บทที่ 627 ค่ำคืนที่นอนไม่หลับ

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 627 ค่ำคืนที่นอนไม่หลับ

บทที่ 627 ค่ำคืนที่นอนไม่หลับ

ตนเองรู้สึกขัดตากับผู้หญิงคนนี้มานานแล้ว แต่ที่ยังอดทนมาตลอดเป็นเพราะอีกฝ่ายคือแม่ของฉืออี้หย่วน คาดไม่ถึงว่าเธอจะเหยียบย่ำเสี่ยวเถียนที่เป็นสมบัติล้ำค่าของตนไว้ใต้ฝ่าเท้าอย่างรุนแรง

ความสัมพันธ์ระหว่างฉืออี้หย่วนและเสี่ยวเถียนเป็นอย่างไร เธอที่เป็นแม่จะไม่รู้เชียวหรือ?

หลายปีมานี้เด็กสองคนนี้พยายามอย่างมาก ทำไมจะต้องมาแปดเปื้อนเพราะปากของผู้หญิงคนนี้ด้วย?

เห็นได้ชัดว่าอวี๋ซีเยว่คาดไม่ถึงว่าผู้หญิงบ้านนอกอย่างเหลียงซิ่วจะพูดคำพูดแบบนี้ออกมา

กล้าเรียกลูกสาวของเธอว่าเป็นแสงตะวันในใจลูกชายตนหรือ?

เด็กหญิงบ้านนอกแบบนั้นคู่ควรหรือ?

แต่ยังไม่ทันได้โต้แย้งก็ได้ยินฉืออี้หย่วนเปิดปากพูด เสียงของฉืออี้หย่วนอ่อนโยนเป็นอย่างมาก

“ในใจมีแสงตะวันทุกสรรพสิ่งล้วนอบอุ่น เสี่ยวเถียนตอนที่ชีวิตผมมืดมัวที่สุดเธอเป็นคนให้ความอบอุ่นกับผม ทั้งชีวิตผมจะไม่มีทางลืม!”

ตอนที่ฉืออี้หย่วนพูดคำนี้สายตาก็มองตรงอย่างแน่วแน่ไปยังซูเสี่ยวเถียน

แต่ก่อนสายตาจะหันไปหาซูเสี่ยวเถียน ที่จริงฉืออี้หย่วนก็เหลือบมองไปที่อวี๋ซีเยว่ก่อน

สายตานั้นอวี๋ซีเยว่เห็นอย่างชัดเจนราวกับเป็นสายตาของความผิดหวังหรือไม่ก็เป็นความดูถูกและเมินเฉย อวี๋ซีเยว่ได้ยินน้ำเสียงที่อ่อนโยนของลูกชาย เมื่อนึกถึงสายตาที่ลูกชายมองมาที่ตนก็กำมือทั้งสองข้างแน่น

ตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ก็ล้วนได้ยินแต่น้ำเสียงเย็นชา คาดไม่ถึงว่าที่แท้ลูกชายก็สามารถใช้น้ำเสียงแบบนี้ได้ด้วย

เธอได้รับแรงกระแทกถึงขั้นต้องถอยกลับไปหนึ่งก้าวอย่างไม่มั่นคง!

ลูกชายนับสาวบ้านนอกคนหนึ่งเป็นแสงตะวันในหัวใจหรือ?

ผ่านไปหลายปีถึงเพียงนี้ลูกชายเหลวแหลกลงมาถึงขั้นนี้แล้วหรือ?

แต่ฉืออี้หย่วนในตอนนี้กลับเปิดปากพูดอีกครั้ง

“คุณอวี๋หากคุณไม่มีเรื่องอะไรแล้วก็อย่ามารบกวนงานเลี้ยงของครอบครัวคนอื่นเลยครับ!” คำพูดนี้ของฉืออี้หย่วนเป็นการกำจัดอวี๋ซีเยว่ออกไปโดยเฉพาะ

แม้ไม่ว่าอย่างไรก็ชอบลูกชายคนนี้ แต่ก็คาดไม่ถึงว่าทั้งที่ควรจะเป็นมารดาเมตตาลูกชายกตัญญู แต่เธอกลับถูกลูกชายปฏิบัติด้วยแบบนี้ หากเปลี่ยนเป็นแม่คนอื่นคงรับไม่ได้ไปแล้ว หากเปลี่ยนเป็นผู้หญิงที่ไม่มีเหตุผลคงได้ร้องไห้ตีโพยตีพายเป็นบ้าเป็นหลังไปแล้ว

แต่ด้วยการศึกษาของอวี๋ซีเยว่ทำให้ในตอนนี้เธอจึงไม่สามารถทำให้ตัวเองเสียหน้าได้

อวี๋ซีเยว่เดินจากไป ตอนที่เดินแม้แผ่นหลังจะยังคงตั้งตรงแต่ก็ยังแข็งทื่อ เพราะอวี๋ซีเยว่มาทำให้บรรยากาศไม่ค่อยดี

ซูเสี่ยวเถียนไม่ได้พูดให้มากความ แต่ไหนแต่ไรก็คาดไม่ถึงว่าแม่ของฉืออี้หย่วนจะมีนิสัยแบบนี้

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จอย่างเงียบ ๆ คุณปู่ซูก็พูดกับฉือเก๋อ “อยากกลับกันก่อนไหม?”

แม้ว่าลูกสะใภ้จะทำตัวไม่ดีจริง ๆ แต่ถึงจะพูดอย่างไรก็เป็นคนครอบครัวเดียวกันไม่ว่าอะไรก็พูดไม่ออก

ฉือเก๋อกลับส่ายหัว “ช่างเถอะเธอไม่อยู่ที่บ้านหรอก ฉันกับเสี่ยวหย่วนกลับไปบ้านก็ไม่เจอคนอยู่ดี”

ข่าวของลูกชายและลูกสะใภ้เขาก็พอได้ยินมาบ้าง

รู้ว่าตอนนี้คู่สามีภรรยาทั้งสองคนอยู่ที่ประเทศเยอรมนี แต่ตกลงว่าพวกเขาทำอะไรที่ประเทศเยอรมนีก็ยังไม่แน่ชัด แต่ก็ไม่อาจไม่ยอมรับว่าในใจก็ชายชราคิดอยู่เสมอว่า จะมีสักวันที่ลูกชายและลูกสะใภ้กลับมารวมตัวกันพร้อมหน้า แต่เขาคิดไม่ถึงว่าลูกสะใภ้กลับประเทศได้หนึ่งสัปดาห์แล้วถึงเพิ่งจะมาเจอหน้าพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นพอเจอหน้ากันแล้วยังมีท่าที่เย่อหยิ่งแบบนี้อีก

สำหรับส่วนนี้หากพูดว่าไม่ผิดหวังก็คงจะเป็นการโกหก

ตัวเขาน่ะช่างเถอะแต่ในใจของอี้หย่วนเกรงว่าคงรู้สึกทุกข์ปนสุข ตอนที่ฉือเก๋อพูดก็มองไปที่ฉืออี้หย่วนในดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึก

ฉืออี้หย่วนยังคงพูดยิ้ม ๆ อย่างไม่ยี่หระ “คุณปู่ครับผมไม่ถือสาหรอกครับ ผมโตแล้วนะครับ!”

หลายปีมานี้ในใจฉืออี้หย่วนมีปมในใจมาตลอด แม้แต่ก่อนหน้านี้หนึ่งสัปดาห์เขาก็ยังคงเฝ้ารอความรักของพ่อกับแม่ตัวเอง แต่เมื่อเธอกลับประเทศมาก็ไม่ได้มาเยี่ยมลูกชายก่อนเป็นอันดับแรก ทั้งยังถามไถ่ไปทั่วทุกที่

จากไปหลายปีแม้ตอนที่ถามไถ่อวี๋ซีเยว่ก็มีความระมัดระวังเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังถูกฉืออี้หย่วนพบเข้า

ตั้งแต่เริ่มในใจของฉืออี้หย่วนก็เย็นชาไปแล้ว

นี่ไม่ใช่ครอบครัวที่เขาต้องการ

เขาต้องการครอบครัวแบบตระกูลซู

ทุกคนในครอบครัวอยู่ด้วยกันใช้ชีวิตรักใคร่ปรองดอง

ซูเสี่ยวเถียนมองเห็นความหดหู่บนใบหน้าอ่อนโยนของฉืออี้หย่วน ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าฉืออี้หย่วนเป็นคนที่น่าสงสารคนหนึ่งที่ไม่อาจได้รับในสิ่งที่ต้องการ อยู่ด้วยกันมาหลายปีขนาดนี้ซูเสี่ยวเถียนก็เข้าใจฉืออี้หย่วนอยู่พอสมควร

สิ่งที่เขาต้องการเรียบง่ายมาก แต่แม้จะเป็นคำขอที่เรียบง่ายขนาดนี้ก็ยังทำให้ไม่ได้

ได้พบกับแม่ที่เป็นแบบนั้นไม่รู้ว่าฉืออี้หย่วนจะเศร้าใจหรือไม่

“พี่อี้หย่วน พี่ยังไปลองคุยกับแม่ได้นะคะ ถึงยังไงพวกพี่ก็เป็นแม่ลูกกัน!”

ฉืออี้หย่วนยิ้มบางลูบหัวซูเสี่ยวเถียน

พูดคุยหรือ?

ยังมีความจำเป็นต้องพูดคุยอีกหรือ?

แต่นี่เป็นคำขอของเด็กหญิงตัวน้อยแล้วจะทำอย่างไรได้?

สุดท้ายฉืออี้หย่วนก็เปิดปากพูด

“เสี่ยวเถียนมีเธออยู่ข้างพี่ก็พอแล้ว!”

หลายปีมานี้ซูเสี่ยวเถียนที่ทั้งเปล่งประกายและกระตือรือร้น เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขามาตลอด!

ส่วนคนที่ตัดสินใจตีจากไปนานแล้วก็อย่าไปสนใจเลย!

คืนนั้นซูเสี่ยวเถียนพลิกตัวไปมานอนไม่หลับ

ในความมืดสลัวราวกับเธอได้เห็นฉืออี้หย่วนเมื่อชาติก่อน

ชายผู้ประสบความสำเร็จคนนั้นไม่ได้เป็นฉืออี้หย่วนที่อ่อนโยนแต่กลับเย็นชา สิ่งที่ในชาตินี้ได้ประสบพบเจอบางทีในชาติก่อนฉืออี้หย่วนก็เคยพบเจอเช่นเดียวกัน

เพราะพบเจอเรื่องเหล่านี้ทำให้หัวใจของฉืออี้หย่วนแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาเป็นอย่างมาก

ตอนที่ซูเสี่ยวเถียนตื่นขึ้นมาก็เหงื่อท่วมตัว เธอคิดอย่างตระหนกเรื่องเกี่ยวกับฉืออี้หย่วนในชาตินี้และในชาติก่อนแต่กลับคิดไม่ตก ตอนที่ซูเสี่ยวเถียนนึกถึงอวี๋ซีเยว่ผู้นี้ก็รู้สึกเย็นยะเยือก

เธอเป็นคนเย็นชามากถึงขนาดที่ กับเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองที่ไม่ได้เจอกันมาหลายปี ก็ยังรอนานถึงหนึ่งสัปดาห์ถึงค่อยมาเจอได้หรือ?

ซูเสี่ยวเถียนคิดไม่ถึงว่าวันต่อมาจะได้พบกับอวี๋ซีเยว่ผู้เย็นชาคนนี้ที่หน้าประตูโรงเรียน ตอนที่เห็นใบหน้าประณีตของเธอที่ราวกับกำลังเหนื่อยล้า ซูเสี่ยวเถียนก็ยังแปลกใจ

เธอคิดว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนไม่มีหัวใจ

ตอนที่อวี๋ซีเยว่เห็นซูเสี่ยวเถียนในใจก็รู้สึกหนักอึ้ง

เมื่อคืนเธอนอนไม่หลับทั้งคืน

เพียงแค่เธอหลับตาใบหน้าที่เย็นชาของลูกชายก็จะปรากฏตรงหน้า ลูกชายเย็นชากับเธอที่เป็นแม่ขนาดนี้ แต่กับสาวน้อยที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันกลับใส่ใจทุกอย่าง

เดิมเธอคิดว่าจะไม่สนใจ เพราะอย่างไรลูกชายคนนี้ก็จะค่อย ๆ หายไปจากชีวิตของอีกฝ่าย เธอมาครั้งนี้เพียงเพื่อจะรับผิดชอบเท่านั้น แต่คาดไม่ถึงว่าสุดท้ายก็ยังใส่ใจอยู่

คิดไปคิดมาอวี๋ซีเยว่ก็รู้สึกว่าเป็นซูเสี่ยวเถียนที่ขัดขวางฉืออี้หย่วน ทำให้ก้าวเดินของฉืออี้หย่วนต้องล่าช้า ทำให้ลูกชายเอาใจออกห่างตัวเอง

ตอนนี้เธอจะช่วยลูกชายแก้ปัญหานี้ ทำให้ลูกชายรู้ว่าควรจะเลือกทำอย่างไร จะพาลูกชายกลับเยอรมนีและทำให้ลูกชายรู้ว่าใครเป็นครอบครัวของเธอ!