บทที่ 520 เจียวเจียวเดือด (2)
“ไปกันเถอะ” กู้เจียวเอ่ย
หมอถงกัดฟันเดินตาม
หนีออกมาขนาดนี้ ย้อนกลับไม่ได้แล้ว
เหลียนเอ่อร์และนายหมอคอยช่วยประคองให้องค์หญิง ส่วนกู้เจียวเดินถือทวนพู่แดง พยายามรักษาระยะให้ปลออดภัย
หลังจากเดินออกมาจากผืนป่า พวกเขาก็ได้มาถึงบริเวณบ่อน้ำ
บ่อน้ำถูกปกคลุมด้วยหิมะหนา พวกเขาช่วยกันขุดอยู่นานกว่าจะเจอฝาบ่อน้ำ
“มันถูกลงกลอนนี่นา!” หมอถงตะโกนร้องอย่างสิ้นหวัง
กู้เจียวยกทวนขึ้น แล้วเล็งไปที่แม่กุญแจ จนกุญแจถูกสะเดาะออกอย่างง่ายดาย
“…” นายหมอถงยืนอ้าปากค้าง
กู้เจียวจุดคบไฟแล้วโยนมันลงไปในบ่อน้ำโบราณ ทำให้พวกเขามองเห็นผนังไปจนถึงก้นบ่อผ่านแสงจากไฟ
มีบันไดเชือกแขวนอยู่ที่ผนัง ทั้งบ่อมีแต่ความว่างเปล่า และดูไม่มีพิษภัยอะไร
“ข้าลงไปก่อน”
กู้เจียวเอ่ย
“ระวังด้วยนะ!” องค์หญิงตรัส
“อื้อ” กู้เจียวหันไปพยักหน้าให้นาง ก่อนกระโดดลงไปในบ่อพร้อมกับทวนพู่สีแดง
พวกเขาตกใจที่กู้เจียวกระโดดลงไปโดยไม่ใช้บันไดเชือก
พอถึงพื้นบ่อ กู้เจียวหยิบคบไฟขึ้นแล้วส่องไปทั้งสี่ทิศรอบๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้น “ข้างล่างนี้มีทางเดิน ยังไม่เจออะไรน่าสงสัย พวกเจ้าลงมาก่อนเถอะ”
“องค์หญิงลงไปก่อนเพคะ” เหลียนเอ่อร์เอ่ย
องค์หญิงพยักหน้า จากนั้นคว้าบันไดเชือกแล้วค่อยๆ ไต่ลงไป
ตามมาด้วยเหลียนเอ่อร์
เหลียนเอ่อร์เกือบจะลงไปไม่ได้เพราะติดสัมภาระที่แบกไว้ที่หลัง
“เจ้าโยนของลงมาก่อนสิ” กู้เจียวบอกกับนาง
“ได้เลย สหายน้อยกู้ เจ้ารับนะ!” จากนั้นเหลียนเอ่อร์ก็ปล่อยสัมภาระลงไปให้
กู้เจียวรับมันไว้ได้อย่างสบายๆ
เหลียนเอ่อร์ค่อยๆ ไต่ลงอย่างระมัดระวัง
หลังจากที่ทรงตัวได้ เหลียนเอ่อร์ก็เงยหน้าขึ้นไปทางปากบ่อ “หมอ รีบลงมาเถิด!”
เขาเอาเท้าข้างหนึ่งเหยียบปากบ่อ แต่เท้าอีกข้างขยับไม่ได้ พลางเอ่ย “ขะขะขะข้า…กลัวความสูง…”
“ไม่สูงหรอก! มีบันได!”เหลียนเอ่อร์บอกกับเขา
“ไม่ไหว…ข้าทำไม่ได้” นายหมอถงสั่นไปทั้งตัวจนเกือบปล่อยโฮ
และในตอนนั้นเอง มีเสียงตะโกนของทหารคนหนึ่งดังขึ้นไม่ไกล “นายท่าน! พวกเขาอยู่ที่นั่น!”
ในชั่วพริบตาเดียว เขารีบไต่บันไดลงมาจนถึงพื้น!
ทุกคน “…”
กู้เจียวยื่นคบเพลิงให้นายหมอจากนั้นรีบปีนขึ้นไปที่ปากบ่อและทำการปิดปากบ่อ กู้เจียวใช้วิธีหมุนแกนเหล็กใต้ฝาบ่อ ทำให้มันถูกปิดแน่นจากด้านใน
พอเสร็จก็กระโดดลงมาแล้วพูดกับทุกคน “ไปกัน!”
พวกเขาเดินเข้าไปในอุโมงค์ลับ
ทุกอย่างเป็นสีดำสนิท ตอนแรกกู้เจียวยังใช้คบเพลิงได้ แต่หลังจากเดินไปสักพัก ไฟก็เริ่มมอดลง
“เหลียนเอ่อร์ หยิบไข่มุกราตรีขึ้นมา!” องค์หญิงหนิงอันสั่ง
“เพคะ!” เหลียนเอ่อร์เปิดถุงออกแล้วหยิบไข่มุกลูกหนึ่งที่มีขนาดใหญ่กว่ากำปั้นขึ้นมา
กู้เจียวไม่เคยเห็นไข่มุกใหญ่เท่านี้มาก่อน
องค์หญิงเบือนหน้าลง ก่อนจะยิ้มอย่างขมขื่น “เสด็จแม่มอบให้ข้าในวันเกิดน่ะ”
กู้เจียวไม่รู้ว่าองค์หญิงรู้สึกอย่างไรตอนที่เอ่ยถึงไทเฮา เพราะครั้งหนึ่งไทเฮาเคยไม่เห็นชอบกับงานอภิเษกขององค์หญิง แต่องค์หญิงกลับดื้อรั้นเพราะถูกความรักบังตา ท้ายที่สุด สิ่งที่นางได้กลับคืนมาคือการหักหลัง
“ไม่รู้ว่าเสด็จแม่ยังอยากเจอข้าอีกหรือไม่”
“อยากสิ” กู้เจียวเอ่ย
ท่านย่าไม่เคยลืมองค์หญิงเลยสักครั้ง
นัยน์ตาขององค์หญิงรื้นขึ้น แต่กลับข่มไว้ไม่ร้องออกมา
เสียงก้องของอุโมงค์ดังเสียจนกู้เจียวได้ยินเสียงของอีกฝ่ายกำลังแงะเปิดฝาบ่อน้ำและไล่ตามพวกเขาราวกับกระแสน้ำเชี่ยว
มีเพียงกู้เจียวคนเดียวที่สามารถเดินเหินได้รวดเร็ว และในที่สุด พวกมันก็ตามทันจนได้
อุโมงค์พาพวกเขามาถึงปากถ้ำแห่งหนึ่ง และอีกด้านเป็นสะพานแขวนที่ห้อยอยู่เหนือหน้าผา
แสงจันทร์และแสงหิมะบนหน้าผาค่อยๆ ส่องเข้ามาในถ้ำ
กู้เจียวโยนตะกร้าเล็กของนางให้นายหมอ จากนั้นยืนกำบังอยู่ข้างหน้าพวกเขาทั้งสามคน พร้อมกับส่งสายตาอย่างเย็นชาไปยังกลุ่มทหารที่กำลังไล่ตามมา “พวกเจ้าไปก่อนเลย!”
“อย่าคิดว่าจะรอดไปได้แม้แต่คนเดียวเลย!”
เสียงของหวงฝู่เจิงดังขึ้นจากด้านหลังกองทหาร
จากนั้นพวกทหารก็แหวกทางให้เขา
หวงฝู่เจิงย่างเท้าด้วยท่าทางเย็นชา ดวงตาของเขาจับจ้องที่กู้เจียวพร้อมกับหรี่ตาเล็กน้อย “ข้าประเมินเจ้าต่ำไปจริงๆ กำลังป่วยอยู่แท้ๆ แต่ดันแกว่งเท้าหาเสี้ยนจนได้!”
“ป่วยรึ” เหลียนเอ่อร์หันไปมองกู้เจียวด้วยสายตาไม่เชื่อ
นายหมอถงเองก็แสดงท่าทีตื่นตระหนก
หวงฝู่เจิงมองข้ามท่าทีของพวกเขาทั้งสองและจับจ้องไปที่องค์หญิงผู้ซึ่งคงสีหน้าราบเรียบ
องค์หญิงหนิงอันไม่ได้มองตอบ ราวกับชาตินี้นางไม่คิดจะมองหน้าเขาอีก
หวงฝู่เจิงกำมือแน่น “พวกเจ้าคงยังไม่รู้สินะว่านางเป็นคนแพร่เชื้อโรคระบาด นางคือคนที่นำโรคนี้มาสู่พวกเรา แล้วนี่ก็ใกล้วาระสุดท้ายของนางแล้ว พวกเจ้าที่ติดตามนางอีกไม่นานคงจะติดเชื้อและตายตามกันไปเหมือนๆ กัน”
เหลียนเอ่อร์ตกใจจนแนบตัวเข้าไปหาองค์หญิง
หมอถงส่งสายตาผวาไปทางกู้เจียว “เจ้า…ยาที่เจ้าให้ข้ากินมาตลอด…คือยารักษาโรคระบาดงั้นรึ”
หวงฝู่เจิงขมวดคิ้ว เขามองไปทางกู้เจียวที่ดูปกติดีจากนั้นหันไปทางหมอถงที่ดูไม่ป่วยเลยด้วยความงุนงง และนั่นทำให้เเขานึกอะไรบางอย่างได้!
“เจ้ามียารักษาโรครึ!” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ถึงมีก็ไม่ให้เจ้าหรอก” กู้เจียวเอ่ยเสียงต่ำ
นางจงใจลดระดับเสียงลงภายใต้หน้ากากเหล็กนั้น ไม่ว่าจะฟังอย่างไรก็คล้ายกับเสียงของชายหนุ่ม
หวงฝู่เจิงหัวเราะ “สวรรค์ยังไม่รับข้าไปหรอก!”
ไม่มีใครรู้ว่าอารมณ์ของหวงฝู่เจิงกำลังพลุ่งพล่านอยู่ในขณะนี้ ตอนแรกเขาคิดว่าเขากำลังจะตาย แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเด็กคนนี้มียาอยู่จริงๆ !
เป็นยาที่สามารถรักษาโรคให้หายได้จริงๆ !
เขาและยี่อ๋องมีหนทางรอดแล้ว!
ในตอนนี้กู้เจียวไม่ได้พกอะไรติดตัว ขณะที่ข้าวของทั้งหมดของนางมีนายหมอเป็นคนถือไว้
หวงฝู่เจิงยกมุมปากขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา “ข้าจะจัดการเจ้าเด็กนี่เอง พวกเจ้าล้อมพวกมันไว้!”
“ขอรับ!”
แววตาของเขาจับจ้องไปที่องค์หญิง “ระวังอย่าให้องค์หญิงบาดเจ็บ!”
“ขอรับ!”
สิ้นเสียงขานรับ เหล่าทหารก็วิ่งกรูเข้าไปทางพวกเขา
ขณะที่กู้เจียวชักทวนขึ้น หวงฝู่เจิงก็กระโดดลอยตัวขึ้นแล้วพุ่งตัวต่อสู้กับนาง
“เจ้าเด็กเอ๋ย จะว่าก็ว่าเถอะ ข้าน่ะเป็นคนช่วยชีวิตเจ้าไว้ ถ้าไม่ได้ข้าป่านนี้เจ้าคงแข็งตายในกองหิมะแล้ว! เจ้าไม่รู้สึกขอบคุณก็เรื่องของเจ้า แต่กล้าดีอย่างไรมาแพร่เชื้อให้ข้ากับยี่อ๋องรวมถึงลักพาตัวองค์หญิงไปแบบนี้!”
“ไม่ได้ลักพาตัว แต่มาช่วยเหลือต่างหาก” กู้เจียวเอ่ยจบก็ลั่นไกทวน!
หวงฝู่เจิงยกดาบป้องไว้ได้ทัน เปิดฉากการต่อสู้อันดุเดือดท่ามกลางอุโมงค์ลับ!
หวงฝู่เจิงหัวเราะอย่างเย็นชา “เด็กเมื่อวานซืน เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!”
กู้เจียวที่กำลังติดเชื้อส่งผลให้เสียเปรียบในการต่อสู้ แต่หวงฝู่เจิงเองก็เช่นกัน พลังของเขาไม่ได้มีมากไปกว่านางเท่าใดนัก
เมื่อกู้เจียวเล็งไปที่เขาอีกครั้ง คราวนี้ดาบของเขาถูกหักลงเพราะป้องกันตัวไม่ทัน!
ทวนพู่แดงของกู้เจียวทะลุผ่านหัวไหล่ของเขา!
จากนั้นกู้เจียวยกเท้าถีบร่างของเขาจนกระเด็นลงพื้น!
หวงฝู่เจิงกระอักเลือดในทันที
เขาคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะมีฝีมือเช่นนี้!
มิน่าล่ะ ในตอนนั้นนางฆ่าเทียนหลังได้!
หากพูดในแง่ของกำลังภายใน กู้เจียวสู้หวงฝู่เจิงไม่ได้อยู่แล้ว แต่พอถึงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน ต่อให้เป็นระดับหวงฝู่เจิงก็ไม่มีทางชนะนางได้
แววตาของกู้เจียวเปรียบเหมือนกับหมาป่าที่ดุร้าย นางก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวและโจมตีเขาอย่างดุเดือด
กู้เจียวใส่แรงทั้งหมดที่มีไม่ยั้งจนใกล้หมดแรง
แต่ก่อนจะถึงตอนนั้น นางต้องกำจัดเสี้ยนหนามออกไปให้ได้เสียก่อน!