ตอนที่ 630 ฉลาด

ไป๋ชิงเหยียนชะงักฝีเท้า หันไปมองฟ่านอวี๋ไหว สายตาที่มองมาทำเอาฟ่านอวี๋ไหวรู้สึกกระอักกระอวน เขารีบเอ่ยขึ้น “องค์รัชทายาทรงทราบข่าวว่าแม่ทัพปี้เหิงของกองกำลังรักษาพระองค์บุกโจมตีวังหลวงโดยอ้างว่าต้องการเข้าไปช่วยเหลือฝ่าบาท บัดนี้ปี้เหิงกำลังปะทะกับกองกำลังรักษาพระองค์ที่คุ้มกันวังหลวงอยู่ที่ประตูอู่เต๋อพ่ะย่ะค่ะ”

“ท่านราชครูถานกลัวว่าหากพวกกบฏบุกเข้าไปในวังหลวงไม่สำเร็จ พวกเขาอาจวกกลับมายังจวนรัชทายาท องค์รัชทายาทอาจทรงตกอยู่ในอันตรายจึงพาองค์รัชทายาทและพระชายาเสด็จเข้าไปในวังหลวงโดยการอารักขาของหน่วยตรวจเมืองแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนหันหลังกลับมามอง ฟ่านอวี๋ไหวจึงกล่าวต่อ “ก่อนจากไป องค์รัชทายาทและท่านราชครูถานสั่งคนไปบอกองค์หญิงเจิ้นกั๋วที่จวนไป๋ว่าให้องค์หญิงรีบออกจากเมืองไปพาทหารสองหมื่นนายของค่ายผิงอันเข้ามาในเมืองเพื่อปราบปรามกบฏพ่ะย่ะค่ะ! องค์หญิงเจิ้นกั๋วไม่ต้องเป็นห่วงพะย่ะค่ะ คนของรัชทายาทควบคุมประตูเมืองทิศตะวันออกไว้แล้ว ราชครูถานสั่งให้หน่วยตรวจเมืองแสร้งทำเป็นคุ้มกันจวนรัชทายาทไว้ก่อนเพื่อตบตาซิ่นอ๋อง เมื่อข่าวการเข้าไปวังของรัชทายาทแพร่ออกมาเมื่อใด พวกเราค่อยบุกไปจับกุมตัวซิ่นอ๋องที่จวนพ่ะย่ะค่ะ”

“จวนซิ่นอ๋องไม่มีความเคลื่อนไหวติดต่อกันหลายวันเช่นนี้ หากข้าเดาไม่ผิด ซิ่นอ๋องคงไม่ได้อยู่ในจวน เขาคงเข้าไปในวังหลวงนานแล้ว” สีหน้าของไป๋ชิงเหยียนเคร่งขรึมลง “องค์รัชทายาทเสด็จเข้าไปในวังหลวงในเวลานี้เท่ากับเป็นการยื่นเนื้อเข้าปากเสือ! ที่สำคัญหากซิ่นอ๋องปลงพระชนม์ฮ่องเต้สำเร็จ เขาสามารถโยนความผิดให้รัชทายาทได้ทันทีโดยอ้างว่าเขาเข้าวังไปเพื่อช่วยฮ่องเต้ เช่นนี้รัชทายาทก็ไม่สามารถแก้ตัวได้แล้ว!”

สีหน้าของฟ่านอวี๋ไหวเปลี่ยนไปทันที รีบกล่าวขึ้น “คำนวณเวลาแล้ว หากเราส่งคนไปตามรัชทายาทกลับมาตอนนี้น่าจะยังทันพ่ะย่ะค่ะ”

แสงสีเหลืองจากโคมไฟที่แขวนสูงอยู่หน้าประตูจวนรัชทายาทส่งกระทบลงบนใบหน้าขาวนวลของไป๋ชิงเหยียนอย่างริบหรี่ ไป๋ชิงเหยียนมองสบตากับฟ่านอวี๋ไหวด้วยแววตาที่สงบนิ่ง “ใต้เท้าฟ่านอย่าเพิ่งร้อนรนไป นี่คือเวลาสำคัญ พวกเราจะวู่วามไม่ได้เด็ดขาด แม่ทัพกองกำลังรักษาพระองค์ที่คุ้มกันวังหลวงในวันนี้คือผู้ใด”

ฟ่านอวี๋ไหวนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยตอบ “รู้สึกจะเป็นแม่ทัพน้อยนามว่า…หมิ่น…ใช่แล้ว หมิ่นจงซินพ่ะย่ะค่ะ!”

“หมิ่นจงซินมีความสัมพันธ์อันดีกับจงเส้าจ้งเช่นเดียวกับปี้เหิง!” ไป๋ชิงเหยียนหลับตาลง จากนั้นเอ่ยขึ้น “ดูเหมือนว่าพวกเขาแสร้งทำเป็นบุกโจมตีวังหลวงเพื่อล่อให้รัชทายาทเข้าไปในวังหลวง องค์รัชทายาทจะได้ขึ้นชื่อว่าสังหารบิดาของตัวเอง!”

ฟ่านอวี๋ไหวมองไปทางไป๋ชิงเหยียนที่มีท่าทีสงบนิ่ง เขาเริ่มตัดสินใจไม่ถูก “หมิ่นจงซินเป็นเพียงแม่ทัพน้อยในกองกำลังรักษาพระองค์ เขาเคยไปมาหาสู่กับจงเส้าจ้งด้วยหรือพ่ะย่ะค่ะ บางทีแม่ทัพจงหมิ่นอาจเป็นคนมีคุณธรรม เมื่อรู้ว่าซิ่นอ๋องและจงเส้าจ้งร่วมกันก่อกบฏ เขาจึง…”

กล่าวจบ ฟ่านอวี๋ไหวกำหมัดแน่น “แม้จะมีความเป็นไปได้ ทว่า เราไม่ควรเอาความปลอดภัยขององค์รัชทายาทมาเสี่ยง กระหม่อมจะรีบส่งคนไปตามองค์รัชทายาทกลับมาเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ!”

ฟ่านอวี๋ไหวไม่รู้สาเหตุของเรื่องนี้ ทว่า ไป๋ชิงเหยียนมีประสบการณ์จากชติที่แล้ว นางรู้เหตุผลดี

หมากในกระดานล้วนเป็นเช่นนี้ทั้งสิ้น อย่าดูถูกหมากตัวน้อยในกระดานเด็ดขาด บางครั้งหมากที่วางแผนไว้ตั้งแต่ต้นอาจเป็นกำลังสำคัญในการพลิกสถานการณ์ได้

ไป๋ชิงเหยียนส่ายหน้า “จงเส้าจ้งเป็นคนละเอียดรอบคอบ ยามทำสิ่งใดมักมีแผนสำรองเสมอ เขากล้าทำให้เป็นเรื่องใหญ่เช่นนี้ แสดงว่าเขาไม่ได้มีเพียงกองกำลังรักษาพระองค์เท่านั้น จงเส้าจ้งและซิ่นอ๋องส่งคนจับตาดูความเคลื่อนไหวที่ทุกประตูของจวนรัชทายาท พวกเขาไม่มีทางไม่รู้ความเคลื่อนไหวของพระองค์ นอกจากนี้พวกเขาอาจส่งคนแฝงตัวอยู่ข้างกายรัชทายาทและบรรดาองค์ชายที่มีโอกาสแย่งชิงบัลลังก์กับซิ่นอ๋องนานแล้ว เพื่อรอวันที่จะใช้ประโยชน์จากสายลับเหล่านี้ในโอกาสอย่างเช่นวันนี้!”

“หากองค์รัชทายาทวกกลับตอนนี้ พวกเขาต้องสังหารองค์รัชทายาทระหว่างทางอย่างแน่นอน เมื่อรัชทายาทสิ้นพระชนม์ พวกเขาจะปลงพระชนม์ฮ่องเต้แล้วโยนความผิดให้รัชทายาททันที ถึงเวลานั้นหมิ่นจงซินจะประกาศว่ารัชทายาทประทับอยู่ในวังหลวงตั้งแต่แรก จากนั้นผลักดันซิ่นอ๋องขึ้นครองราชย์แทน เมื่อฮ่องเต้และรัชทายาทสิ้นพระชนม์ลงทั้งคู่ ผู้จะสนใจว่ารัชทายาทเป็นคนสังหารฮ่องเต้จริงหรือไม่!”

ฟ่านอวี๋ไหวชาวาบไปทั้งร่าง “กระหม่อมจะพาหน่วยตรวจเมืองไปรับตัวรัชทายาทกลับมาจวนเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ!”

ไป๋ชิงเหยียนส่ายหน้า “ประเด็นสำคัญในตอนนี้คือสืบให้แน่ชัดว่าหมิ่นจงซินคือคนของจงเส้าจ้งจริงหรือไม่ หากใช่ เมื่อท่านพาหน่วยตรวจเมืองไปรับตัวรัชทายาทกลับมาที่จวน ซิ่นอ๋องปลงพระชนม์ฮ่องเต้ในวังหลวง หมิ่นจงซินจะอ้างว่ารัชทายาทถูกซิ่นอ๋องจับได้ว่าลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้จนต้องหลบหนีออกมาจากวังหลวง เขาและปี้เหิงจึงล้อมจับตัวรัชทายาทเอาไว้ ถึงเวลานั้นไม่เพียงแต่รัชทายาท แม้แต่หน่วยตรวจเมืองของท่านก็จะกลายเป็นกบฏไปด้วย!”

ความถูกและผิดในใต้หล้าแห่งนี้ล้วนถูกกำหนดด้วยผู้ชนะทั้งสิ้น

ผู้ชนะคือเจ้า ผู้แพ้คือโจรหมายความเช่นนี้นี่เอง

จงเส้าจ้งวางแผนเรื่องนี้ได้อย่างแยบยล ไม่ว่าอย่างไรรัชทายาทก็จะโดนยัดเยียดข้อหาสังหารบิดาของตัวเอง ซิ่นอ๋องได้ขึ้นครองราชย์อย่างสมเกียรติ

ทว่า ช่างน่าเสียดาย ไม่ว่าเขาจะฉลาดเพียงใดก็ทำได้เพียงปูทางให้ผู้อื่นเท่านั้น

“ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือคุ้มครองความปลอดภัยของฮ่องเต้! ทหารหน่วยตรวจเมืองของใต้เท้าฟ่านต้องเข้าไปในวังหลวงให้ได้! หากคำสั่งที่หมิ่นจงซินได้รับคือการปล่อยให้รัชทายาทเข้าไปในวังหลวงก็ถือเป็นการดีไป! ใต้เท้าฟ่านจงพาทหารหน่วยตรวจเมืองทั้งหมดไล่ตามรัชทายาทให้ทันและเข้าวังไปพร้อมกับพระองค์ ทูลรัชทายาทว่าหากทหารคุ้มกันวังหลวงไม่ยอมให้หน่วยตรวจเมืองเข้าไปในวังหลวงด้วย ให้รัชทายาทรออยู่ที่นอกวัง อย่าได้เข้าไปด้านในเด็ดขาด รอให้ไป๋ชิงเหยียนพาทหารค่ายผิงอันสองหมื่นนายบุกมาช่วยพารัชทายาทเข้าไปด้านใน!”

“หากพวกท่านเข้าไปในวังหลวงได้อย่างราบรื่น หมิ่นจงซินต้องอ้างว่ารัชทายาทคิดกบฏ จากนั้นร่วมมือกับปี้เหิงจับกุมตัวรัชทายาท! ใต้เท้าฟ่านจงพาองค์รัชทายาทมุ่งหน้าไปยังตำหนักของฝ่าบาททันทีโดยไม่ต้องหนีออกมาจากวัง ไม่ว่าอย่างไรท่านต้องพาทหารหน่วยตรวจเมืองไปคุ้มกันฝ่าบาทและรัชทายาทไว้ไม่ห่างกาย ไป๋ชิงเหยียนจะรีบปราบกบฏเหล่านี้และไปช่วยฝ่าบาทและองค์รัชทายาทโดยเร็วที่สุด ขอเพียงรัชทายาทคุ้มครองฝ่าบาทให้ปลอดภัยให้ได้!”

ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบจึงยกมือคาราวะฟ่านอวี๋ไหว กล่าวเสียงขรึม “หากใต้เท้าฟ่านเชื่อใจข้า จงพาทหารหน่วยตรวจเมืองที่เหลืออยู่ทั้งหมดในตอนนี้ติดตามรัชทายาทไปให้ทันเถิด!”

ฟ่านอวี๋ไหวไม่ลังเลแม้แต่น้อย แค่ผลงานที่ไป๋ชิงเหยียนสร้างไว้ที่หนานเจียงและเป่ยเจียงก็ทำให้ฟ่านอวี๋ไหวเชื่อใจไป๋ชิงเหยียนแล้ว “องค์หญิงเจิ้นกั๋วไม่ต้องกังวลพ่ะย่ะค่ะ ฟ่านอวี๋ไหวและทหารหน่วยตรวจเมืองทุกคนจะคุ้มครองฝ่าบาทและองค์รัชทายาทด้วยชีวิตพ่ะย่ะค่ะ!”

กล่าวจบ ฟ่านอวี๋ไหวกำดาบที่เอวแน่น ตะโกนออกคำสั่งให้ทหารตรวจเมืองทุกคนรีบไล่ตามรัชทายาทให้ทัน

มองส่งหน่วยตรวจเมืองของฟ่านอวี๋ไหวขี่ม้าจากไปอย่างรวดเร็ว ไป๋ชิงเหยียนกำมือที่ไขว้อยู่ทางด้านหลังแน่น

เมื่อรัชทายาทเข้าไปในวังแล้วเสียนอ๋องรับรู้เรื่องนี้ เขาต้องรอให้รัชทายาทและซิ่นอ๋องต่อสู้กันจนอ่อนแรงทั้งสองฝ่ายก่อน จากนั้นค่อยสั่งให้กองทัพหนานตูลงมือแน่

หากเป็นเช่นนั้น ฮ่องเต้และรัชทายาทที่อยู่ในวังหลวงคงตกอยู่ในอันตราย

แม้ในสายตาของไป๋ชิงเหยียนความปลอดภัยของพวกเขาจะไม่ใช่สิ่งสำคัญ ทว่า บัดนี้ความปลอดภัยและสงบสุขของตระกูลไป๋ล้วนผูกติดกับฮ่องเต้และรัชทายาท นอกจากรัชทายาทแล้ว ไม่ว่าเหลียงอ๋องหรือซิ่นอ๋องได้ครอบครองบัลลังก์ล้วนไม่เป็นผลดีต่อตระกูลไป๋ทั้งสิ้น

สิ่งที่ตระกูลไป๋ต้องการมากที่สุดในตอนนี้คือเวลาและสถานการณ์ที่สงบสุขเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตระกูลไป๋

นี่คือเหตุผลที่ไป๋ชิงเหยียนแสร้งทำเป็นสวามิภักดิ์ต่อรัชทายาท

ไป๋ชิงเหยียนนึกถึงคำกล่าวของฟ่านอวี๋ไหวเมื่อครู่ที่ว่าคนของรัชทายาทควบคุมประตูเมืองทิศตะวันออกไว้หมดแล้ว เมื่อครู่ทหารที่บุกไปยังจวนองค์หญิงเจิ้นกั่วกล่าวว่าซิ่นอ๋องมีบัญชา หากสังหารนางได้จะได้เงินรางวัลหนึ่งร้อยตำลึงและบรรดาศักดิ์อย่างงาม พวกเขาปลอมตัวได้ค่อนข้างแนบเนียนทีเดียว