ตอนที่ 1289 เยือนผาสุดขอบฟ้าอีกครั้ง (7) ตอนที่ 1290 เยือนผาสุดขอบฟ้าอีกครั้ง (8)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 1289 เยือนผาสุดขอบฟ้าอีกครั้ง (7) / ตอนที่ 1290 เยือนผาสุดขอบฟ้าอีกครั้ง (8)
ตอนที่ 1289 เยือนผาสุดขอบฟ้าอีกครั้ง (7)

นอกจากฟ่านจัว สีหน้าของทุกคนดูไม่ดีเลย ฟ่านจัวรู้ตัวทันทีว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น

“มีคนจากสิบสองตำหนักอยู่ที่ผาสุดขอบฟ้า” เฟยเยียนกัดฟันพูด

“โลกมันกลมจริง! อยากรู้จังว่าไอ้เลวสองคนที่เจอในเทือกเขาเมฆาอยู่ที่นั่นด้วยหรือเปล่า ถ้าอยู่ ข้าอยากจะแก้แค้นให้กับความอัปยศที่พวกเราได้รับเมื่อคราวก่อนจริงๆ!” เฉียวฉู่พูดพลางกำหมัดแน่นจนเกิดเสียงดังกรอบแกรบ แม้ว่าพวกเขาจะรอดชีวิตมาได้ แต่ก็รอดมาได้ด้วยการสละชีวิตของเยี่ยซา

แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าเยี่ยซาฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้อย่างไร แต่สำหรับบุรุษคนหนึ่งแล้ว การซ่อนอยู่หลังผู้อื่นเหมือนคนขี้ขลาดนั้นเป็นความอัปยศอดสูที่พวกเขารับไม่ได้!

“มีเรื่องอะไรกันหรือ” ฟ่านจัวถามอย่างสับสนยิ่งกว่าเดิม

เฟยเยียนกับหรงรั่วรู้ดีเรื่องที่จวินอู๋เสีย เฉียวฉู่ และฮวาเหยาเจอในเทือกเขาเมฆา แต่ฟ่านจัวไม่รู้อะไรเลย ตอนนี้พวกเขาได้มาเจอกับคนจากตำหนักเปลวเพลิงปีศาจ หรงรั่วอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้ฟ่านจัวฟัง

สีหน้าของฟ่านจัวเปลี่ยนเป็นโมโหทันที

“สิบสองตำหนักนับวันยิ่งกำแหงมากขึ้นทุกที!”

“ความสัมพันธ์ระหว่างเก้าวังกับสิบสองตำหนักค่อนข้างบอบบาง สี่โลกเองก็มักจะถอนตัวออกจากความขัดแย้งเสมอ ตอนที่ดินแดนเทพมารหยุดเกี่ยวข้องกับเรื่องของสามโลกชั้นกลาง คนที่ดีใจมากที่สุดก็คือสิบสองตำหนัก คิดว่าพวกเขาจะฉวยโอกาสควบคุมทุกอย่างหรือไม่เล่า” เฟยเยียนพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

ในขณะที่พวกผู้เยาว์พูดคุยกัน ไม่มีใครสังเกตเลยสักคนว่าเสี่ยวเจว๋ที่จวินอู๋เสียอุ้มอยู่กำลังมองมาที่พวกเขา คำพูดทุกคำของพวกเขาลอยเข้าหูของเด็กชาย ดวงตาสีแดงของเขามีประกายแปลกๆ

“พี่ชายตัวเล็ก เจ็บหรือไม่” เสี่ยวเจว๋เงยหน้ามองจวินอู๋เสียด้วยแววตาเสียใจ

จวินอู๋เสียตอบว่า “ไม่เจ็บแล้วล่ะ”

เสี่ยวเจว๋ก้มหน้า ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ วิญญาณของเขาไม่สมบูรณ์ จะสามารถเข้าใจที่หรงรั่วพูดทั้งหมดหรือเปล่าก็ไม่รู้

……

ที่ด้านบนของผาสุดขอบฟ้า คนสองกลุ่มกำลังต่อสู้กันอยู่ แสงจากพลังวิญญาณขั้นสีม่วงส่องสว่างอยู่ในอากาศ!

กลิ่นคาวโลหิตยิ่งรุนแรงขึ้น มีผู้เสียชีวิตจากทั้งสองฝ่าย แต่ไม่ว่าจะล้มตายกันไปมากเท่าไร พวกเขาก็ไม่คิดจะหยุดเลยแม้แต่น้อย การต่อสู้ที่ดุเดือดยังคงดำเนินต่อไป

“เจ้าพวกตำหนักเปลวเพลิงปีศาจ อวดดีเกินไปแล้ว คิดว่าตำหนักสรรพชีวิตไม่มีใครเหลือแล้วหรืออย่างไร!” บุรุษคนหนึ่งถูกฝ่ามือซัดกระเด็นถอยหลังไป เขากุมหน้าอกหน้าซีด จ้องมองไปที่บุรุษซึ่งสวมเสื้อคลุมสีเทาตรงหน้าเขา

บุรุษชุดเทายืนเอามือไขว้หลัง สายตาเย็นชาของเขาทอแววดูถูกเหยียดหยาม

บุรุษในชุดสีเขียวที่ยืนอยู่ด้านหลังบุรุษชุดเทาพูดเย้ยหยันขึ้นว่า “พวกเจ้ามีกี่คนก็เข้ามา! ตำหนักเปลวเพลิงปีศาจไม่กลัวพวกเจ้าหรอก!”

คนสองกลุ่มจากตำหนักเปลวเพลิงปีศาจและตำหนักสรรพชีวิตมาเจอกันที่ผาสุดขอบฟ้า จุดประสงค์ของพวกเขาชัดเจนมาก คนจากตำหนักสรรพชีวิตคิดว่าฝ่ายตรงข้ามคงไม่อยากสร้างเรื่องก่อปัญหาเหมือนกับพวกเขา ไม่คิดเลยว่าทันทีที่เจอกัน คนจากตำหนักเปลวเพลิงปีศาจก็โจมตีพวกเขาทันที พวกเขาโจมตีอย่างดุเดือด การโจมตีทุกครั้งล้วนอันตรายถึงตาย คนจากตำหนักสรรพชีวิตที่ไม่ได้เตรียมตัวจึงต้องดิ้นรนป้องกันตัวเองอย่างยากลำบาก!

สิ่งที่ทำให้แย่กว่าเดิมก็คือ บุรุษชุดเทาจากตำหนักเปลวเพลิงปีศาจนั้นแข็งแกร่งอย่างน่ากลัว!

ทั้งสองฝ่ายต่างมีจำนวนคนใกล้เคียงกัน ความแข็งแกร่งโดยรวมก็เท่าๆ กัน แต่ตำหนักเปลวเพลิงปีศาจมีบุรุษชุดเทาที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ แค่พลังของเขาคนเดียวก็กำจัดคนจากตำหนักสรรพชีวิตไปได้จำนวนมาก ทำให้คนจากตำหนักสรรพชีวิตต้องกลับมาเป็นฝ่ายป้องกันอีกครั้ง

เมื่อมองดูจำนวนคนที่ลดน้อยลงเรื่อยๆ หัวหน้ากลุ่มจากตำหนักสรรพชีวิตก็เริ่มกระวนกระวายมากขึ้น

“เฮอะ! ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้ามีหนึ่งในผู้อาวุโสอยู่ด้วย คิดหรือว่าเจ้าจะสามารถรั้งพวกเราไว้ได้!”

ตอนที่ 1290 เยือนผาสุดขอบฟ้าอีกครั้ง (8)

บุรุษชุดเขียวเลิกคิ้วมองบุรุษที่หน้าซีดลงเรื่อยๆ แล้วพูดด้วยเสียงหัวเราะว่า “เรื่องนี้เจ้าโทษคนอื่นไม่ได้หรอก ไปโทษผู้อาวุโสของเจ้าที่ไม่อยู่กับพวกเจ้าเถอะ ผู้อาวุโสฮุยใส่ใจเราทุกคนในตำหนักเปลวเพลิงปีศาจ และสำหรับเรื่องสำคัญเช่นนี้ เขาย่อมมากับเราอยู่แล้ว”

คนจากตำหนักสรรพชีวิตยังคงจ้องบุรุษชุดเขียวและอยากจะกระโจนเข้าไปฉีกบุรุษคนนั้นออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

“แม้ว่าตำหนักสรรพชีวิตกับตำหนักเปลวเพลิงปีศาจจะไม่ใช่พันธมิตร แต่เราก็ไม่เคยเป็นศัตรูกัน ทำไมผู้อาวุโสฮุยถึงโจมตีพวกเราอย่างโหดร้ายเช่นนี้” เขาได้แต่หวังว่าจะสามารถเกลี้ยกล่อมผู้อาวุโสฮุยได้ หากยังคงสู้กันต่อไปละก็ พวกเขาต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!

ผู้อาวุโสฮุยมองบุรุษคนนั้นอย่างเย็นชาและไม่พูดอะไรสักคำ ราวกับไม่อยากจะเสียเวลาพูดจาไร้สาระกับเขา

กลับเป็นบุรุษชุดเขียวที่พูดขึ้นมาพร้อมกับหัวเราะว่า “ไม่เคยเป็นศัตรู เจ้าคิดว่าพวกเราไม่รู้เรื่องหรืออย่างไร ตอนที่ตำหนักสรรพชีวิตไม่สามารถค้นหาที่ตั้งของสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิได้ พวกเจ้าก็วางแผนจะทำทุกวิถีทางเพื่อแย่งแผนที่ที่อยู่ในมือตำหนักทั้งเจ็ด ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ พวกเจ้าได้ลงมือเคลื่อนไหวในสามโลกเบื้องล่างไปไม่น้อยเลย”

บุรุษจากตำหนักสรรพชีวิตตกตะลึง แววตามีพิรุธเล็กน้อย

สุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิหายากเกินไปจริงๆ ยอดฝีมือมากมายที่ถูกส่งมาที่นี่ในตอนแรกไม่ได้กลับไปเลยสักคน แต่อีกเจ็ดตำหนักได้ชิ้นส่วนแผนที่สุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิไป นั่นสร้างความกดดันให้ตำหนักสรรพชีวิตเป็นอย่างมาก สิบสองตำหนักมีพลังอำนาจค่อนข้างใกล้เคียงกันแบบหายใจรดต้นคอกันมาตลอด แต่ทุกตำหนักล้วนพยายามพลิกสถานการณ์และอยากจะมีอำนาจเหนือสิบสองตำหนักมาตลอด

ทรัพย์สมบัติและของวิเศษที่ถูกฝังอยู่ในสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิก็คือโอกาสเดียวสำหรับพวกเขาทั้งหมด!

“ก็ไม่ได้แปลกใจที่พวกเจ้ามีความคิดเช่นนั้นนะ แต่ในเรื่องที่พวกเจ้าไม่ควรทำทั้งหมดนั่น เจ้าไม่ควรเลือกสู้กับตำหนักเปลวเพลิงปีศาจของเราเลย” บุรุษชุดเขียวพูดพร้อมสายตาลุกวาว!

“เจ้าพูดเรื่องอะไร” บุรุษจากตำหนักสรรพชีวิตถามด้วยความประหลาดใจ

บุรุษชุดเขียวพูดว่า “ตำหนักเปลวเพลิงปีศาจมอบชิ้นส่วนแผนที่ของเราให้กับสำนักชิงอวิ๋นในสามโลกเบื้องล่าง แต่จู่ๆ สำนักชิงอวิ๋นก็โดนกำจัดจนหมดโดยใครบางคนในชั่วพริบตา และวิธีการที่ใช้ก็เหมือนกับผลจากโอสถพิษที่ตำหนักสรรพชีวิตใช้ เจ้าคิดว่าเราจะไม่กล้าทำอะไรหรืออย่างไร เจ้ากล้ายึดทรัพย์สินของตำหนักเปลวเพลิงปีศาจ เจ้าก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิต!”

ในวันนั้น บุรุษชุดเขียวกับผู้อาวุโสฮุยได้เดินทางไปที่เทือกเขาเมฆา และไม่ได้คาดคิดว่าจะเจอกับสถานการณ์ที่ทำให้พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกลับไปที่สามโลกชั้นกลาง ไม่คิดเลยว่าพอพวกเขากลับมาที่เทือกเขาเมฆาอีกครั้ง ก็พบว่าเบี้ยที่พวกเขาเลือกไว้ ‘สำนักชิงอวิ๋น’ ได้ถูกกำจัดจนหมดสิ้นในเวลาอันสั้น ศิษย์ทุกคนในสำนักถูกวางยาพิษทั้งหมด!

ในตอนแรกที่ตำหนักเปลวเพลิงปีศาจเลือกสำนักชิงอวิ๋นก็เพราะสำนักชิงอวิ๋นเป็นกองกำลังที่มีความมั่นคงสูงและเป็นที่เคารพนับถือในสามโลกเบื้องล่าง ไม่มีใครสั่นคลอนได้ แต่แล้วสำนักชิงอวิ๋นก็ถูกทำลายจนสิ้น แผนที่ที่พวกเขาทิ้งไว้กับสำนักชิงอวิ๋นก็หายไป

ถามหน่อยเถอะ สำนักชิงอวิ๋นเป็นสำนักที่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์มากที่สุดในสามโลกเบื้องล่าง แล้วจะมีใครในสามโลกเบื้องล่างนี้กำจัดพวกเขาจนหมดได้แบบนั้น

ในบรรดาสิบสองตำหนัก นอกจากตำหนักสรรพชีวิตที่มีชื่อเสียงเรื่องโอสถพิษที่สุด พวกเขาก็นึกถึงคนอื่นไม่ออกแล้ว!

การทำลายสำนักชิงอวิ๋นหมดทั้งสำนักไม่ใช่สิ่งที่คนจากสามโลกเบื้องล่างจะทำได้ ตำหนักเปลวเพลิงปีศาจจึงเล็งเป้าไปที่ตำหนักสรรพชีวิตทันที!

ตอนนี้พวกเขาได้เจอคนพวกนั้นแล้ว พวกเขาจะปล่อยให้คนจากตำหนักสรรพชีวิตรอดไปได้อย่างไร

บุรุษจากตำหนักสรรพชีวิตอ้าปากค้างตาโตอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขาไม่รู้เรื่องนี้เลยสักนิด! ถ้าตำหนักสรรพชีวิตได้แผนที่ไปแล้ว เขาจะไม่รู้อะไรเลยได้อย่างไร นี่เป็นการเข้าใจผิดกันชัดๆ!

แต่ในขณะที่เขากำลังจะอ้าปากอธิบาย ร่างสูงเพรียวร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นระหว่างคนทั้งสองกลุ่ม!