ตอนที่ 655 หวังว่าชาติหน้าจะได้พบกันอีก
การทดลองของหลินเว่ยเว่ยทำให้ราษฎรทั่วทั้งภาคเหนือเห็นความหวัง…ความหวังในการเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ปีละสองครั้ง ! สำหรับราษฎรแล้วแม้ผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้จะน้อยนิด แต่นั่นก็เป็นข้าวขาวที่ช่วยให้อิ่มท้องได้ !
หลินเว่ยเว่ยยืน ‘ท้องโต’ พลางโบกมือน้อย ๆ ของตนแล้วตะโกนด้วยเสียงอันทรงพลังว่า “เริ่มเกี่ยวได้ ! ”
ทันใดนั้นเกษตรกรผู้เช่าก็เริ่มพับแขนเสื้อพลางกวัดแกว่งเคียวในมืออย่างรวดเร็ว แม้แต่ชาวบ้านที่พากันมาดูรอบแปลงนาก็ซึมซับบรรยากาศและพากันไปหยิบเคียวที่เหลือแล้วเริ่มช่วยคนอื่น ๆ เกี่ยวข้าวด้วย
เจียงโม่หานที่คอยยืนอยู่ข้างกายหลินเว่ยเว่ยเพื่อช่วยประคองเอวของนางเอาไว้ก็มองเหตุการณ์ที่คึกคักนี้แล้วถามว่า “ข้าวสาลีหลายร้อยหมู่ต้องใช้เวลาเกี่ยวเท่าไรในโลกของเจ้า ? ”
หลินเว่ยเว่ยยกยิ้มที่มุมปาก “ถ้าใช้รถเกี่ยวข้าวสักห้าหกคัน วันเดียวก็เกี่ยวเสร็จแล้ว ! ”
เจียงโม่หานอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง ‘ขอแค่มีเครื่องจักรเพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นผลผลิตกี่หมู่ก็สามารถเก็บเกี่ยวหมดได้ภายในวันเดียว ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องกังวลว่าพืชผลที่ปลูกมาด้วยความยากลำบากจะเสียหายจากฝนที่ตกหนักในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว…’
หลังฟังเสียงพึมพำของเขาแล้ว หลินเว่ยเว่ยก็หัวเราะออกมา “โลกของเรายังมีการพยากรณ์อากาศอีกด้วย สามารถพยากรณ์อากาศได้ล่วงหน้าเกือบครึ่งเดือนเชียวล่ะ ! ”
“พยากรณ์คืออะไรหรือ ? ” หลินจื่อเหยียนเข้ามาพร้อมเคียวในมือ เขารินน้ำต้มถั่วเขียวอันแสนหวานและเย็นหนึ่งแก้วแล้วดื่มหมดภายในอึดใจเดียว เจ้าเด็กคนนี้จะถูกพ่อหลินเรียกไปฝึกวิชาต่อสู้ทุกเช้า ช่วงหลายเดือนมานี้จึงมีร่างกายกำยำขึ้นมาก ส่วนสูงก็จะเท่าเจียงโม่หานได้แล้ว
หลินเว่ยเว่ยหันไปมองเขา “ไม่มีอะไรหรอก แค่คุยกับพี่เขยรองของเจ้าเรื่องสัตว์ที่คาดเดาสภาพอากาศและปรากฏการณ์ทางธรรมชาติได้เท่านั้น ! เช่น แสงเช้าไม่ควรออกจากบ้าน แสงเย็นแล้วถึงเดินทางได้นับพันลี้ หากมดย้ายรังเดินเป็นทางยาว พรุ่งนี้จะต้องมีฝนตกหนักแน่นอน…เห็นก้อนเมฆบนท้องฟ้าหรือไม่ ? มันบ่งบอกว่าในช่วง 2 วันนี้จะมีแดดจัด ! ”
“พี่รอง ท่านรอบรู้เหลือเกิน ! พวกเขาต่างบอกว่าเกษตรกรที่เพาะปลูกเก่งที่สุดยังไม่มีประสบการณ์เท่ากับท่านเลย พี่รอง ท่านมีความลับอะไรซ่อนอยู่หรือเปล่า ? ” หลินจื่อเหยียนยกเสื้อขึ้นเพื่อนำมาเป็นพัดให้ตัวเอง
หลินเว่ยเว่ยยื่นพัดในมือให้เขาแล้วชี้ไปบริเวณข้างกายเจียงโม่หาน “ถึงแม้ชาวบ้านพวกนั้นจะมีประสบการณ์มากขนาดไหนก็ยังไม่มากไปกว่าในตำราด้านการเกษตร ข้าสามารถมองได้ไกล ก็เพราะข้ายืนอยู่บนไหล่ของยักษ์และได้โชคดีเสริมอีกเล็กน้อย เจ้าเตรียมตัวสอบฮุ่ยซื่อของปีหน้าไปถึงไหนแล้ว ? ”
“ท่านไม่เชื่อใจข้าและยังไม่กล้าเชื่อในตัวพี่เขยของข้าหรือ ? ข้าได้รับการสอนสั่งจากเขา ถึงจะเป็นเหมือนต้นแบบไม่ได้ แต่ก็ไม่ทำให้เขาขายหน้าแน่นอน ! พี่รอง ข้าไม่คิดจะอยู่ที่เมืองหลวงต่อ อยากไปทำงานต่างเมือง พอถึงเวลานั้นแล้วท่านจะต้องสนับสนุนงานของน้องชายให้มาก ๆ ด้วย ! ” หลินจื่อเหยียนวางแผนในอนาคตไว้แล้ว…เขาจะทำเหมือนพี่เขยรองคือทำให้ตัวเองยกระดับจากคนยากจนไปสู่คนร่ำรวยที่ใครต่างก็ใฝ่ฝัน
หลินเว่ยเว่ยพยักหน้า “พอถึงตอนนั้นแล้วข้าจะพยายามหาตำแหน่งนายอำเภอทางภาคใต้ให้เจ้า เมล็ดพันธุ์ข้าวขาวให้ผลผลิตสูงพวกนั้นของข้าจะได้มีโอกาสแพร่กระจายออกไป ! ” หลินเว่ยเว่ยตัดสินใจแล้วว่าจะพัฒนาผลผลิตของข้าวขาวในปีหน้าขึ้นไปอีก !
หลินจื่อเหยียนยิ้มยิงฟันขาว หลังคืนพัดให้หลินเว่ยเว่ยแล้ว เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงทรงพลัง “ข้าจะไปเกี่ยวข้าวสาลี ! ” เขาจะนั่งเป็นนายอำเภอไร้สมองเฉย ๆ โดยไม่เข้าใจเรื่องการเพาะปลูกไม่ได้ !
หลินเว่ยเว่ยยิ้มอ่อน “ดูท่าทางแล้วคู่มือการปลูกข้าวขาวของข้าคงถึงเวลาได้เรียบเรียงสักที ! ”
“จะเขียนแต่วิธีปลูกข้าวขาวไม่ได้หรอก ข้าแนะนำให้เจ้าเขียนตำราทางการเกษตรขึ้นมาเลย รวบรวมวิธีทำการเกษตรแบบผสมผสานของเจ้าไปด้วย มันจะเป็นประโยชน์ต่อราษฎรทั่วหล้า ! ” เจียงโม่หานกลัวว่าจะสร้างความลำบากให้ภรรยาจึงรีบพูดเสริม “ประเดี๋ยวข้าช่วยเจ้าเอง ! ”
เขียนตำรา ? จู่ๆ หลินเว่ยเว่ยก็รู้สึกว่ายังมีหนทางอีกยาวไกลให้เดิน มันไม่ได้แปลว่าเป็นการสะสมบุญไว้ชาติหน้าหรอกหรือ ? หลินเว่ยเว่ยมองเจียงโม่หานที่กำลังช่วยปอกเปลือกลูกท้อให้นางอยู่ข้าง ๆ…หวังว่าชาติหน้าจะได้พบกันอีก !
ข้าวสาลีฤดูหนาวยังคงให้ผลผลิตสูงอย่างไม่ต้องสงสัย หลังไถพรวนดินแล้วก็ปลูกถั่วลงไป หลังเก็บเกี่ยวถั่วในฤดูใบไม้ร่วงเสร็จก็ค่อยปลูกข้าวสาลีฤดูหนาวต่อ…หลังทดลองปลูกแล้วพื้นดินแถวชานเมืองหลวงก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ปีละสองครั้ง แน่นอนว่าปุ๋ยจะต้องมีเพียงพอด้วย
หลินเว่ยเว่ยไม่ได้เข้าร่วมการเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงเพราะเจ้าตัวน้อยในครรภ์ถึงเวลาคลอดแล้ว บางทีอาจเพราะนางไม่รู้สึกผิดปกติระหว่างตั้งครรภ์และเดินออกกำลังกายบ่อยครั้ง กอปรกับร่างกายที่แข็งแรงจึงทำให้ตอนคลอดเจ้าตัวน้อยใช้เวลาไม่ถึงชั่วยามด้วยซ้ำ !
เพื่อนสนิทของนางและองค์หญิงเจียวเจียวที่เป็นหุ้นส่วนต่างมาหานางทันที ขณะมองเจ้าตัวน้อยที่นอนตัวแดงอยู่ข้างนาง องค์หญิงเจียวเจียวก็ตรัสด้วยความอิจฉา “ช่างเป็นเสื้อบุนวมฝ้ายตัวน้อยที่น่ารักจริงๆ ไม่อยากให้ท่านแม่ทรมานจึงยอมออกมาโดยง่าย แต่เจ้าตัวแสบของบ้านข้าทำให้ข้าทรมานอยู่ตลอดทั้งคืน รอให้เขาโตอีกหน่อยก่อนเถิด ข้าจะทรมานเขาให้เข็ด ! ”
แม้องค์หญิงเจียวเจียวจะออกเรือนช้ากว่าหลินเว่ยเว่ย แต่กลับคลอดลูกก่อนหน้าถึง 2 เดือน ขณะมองเจ้าตัวน้อยที่กำลังนอนทำหน้าตาน่ารักน่าชังอยู่ในห่อผ้าอ้อม จู่ ๆ องค์หญิงเจียวเจียวก็ตรัสขึ้นมาว่า “พี่เว่ยเว่ย พวกเราสองบ้านมาดองกันหรือไม่ ? ข้าจะต้องรักนางหนูเสี่ยวหมี่ลี่เหมือนบุตรสาวแท้ ๆ ของตนแน่นอน ! ”
หลินเว่ยเว่ยตั้งชื่อให้บุตรนานแล้ว ถ้าเป็นผู้ชายชื่อเสี่ยวโต้วโต้ว (ถั่วแดงน้อย) เป็นผู้หญิงชื่อเสี่ยวหมี่ลี่ ( ข้าวฟ่างน้อย) หลังได้ยินแบบนั้นนางก็อดไม่ได้ที่จะกลอกตาใส่องค์หญิงเจียวเจียว “ข้าไม่สนับสนุนการแต่งงานแบบคลุมถุงชน ! ถ้าวันหน้าเด็กทั้งสองคนมีวาสนาต่อกัน ข้าก็จะไม่ห้าม แต่จะไม่บังคับว่าต้องทำตามคำสั่งพ่อแม่เด็ดขาด เพราะชีวิตเป็นของลูก ๆ ไม่ใช่ของพวกเรา ! ”
“เฮอะ เฮอะ แต่ถ้าท่านอยากย้ายไปอยู่ตำหนักองค์หญิงด้วยกัน ข้าก็ไม่ขัด อยากเห็นบัณฑิตน้อยบ้านท่านไปตามทวงภรรยาคืนเหลือเกิน ! ” องค์หญิงเจียวเจียวแย้มพระสรวลเสียงดังลั่น ขณะทอดพระเนตรเสี่ยวหมี่ลี่ที่ตัวแดงเหมือนก้นลิง นางก็รู้สึกเสียดาย…ถ้าพี่เว่ยเว่ยดองกับบ้านนางก็คงจะดี ใครต่างก็บอกว่าบุตรสาวมักหน้าเหมือนบิดา ต่อไปเสี่ยวหมี่ลี่อาจกลายเป็นสตรีงามล่มเมืองเลยก็ได้ !
หยานชิงชิงที่เพิ่งตรวจพบว่าตั้งครรภ์ก็เดินเข้ามา หลังได้ยินแบบนั้นนางก็พูดด้วยรอยยิ้ม “พี่เขยเจียงต้องไปรื้อประตูตำหนักของพระองค์แน่ เชื่อหรือไม่เพคะ ? ไอโหยว นี่ก็คือเสี่ยวหมี่ลี่ของพวกเรา เกิดมาหน้าตาดีจริง ๆ ดูดวงตากลมโตคู่นี้ ดูจมูกโด่ง ๆ นั่น…ข้าไม่สนแล้ว พี่เว่ยเว่ย ข้าจะรับเสี่ยวหมี่ลี่เป็นบุตรสาวบุญธรรม ! ”
หลินเว่ยเว่ยก้มมองบุตรสาวที่กำลังนอนหลับเหมือนหมูตาย…ดวงตาปิดสนิท ใบหน้ายับย่น…ไม่รู้ว่าน้องชิงชิงเห็นเป็นทารกตาโตได้อย่างไร !
นางยังไม่ทันเอ่ยปากปฏิเสธ องค์หญิงเจียวเจียวก็ช่วยตรัสแทนนางว่า “ชิงชิง เจ้ามั่นใจว่าจะรับเสี่ยวหมี่ลี่เป็นบุตรสาวบุญธรรมจริงหรือ ? เจ้าไม่กลัวว่าต่อไปบุตรชายจะโกรธเจ้าหรือไร ? ”
หยานชิงชิงเข้าใจคำพูดของอีกฝ่ายทันที นางจึงพูดด้วยน้ำเสียงลังเล “ถ้าเช่นนั้น…ค่อยว่ากันทีหลัง” ถ้าท้องแรกของนางเป็นบุตรชายก็อาจมีโอกาสได้เกี่ยวดองกับบ้านพี่เว่ยเว่ย !
หลินเว่ยเว่ยทำสีหน้าเหนื่อยหน่าย ‘เหตุใดมีแต่คนคิดอยากได้เสี่ยวหมี่ลี่ของนาง ? ’