บทที่ 626 แสงตะวันในใจ

บทที่ 626 แสงตะวันในใจ

ที่อวี๋ซีเยว่ยังอดทนต่อคำพูดเหล่านี้ของลูกชาย เป็นเพราะไม่อยากให้คนอื่นมองเป็นเรื่องน่าหัวเราะ เธอเป็นคนจองหองคนหนึ่ง เชื่อว่าควรจะแม้ถูกตีฟันร่วงก็ควรกลืนเลือดลงไป*[1]

เธอรู้สึกว่าเธอไว้หน้าลูกชายมากแล้ว แต่เห็นได้ชัดว่าลูกชายของเธอไม่พยายามบ้างเลย!เห็นชัดเจนว่าก่อนที่ลูกชายจะพูดสายตามองไปยังเด็กสาวตัวน้อยคนนั้น

ความรู้สึกนั้นเธอมองเห็นอย่างชัดเจนว่าไม่ธรรมดา และยังเห็นอย่างชัดเจนว่ามือของลูกชายยังจับมือของสาวน้อยคนนั้นไว้แน่น เห็นได้ชัดว่าสาเหตุที่ลูกชายไม่ยอมจากไป มีความเกี่ยวข้องกับสาวน้อยตรงหน้าเขาเป็นอย่างมาก

เพื่อผู้หญิงคนหนึ่งทั้งยังเป็นผู้หญิงบ้านนอกที่ไม่มีอะไรน่าอวด ถึงกับยอมทิ้งอนาคตที่ดีอวี๋ซีเยว่ไม่อาจเข้าใจได้

“ฉืออี้หย่วน!”

อวี๋ซีเยว่รู้สึกว่าตัวเองใกล้จะเดือดดาลแล้ว สายตาของเธอจ้องดวงตาของฉืออี้หย่วน ราวกับต้องการใช้สายตาหั่นฉืออี้หย่วน

ฉืออี้หย่วนมองเห็นความตกตะลึงและไม่เข้าใจในดวงตาของอวี๋ซีเยว่

มุมปากเขาเผยรอยยิ้มเย็นเฉียบ

เธอไม่รู้ตัวเลยหรือ?

ไม่กี่วันมานี้แม่ของเขาสืบถามเกี่ยวกับข่าวของคนใกล้ตัวเขา เขาล้วนรู้ทั้งหมด

“คุณอวี๋!” ฉืออี้หย่วนพูด

อวี๋ซีเยว่ตกตะลึง เธอแทบไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ตัวเองได้ยิน

ลูกชายของเธอเรียกเธอว่าคุณอวี๋

คุณอวี๋…

ในฐานะลูกชายควรจะเรียกแบบนี้หรือ?

ทั้งหมดเป็นเพราะสาวน้อยตรงหน้า อายุยังไม่เท่าไรก็มีเล่ห์เหลี่ยมมากมายแล้วหรือ?หญิงบ้านนอกคนหนึ่งทำให้ลูกชายตัวเองหลงใหลได้ เมื่อนึกถึงเรื่องนี้แววตาที่อวี๋ซีเยว่มองฉืออี้หย่วนก็เคร่งขรึมอยู่หลายส่วน

ฉืออี้หย่วนเป็นคนไม่เอาถ่านแบบนี้ เขามีภูมิหลังเป็นอย่างไรกัน?

ตราบใดที่ยอมไปต่างประเทศด้วยกัน ในอนาคตของฉืออี้หย่วนก็จะไร้ซึ่งข้อจำกัด แล้วทำไมต้องมาพัวพันกับสาวบ้านนอกแบบนี้ด้วย?

ถูกล่อลวงแล้วจริง ๆ!

ไม่ได้ เธอจะไม่ให้ลูกชายตัวเองเดินไปบนทางที่หวนกลับมาไม่ได้แบบนี้

ช่วงเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่อวี๋ซีเยว่กลับมา แม้สาเหตุจะเป็นเพราะงานแต่เรื่องคนรอบตัวลูกชายก็ตรวจสอบมาหมดแล้ว

เด็กคนนี้ชื่อซูเสี่ยวเถียนมาจากชนบททางตะวันตกเฉียงเหนือ

หลังจากมาถึงเมืองหลวงครอบครัวพวกเธอก็เปิดร้านอาหารที่ชื่อว่าหออีหมิง แม้กิจการจะดีแต่จากการสังเกตของอวี๋ซีเยว่ถือว่าไม่ได้มีแนวโน้มที่ดีนัก

ครอบครัวแบบนี้ไม่คู่ควรกับลูกชายของตน! แต่เด็กคนนี้ดูจะทำให้ลูกชายของเธอเชื่อฟังพอสมควร ความโกรธของอวี๋ซีเยว่ปะทุออกมาอย่างทนไม่ไหวอีกต่อไป!

“อี้หย่วนปล่อยมือซะ ปีนี้ลูกอายุตั้งเท่าไหร่แล้ว? ช่วงที่ควรจะเรียนหนังสือจะมาถูกคนทำให้หลงหัวปักหัวปำจนหลงทางได้ยังไง?”

น้ำเสียงของอวี๋ซีเยว่ไร้ซึ่งความเกรงใจเป็นอย่างมาก

พูดให้ชัดคือซูเสี่ยวเถียนมาล่อลวงลูกชายของตน

คนตระกูลซูตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ก็อดทนไม่พูดอะไร ที่เป็นแบบนั้นเพราะพวกเขารู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของตระกูลฉือ พวกเราในฐานะคนนอกไม่ควรสอดมือเข้าไปยุ่ง

แต่ตอนนี้ในเมื่ออีกฝ่ายมาว่าร้ายคนในตระกูลตน ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีสถานะแบบไหน คนตระกูลซูก็ไม่อาจทนมองซูเสี่ยวเถียนได้รับความไม่เป็นธรรมได้

เหลียงซิ่วในฐานะแม่ก็ทนไม่ไหวเป็นคนแรก ตอนที่เธอมองอวี๋ซีเยว่ก็รู้สึกต่ำต้อยจริง ๆ

แต่ตอนนี้เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องรู้สึกต่ำต้อย คนที่ควรรู้สึกต่ำต้อยคือผู้หญิงที่ไม่เคยทำหน้าที่แม่เลยแม้แต่น้อยต่างหาก!

ในตอนนี้เองทุกคนได้ยินเสียงของฉืออี้หย่วนดังขึ้นมาอย่างชัดเจน

“ในใจมีพระพุทธจึงมองเห็นทุกสรรพสิ่งเป็นพระพุทธ ในใจมีขี้วัวทุกสิ่งที่มองเห็นล้วนเป็นขี้วัว*[1] ผมกับเสี่ยวเถียนมีความสัมพันธ์ฉันพี่ชายน้องสาว แล้วทำไมในสายตาคุณถึงน่ารังเกียจถึงขนาดนี้ครับ?”

คำพูดนี้ของฉืออี้หย่วนนับว่าไม่เกรงใจกันแม้แต่น้อย

อวี๋ซีเยว่ก็คาดไม่ถึงเช่นกันว่าลูกชายตัวเองจะพูดคำพูดแบบนี้กับตัวเอง

ในตอนนี้เธอรู้สึกเกินทนคิดว่าลูกชายตัวเองถูกเลี้ยงดูจนกลายเป็นคนไร้ค่าไปแล้ว

“อี้หย่วนลูกทำให้แม่ผิดหวังมากนะ ลูกพูดแบบนี้ออกมาได้ยังไง?” แม้คำพูดนี้เธอจะพูดกับฉืออี้หย่วน แต่สายตาของเธอกลับจ้องเขม็งไปที่ซูเสี่ยวเถียน

ซูเสี่ยวเถียนคิดจะดึงมือตัวเองออก

เธอคิดเพียงว่าฉืออี้หย่วนกำลังเศร้าเสียใจ เพราะเหตุนี้จึงต้องการปลอบฉืออี้หย่วน แต่กลับคาดไม่ถึงว่าแม่ของฉืออี้หย่วนจะพูดคำพูดแบบนั้นออกมา

“คุณผู้หญิงท่านนี้ คุณพูดแบบนี้ไม่น่าฟังเลยจริง ๆ นะคะ ลูกสาวของฉันกลับอี้หย่วนอยู่ด้วยกันมาหลายปี ในตอนนั้นลูกชายของคุณยังไม่มียศถาบรรดาศักดิ์ด้วยซ้ำค่ะ”

ยิ่งคิดเหลียงซิ่วก็ยิ่งโกรธ ผู้หญิงคนนี้สมองมีปัญหาหรือ?

ตอนแรกฉืออี้หย่วนใช้ชีวิตน่าเวทนาตั้งขนาดไหน?

เป็นเพราะเสี่ยวเถียนเป็นเด็กใจดีเพราะเรื่องบุญคุณตั้งแต่ต้นจึงคอยปกป้องฉืออี้หย่วนอยู่ตลอด ทำให้ฉืออี้หย่วนที่อยู่กันสองปู่หลานมีชีวิตในชุมชนการผลิตหงซินดีขึ้นมาก

ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้สึกสำนึกบุญคุณก็แล้วไปเถอะ แต่ยังจะมาพูดจาเหยียดหยามกันแบบนี้อีก

“ขอพูดจาเสียมารยาทสักประโยคนะคะ ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนั้นลูกสาวฉันช่วยเหลือลูกชายคุณอยู่หลายครั้ง ตอนนี้ลูกชายคุณจะมาพูดจาไม่น่าฟังแบบนี้หรือคะ”

คำพูดของเหลียงซิ่วดังกังวาน

ความจริงเธอเป็นคนที่ไม่รู้จักโต้เถียงกับผู้อื่น แต่ในเมื่ออีกฝ่ายมาต่อว่าลูกสาวตัวเองแล้ว ในฐานะแม่เธอก็ไม่อาจแกล้งทำเป็นหูหนวกตาบอดได้

“เธอ…” อวี๋ซีเยว่คิดจะพูดบางสิ่ง แต่กลับถูกเหลียงซิ่วขัดจังหวะเสียก่อน

“ในฐานะแม่คุณรู้ไหมคะว่าหลายปีมานี้ลูกชายคุณใช้ชีวิตอย่างน่าเวทนาแค่ไหน? คุณรู้ไหมว่าในตอนนั้นเรื่องที่มีคนช่วยปกป้องเขานับว่าเป็นเรื่องโชคดีมากแค่ไหน? คุณปฏิบัติกับผู้มีพระคุณของลูกชายคุณแบบนี้หรือคะ?”

อวี๋ซีเยว่ไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว แม้เธอจะไม่ได้เห็นกับตาแต่ก็พอนึกออกว่าช่วงหลายปีนั้นลูกชายตนมีชีวิตอย่างไร

“เป็นเพราะตอนแรกอี้หย่วนเจ็บปวดเกินไป ฉันถึงต้องการพาเขาไปใช้ชีวิตที่ดีในต่างประเทศ!” อวี๋ซีเยว่พูดเสียงแหบแห้ง

ไม่รู้เพราะอะไรตอนที่เธอคิดจะพูดออกมาก็รู้สึกขาดความมั่นใจอยู่หลายส่วน

เธอรู้สึกว่าคำพูดที่ผู้หญิงบ้านนอกตรงหน้าพูดออกมา เป็นสิ่งที่ตัวเองไม่ยอมรับแน่นอนแต่เธอก็ไม่รู้ว่าควรตอบกลับคำพูดของผู้หญิงคนนี้อย่างไร ที่ผู้หญิงคนนี้พูดล้วนเป็นความจริง คนมากถึงขนาดนี้เธอคงไม่ถึงกับพูดโกหก

คำโกหกจะถูกจับได้ง่ายดายเกินไปจึงไม่จำเป็นต้องพูด แต่ถ้าจะให้เธอพูดคำว่าขอบคุณออกมา ความเย่อหยิ่งในตัวเองของเธอทำให้เธอไม่อาจเปิดปากพูดได้

“คุณรู้ไหมว่าในใจลูกชายของคุณคิดยังไง?” เหลียงซิ่วยิ้มหยันพลางพูด “ฉันกล้าพูดได้เลยว่าลูกสาวฉันในใจของลูกชายคุณ นับว่าเป็นการมีอยู่ของแสงตะวัน”

[1] แม้ถูกตีฟันร่วงก็ควรกลืนเลือดลงไป หมายถึง อดทนอดกลั้นอย่างถึงที่สุด

[2] ในใจมีพระพุทธจึงมองเห็นทุกสรรพสิ่งเป็นพระพุทธ ในใจมีขี้วัวทุกสิ่งที่มองเห็นล้วนเป็นขี้วัว หมายถึง ในใจคิดดีสิ่งที่มองเห็นก็ล้วนดีงาม ในใจคิดไม่ดีสิ่งที่มองเห็นก็ล้วนไม่ดีไปด้วย