม้แต่จักรพรรดิถึงไม่สามารถทำอะไรกับพวกเขาได้ ข้าไม่เชื่อว่าเพียงอ๋องอู๋จะสามารถเอาชนะตระกูลฉู่ได้”
อวิ๋นอวี้ชิงกัดริมฝีปาก แต่ไม่ได้ตอบโต้ ใช้เวลาสักพักก่อนนางจะพูดอีกครั้ง “ดี เราจะไม่พูดถึงคนอื่นแล้ว เรามาพูดถึงตัวเรากันดีกว่า ข้าให้โอกาสเจ้าหนีได้ และยังสามารถให้เจ้าเลือกวิชาลับและสาวงามได้ทุกแบบที่ชอบ เจ้าจะได้ท่องไปในโลกกว้างอย่างเป็นอิสระ”
“หนี? ข้าจะหนีทำไม” ซูอันส่ายหัว “โลกทั้งใบเป็นของจักรพรรดิ ข้าจะหนีไปไหนได้?”
อวิ๋นอวี้ชิงดูเหมือนไม่แน่ใจเล็กน้อย “นายน้อยซู เจ้าไม่รู้เหรอว่าถ้าไปที่เมืองหลวงจะต้องตายแน่ ๆ? ถ้าเจ้าหนี อย่างน้อยเจ้าก็ยังมีโอกาสรอด”
“ถึงข้าจะหนีข้าก็ไม่รอดอยู่ดี” ซูอันกล่าวอย่างเฉยเมย “ใครจะรู้ว่ามีคนอีกกี่คนที่อยากจะได้ตัวข้านอกจากจักรพรรดิ? อย่างน้อยตอนนี้ข้าก็มีพวกทหารราชองครักษ์คอยปกป้อง และสามารถอยู่อย่างสงบสุขได้สักสองสามวัน”
“ถ้านายน้อยกังวลเรื่องนั้น พวกเราเผ่าปีศาจสามารถให้ความคุ้มครองเจ้าได้!” อวิ๋นอวี้ชิงกล่าวด้วยอาการตื่นตระหนก
“คิดว่าข้าโง่เหรอ?” ซูอันปฏิเสธนางทันที “นั่นเท่ากับออกจากถ้ำเสือแล้วตรงเข้าไปในถ้ำหมาป่าน่ะสิ ข้าจะแปลกใจมากถ้าสมาชิกเผ่าปีศาจของท่านจะไม่ทรมานข้าเพื่อเค้นเอาวิชาวัฏจักรหงส์อมตะไป”
“ข้อเสนอของเราจริงใจ” อวิ๋นอวี้ชิงเริ่มปวดหัว เด็กเหลือขอคนนี้มีความคิดที่เฉียบคมเกินไป! นางไม่มีทางหลอกเขาได้เลย
“จริงใจ?” ซูอันหัวเราะ แม้ว่าชายหนุ่มจะดูมีความสุขและเต็มใจที่จะเจรจา แต่เขารู้ดีว่าหากปราศจากการคุ้มครองของอ๋องเหลียงและราชองครักษ์ นางอาจจะโยนเขาเข้าไปในห้องทรมานแล้ว
อวิ๋นอวี้ชิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเสนอข้อเสนออื่นที่นางพูดคุยกับสามีของนาง น่าเสียดายที่ซูอันไม่ได้สนใจพวกมันเลยแม้แต่น้อย
นางเงียบไป นี่นางจะต้องไปไกลถึงขนาดยอมตามข้อเสนอของเด็กคนนี้จริง ๆ งั้นเหรอ?
สมองส่วนประมวลผลของซูอันเริ่มทำงาน มีสิ่งใดจากอ๋องอู๋บ้างที่เขาจะสามารถเรียกร้องเพื่อเอาไปใช้ในยามที่เขาอยู่ในเมืองหลวงได้ แต่น่าเสียดายที่เขารู้เรื่องเมืองหลวงน้อยเกินไป ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร เขาพยายามฟังข้อเสนอของอวิ๋นอวี้ชิง แต่ทุกอย่างที่นางเสนอมาก็ไร้ประโยชน์
เขากำลังจะบอกเงื่อนไขของตัวเองอีกครั้ง แต่อวิ๋นอวี้ชิงพูดขึ้นมาอย่างกะทันหันว่า “ก็ได้ งั้นข้าตกลง!”
ซูอันขมวดคิ้วอย่างสับสน
ข้ายังไม่ได้พูดอะไรเลย เจ้าตกลงอะไร???
เขากำลังจะถาม แต่อวิ๋นอวี้ชิงเริ่มถอดเสื้อคลุมสีขาวของนางออกอย่างช้า ๆ จากนั้นก็ถอดเสื้อผ้าชั้นนอกออก เผยให้เห็นเสื้อผ้ารัดรูปอยู่ข้างใน รูปร่างของนางดูเย้ายวนและมีเสน่ห์อย่างมาก
“เอ่อ…?” ซูอันตกตะลึงทำไมเจ้าถอดเสื้อโดยไม่มีเหตุผล? นี่เป็นวิชาอะไรของเผ่าปีศาจอีกหรือไม่?