บทที่ 702 ธิดาเทพผู้ชาญฉลาด

ซานเป่าคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก นางเพียงทำตามคำสั่งของมารดาเท่านั้น แล้วกลายนางเป็นธิดาเทพไปได้อย่างไร

ถังหลี่นอนบนเตียงมองดูเด็กหญิงที่เอาคางมาเกยเตียงไว้ หญิงสาวคลี่ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน

“เพราะแต่เดิมซานเป่าของแม่คือธิดาเทพอย่างไรล่ะ”

ซานเป่าอ้าปากค้าง ใบหน้าดูสับสนอยู่ครู่ใหญ่

“เดิมทีแล้วซานเป่าของแม่เป็นธิดาเทพ ในตอนที่ยังเด็กมากนั้นตระกูลของพ่อมดศักดิ์สิทธิ์กำลังระส่ำระสาย เจ้าถูกบรรดาสาวกและบ่าวรับใช้ช่วยพาหนีจากการตามล่าของอู๋เจี๋ย หลังจากที่พวกเขาพาเจ้าหนีออกจากเมืองเยว่เฉิงและเผ่าอู๋ซานออกไปได้ เจ้าจึงได้มาอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านลี่เจี่ย จากนั้นจึงได้รับการดูแลจากครอบครัวอื่น ต่อมาครอบครัวนั้นมีบุตรของเขาเองจึงได้ละเลยเจ้า เจ้าจึงได้วิ่งไปหาสกุลเว่ย แล้วได้รับการเลี้ยงดูจากท่านพ่อของเจ้า..”

นี่คือชะตากรรมของซานเป่า ถังหลี่ยอมได้อย่างดุษณี

รอบกายนางล้วนรายรอบไปด้วยผู้มีอำนาจและมีอิทธิพลมากมาย หากจะเพิ่มซานเป่าที่มีสถานะเป็นธิดาเทพขึ้นมาอีกคนคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร…

ยิ่งไปกว่านั้นซานเป่าของนางยังแตกต่างจากเด็กคนอื่น นางเป็นเด็กหญิงที่ฉลาด ทั้งมีพลังเป็นอย่างมาก หากคิดถึงชาติกำเนิดของนางแล้วย่อมเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล

“ข้าเป็นธิดาเทพจริงๆ” ธิดาเทพของชนเผ่าอู๋ซาน มีสถานะที่สูงส่งและเป็นศูนย์รวมหัวใจของคนในเผ่า ทั้งยังมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ แบกความสุขสงบของชนเผ่าอู๋ซานเอาไว้ถึงหลายแสนคน

“คุณหนู ผู้นำสกุลเยว่ และสกุลเหยาต้องการพบท่านขอรับ” เสียงของบ่าวรับใช้ดังขึ้นที่ด้านนอก เมื่อซานเป่าคิดถึงความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ สิ่งนี้ก็เกิดขึ้นในทันที

“ท่านแม่ ข้ากลัว..” ใบหน้าเล็กๆ ของซานเป่ายับย่นเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ

“ความกลัวเกิดขึ้นจากความไม่รู้ อย่ากลัวเลย แม่จะคอยดูแลเจ้าเอง” ถังหลี่ลูบหัวบุตรสาว ทำให้เด็กหญิงสบายใจขึ้น

“ท่านแม่ ข้าขอตัวก่อนเจ้าค่ะ” ถังหลี่พยักหน้า ซานเป่าจึงเดินออกไปจากห้อง ถังหลี่เชื่อว่าซานเป่ามีความสามารถ แม้ว่าจะมีอายุเพียงแค่สิบเอ็ดปีเท่านั้น แต่นางเป็นเด็กฉลาดซ้ำยังเข้าใจถึงจิตใจของผู้คนได้เป็นอย่างดี นางจะเป็นธิดาเทพที่ดีได้อย่างแน่นอน

แต่สิ่งที่ถังหลี่กังวล ก็คือเมื่อซานเป่ากลับคืนสู่สถานะของตนแล้ว ซานเป่าอาจจะไม่ได้กลับไปยังต้าโจวอีก

ความคิดที่ว่าต้องแยกจากบุตรสาวนั้น ทำให้ถังหลี่ไม่สบายใจเอามากๆ นางไม่อาจทิ้งทุกอย่างในต้าโจว แล้วอาศัยอยู่ที่นี่ได้อย่างสบายใจ นางมีสามีและลูกฝาแฝดที่ยังเฝ้ารอให้นางกลับไปหา

ซานเป่าเข้าไปในห้องโถง นั่งลงบนบัลลังก์ ใบหน้าที่ไร้อารมณ์ทำให้ดูน่าเกรงขามไม่น้อย ในไม่ช้าสกุลเยว่และสกุลเหยาจึงเข้ามาในห้องโถง

หัวหน้าสกุลเยว่คือ ท่านยายของหวังหยูที่นางรู้จักดีอยู่แต่เดิม ส่วนผู้นำสกุลเหยาเป็นชายวัยกลางคนท่าทางเรียบง่ายดูซื่อสัตย์ แต่ซานเป่าไม่อาจตัดสินคนจากภายนอกได้ สกุลเหยาใช่ว่าจะเป็นคนดี

ท่านผู้เฒ่าเยว่เงยหน้าขึ้นมองซานเป่า นางคุกเข่าลงอย่างรวดเร็ว นางมีท่าทีเลื่อมใส แววตามีแต่ความตื่นเต้น ตอนที่เห็นอาหลี่โดนจับตัวไป นางสิ้นหวังและหวาดกลัวเหลือเกิน ความคิดสุดท้ายที่อยู่ในหัวคือสกุลเยว่คงสิ้นสุดที่ตัวนางอย่างแน่นอน

หญิงชราไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลยว่า หลังจากที่นางฟื้นขึ้นมาจะได้รับข่าวที่น่ายินดี ธิดาเทพองค์จริงได้ปรากฏตัวขึ้น ทั้งอู่เจี๋ยและธิดาเทพตัวปลอมถูกขังอยู่ในคุก ความประหลาดใจครั้งใหญ่เช่นนี้ทำให้นางแทบหมดสติไปอีกครั้ง

ในที่สุดสกุลเยว่ก็ได้ล้างความอัปยศที่ได้โดนตราหน้าว่าเป็นสกุลบาปและกระทำอาชญากรรมมานานถึงสิบปี ในที่สุดมลทินของอู๋โม่ไป๋ก็ได้ถูกชำระแล้ว

หลังจากที่ท่านผู้เฒ่าเยว่ฟื้นขึ้นมา ก็ได้ไปขอเข้าพบธิดาเทพในทันที นางได้บังเอิญเจอผู้นำของสกุลเหยาเข้าพอดี เขาดูไร้ซึ่งความหยิ่งผยองอย่างที่เคยเป็น ซ้ำยังให้ความเคารพต่อนางเป็นอย่างดี จนทำให้นางเยว่ต้องทอดถอนใจอยู่ภายใน สกุลเหยานี่ช่างเปลี่ยนสีได้เร็วดีเหลือเกิน

ซานเป่ามองผู้ที่คุกเข่าอยู่กับพื้น

“พวกท่านลุกขึ้นเถิด”

ทั้งสองคนยืนขึ้นพร้อมกัน

“ท่านผู้นำสกุลเยว่ ท่านอายุมากแล้วคงยืนนานไม่ได้ ได้โปรดนั่งลงก่อนเถิด” ผู้เฒ่าสกุลเยว่ซาบซึ้งใจในคำพูดของซานเป่าเป็นอย่างมาก

“ขอบพระทัยสำหรับความเมตตาของท่าน”

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หญิงชราได้เจอกับธิดาเทพ ก่อนหน้านั้นได้เคยพบกันเมื่อครั้งนางยังตามหลังมารดา เป็นเพียงเด็กหญิงตัวเล็กที่ไร้เดียงสา ตอนนี้นางได้นั่งอยู่บนบัลลังก์ที่สูงส่ง ดวงตาที่สดใสคู่นั้นราวกับมองทะลุเข้าไปอ่านในจิตใจส่วนลึกของผู้คนได้ รัศมีรอบกายสว่างเป็นประกาย ทำให้ผู้เฒ่าสกุลเยว่รู้สึกราวกับว่าได้อยู่ต่อหน้าธิดาเทพองค์ก่อน

ทั้งความสง่าและรูปลักษณ์เป็นสิ่งที่ธิดาเทพตัวปลอมไม่อาจจะเลียนแบบได้

ซานเป่าขอให้นางเยว่นั่งลง ในขณะที่นางไม่ได้เอ่ยถึงผู้นำสกุลเหยาเลยแม้แต่คำเดียว เห็นได้ชัดว่าสกุลเหยากำลังตกที่นั่งลำบาก

ความคิดของซานเป่าเป็นไปอย่างเรียบง่าย เหยาจื่อ เหยาคู และเหยาเจี๋ย[1] ล้วนมาจากสกุลเหยาทั้งสิ้น พวกเขาทำให้ท่านแม่ ท่านอาจารย์ของหวังหยูต้องเสียชีวิตและได้รับความทรมานมากมายถึงเพียงนี้แล้วนางจะใจดีกับคนสกุลเหยาได้อย่างไร?

เหยาเซิงเหงื่อแตกเต็มแผ่นหลัง เขาไม่คิดว่าเหยาเจี๋ยจะมีความกล้าถึงเพียงนี้ ฆ่าทั้งอู๋โม่ไป๋และธิดาเทพ ตอนนี้เท่ากับเหยาเจี๋ยได้ลงมือฆ่าคนสกุลเหยาของตนเองเข้าแล้วจริงๆ

เหยาเซิงคุกเข่าลงอีกครั้ง

“สกุลเหยาช่างโชคร้ายนัก คนเลวทรามต่ำช้าได้มาเกิดในสกุลเหยา แม้สกุลเหยาจะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นในสิ่งที่เหยาเจี๋ยได้กระทำลงไป แต่ก็ถือได้ว่าเป็นความผิดของสกุลเหยาไม่มากก็น้อย ขอให้ท่านธิดาเทพได้โปรดลงโทษสกุลเหยาด้วยเถิด”

ซานเป่าไม่โต้ตอบ ภายในห้องโถงมีแต่ความเงียบงันปกคลุมอยู่ ร่างของเหยาเซิงสั่นสะท้าน หากธิดาเทพเกิดโทสะขึ้นมาแล้วประนามสกุลเหยาว่าเป็นคนทรยศ พวกเขาคงได้พังพินาศกันหมดทั้งตระกูลเป็นแน่

“เจ้าออกไปก่อน ข้าอยากคุยกับท่านผู้เฒ่าสกุลเยว่” ซานเป่าเอ่ยขึ้นมา เหยาเซิงยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผาก เขาเดินตัวสั่นออกไปจากห้อง

“ผู้อาวุโสเยว่ ท่านคิดว่าควรทำอย่างไรกับคนสกุลเหยา?” ซานเป่าเชิดคางขึ้น นางมองผู้เฒ่าเยว่ที่นั่งอยู่ด้านล่าง

“ท่านธิดาเทพ เหยาเจี๋ยเป็นผู้กระทำความผิด เขาสมควรโดนเผาทั้งเป็น”

ซานเป๋าพยักหน้า อู๋โม่ไป๋อดีตพ่อมดศักดิ์สิทธิ์และผู้บริสุทธิ์มากมายต้องมาตายด้วยน้ำมือของคนชั่วอย่างเหยาเจี๋ย เช่นนั้นแล้วการตายของเหยาเจี๋ยจึงไม่ควรที่จะง่ายดายเกินไป

“คนในสกุลเหยาย่อมต้องถูกลงโทษในสิ่งที่พวกเขาทำลงไป” นางเยว่กล่าว “แต่ปล่อยเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของผู้นำสกุลเหยา”

ซานเป่าพยักหน้า นี่เป็นการทดสอบเหยาเซิงด้วยเช่นกัน หากเขาพยายามที่จะปกปิดความผิดของคนในตระกูลเขาก็จะโดนลงโทษไปด้วย

ซานเป่าคิดว่าท่านผู้เฒ่าเยว่เป็นคนมีเหตุผล ความขัดแย้งของทั้งสองตระกูลมีความเป็นมาอย่างยาวนาน ทั้งยังหยั่งรากฝังลึก ต่อให้นางให้อภัยคนสกุลเหยา ก็สมควรประนามสกุลเหยาว่าเป็นสกุลอาชญากร และคนทรยศ

ในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา สกุลเยว่ถูกใส่ร้ายจากเหยาเจี๋ย ท่านผู้เฒ่าเยว่ต้องจมอยู่กับความเกลียดชังและคำครหามาตลอด ดังนั้นความต้องการนี้จึงไม่ได้มากเกินไปแม้แต่น้อย

ไม่ว่าคนสกุลเหยาจะรู้เห็นกับการกระทำของเหยาเจี๋ยหรือไม่ก็ตาม แต่พวกเขาต่างได้รับผลประโยชน์

จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะมองแต่ผลประโยชน์ที่ตระกูลของตนได้รับโดยไม่คำนึงถึงผลเสียหรือความผิดต่อส่วนรวมเลย

ในขณะที่ท่านผู้เฒ่าเยว่ไม่ได้เป็นเช่นนั้น นางคำนึงถึงผลประโยชน์ของชนเผ่าอู๋ซานทั้งหมด นางจะไม่กระทำการหุนหันพลันแล่นอย่างเช่นคนสกุลเหยาที่ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นกับเผ่าอู๋ซานของตน

นี่จึงเป็นความแตกต่างระหว่างสกุลเยว่และสกุลเหยา สกุลเยว่ให้ความสำคัญกับชนเผ่าอู๋ซาน ในขณะที่สกุลเหยาเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวเป็นหลัก

“ในเมื่อเหยาเจี๋ยเป็นผู้ที่วางแผนสังหารอู๋โม่ไป๋และอดีตธิดาเทพ เช่นนั้นจึงสมควรสืบหาว่าสกุลเหยามีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้มากน้อยเพียงไร หากพวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจละเว้นได้” ซานเป่าตัดสิน

“ธิดาเทพช่างชาญฉลาดยิ่งนัก” น้ำเสียงของผู้เฒ่าเยว่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ธิดาเทพช่างเฉลียวฉลาดและเด็ดขาด หลังจากที่มีเมฆหมอกปกคลุมมืดครึ้มมายาวนาน ชนเผ่าอู๋ซานก็ใกล้ที่จะได้เห็นแสงตะวันแล้ว

“ท่านธิดาเทพ บรรดาพ่อมดและสาวกรับใช้เหล่านั้นล้วนเป็นศิษย์ของเหยาเจี๋ยทั้งสิ้น พวกเขาสมควรโดนไล่ออกไปให้พ้นวิหาร จากนั้นขอให้ท่านได้แต่งตั้งอู๋หลี่เป็นพ่อมดศักดิ์สิทธิ์ เพื่อให้เขารับผิดชอบและจัดการเรื่องต่างๆ ให้เร็วที่สุด”

[1] หรือก็คืออู๋เจี๋ย

————————————————