บทที่ 632 ในหัวใจของผม

บทที่ 632 ในหัวใจของผม

หลังจากเอ่ยจบ ฉือเก๋ออยากกลับไปพักที่ห้องแล้ว

การตายของหลานสาวติดค้างอยู่ในใจมาหลายปี โดยเฉพาะตอนที่ได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง เขามักจะเห็นท่าทางน่ารักและมีชีวิตชีวาของหลานสาวในตอนนั้นเสมอ

ที่จริงเขาคิดจะทิ้งที่นี่ไปและหาที่อยู่ใหม่

แต่ไม่รู้เพราะอะไรจึงเลือกที่จะอยู่ต่อ

เรื่องที่เด็กหญิงผู้บริสุทธิ์จากไปได้กลายเป็นเรื่องต้องห้ามระหว่างสองปู่หลานเสียแล้ว และไม่มีใครเอ่ยถึงอีกเลย

ทว่าเราต่างก็รู้ ไม่เคยเลยลืมสักครั้งเดียว

“คุณพ่อคะ ประเทศนี้มันมีอะไรให้ควรค่ายึดติดคะ? ด้วยความสามารถของท่าน หากได้ไปเยอรมนีจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอนค่ะ”

ฉือเก๋อมองคนตรงข้าม “ต้นไม้ใหญ่สูงพันจั้งใบร่วงหล่นสู่ราก*[1] ฉันแก่แล้ว ไม่อยากทรมานต่อแล้ว”

“ถ้าคุณพ่อไม่อยากไป งั้นให้ฉันพาอี้หย่วนไปได้ไหมคะ?”

“อี้หย่วนโตแล้ว มีความคิดเป็นของตัวเอง ถ้าเขาอยากไปฉันก็ไม่ห้าม แต่ถ้าไม่อยากฉันก็ไม่มีสิทธิ์ชักจูงเขาเหมือนกัน!”

อวี๋ซีเยว่ตั้งใจจะทิ้งตาแก่แบบเขาไว้ที่นี่ตามลำพัง

ชายชราอดไต่ตรองไม่ได้ว่า หรือการสั่งสอนของเขาจะล้มเหลวจริง ๆ?

ลูกชายลูกสาวก็ไม่เคยกลับมาเลย ส่วนสะใภ้กลับมาก็จริงแต่ไม่ได้กลับบ้าน และสุดท้ายยังเสนอให้เอาญาติคนสุดท้ายไปอีก

“ผมจะอยู่ที่นี่ บ้านของผมอยู่ที่นี่ และรากเหง้าของผมก็คือที่นี่!” จู่ ๆ เสียงของฉืออี้หย่วนก็ดังขึ้น

ยามมองใบหน้าเย็นชาของลูกชายบนบันได อวี๋ซีเยว่ตะลึงงันไปครู่หนึ่ง

ยังอยู่ในระหว่างสัปดาห์ไม่ใช่หรือ เขาน่าจะไปเรียนสิ?

อวี๋ซีเยว่รู้ว่าฉืออี้หย่วนนอนหอที่มหาวิทยาลัย

ที่จริงเธอตั้งใจเลือกเวลานี้เพื่อมาหาพ่อสามีด้วย เขาจะได้ตกลงก่อนที่ลูกชายจะรู้เรื่อง

เธอไปสืบมาแล้วว่าฉืออี้หย่วนเป็นเด็กที่กตัญญูมาก ขอแค่ฉือเก๋อเห็นด้วย เขาก็พร้อมจะตอบตกลง

ชายชราไม่ได้พูดอะไร แต่เห็นได้ชัดว่าพึงพอใจและยินดีกับการตัดสินใจของหลานชายมาก

แม้ว่าจะล้มเหลวในการสั่งสอนลูกชายลูกสาว แต่โชคดีที่หลานชายยังดีอยู่ อย่าให้ตาแก่คนนี้ต้องขายหน้าไปมากกว่านี้เลย!

“คุณอวี๋ ผมเป็นญาติคนเดียวที่คุณปู่เหลืออยู่บนโลกใบนี้ และผมจะไม่จากท่านไปไหนด้วย”

ฉืออี้หย่วนตอบอย่างหนักแน่น ก่อนมองชายชราด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยสายใยแห่งครอบครัว

“เด็กดี!”

“อี้หยวน แม่รู้ว่าลูกเป็นเด็กฉลาด แต่เคยคิดบ้างไหม? ว่าการที่อยู่ที่นี่มันให้ประโยชน์อะไรบ้าง?” อวี๋ซีเยว่ร้อนรน

คราวนี้เธออยากพาลูกชายไปเยอรมันจริง ๆ ส่วนพ่อสามีเราคุยกันแล้ว ถ้าเขาจะไปก็ไปด้วยกัน แต่ถ้าไม่ก็เคารพการตัดสินใจของเขา

“ผมเป็นคนจีน ทำไมต้องไปต่างประเทศด้วย? อีกอย่างนะครับ ผมไม่คิดว่าตอนนี้ประเทศเรามันจะไม่มีอะไรดีนะ”

นี่คือความคิดที่แท้จริงของฉืออี้หย่วน

ถึงหลายปีมานี้จะวุ่นวายไปหน่อยแต่ตอนนี้ทุกอย่างกำลังดำเนินไปในทิศทางที่ดี

เขามองเห็นว่ายุคสมัยอันยิ่งใหญ่กำลังจะมาถึง

ขอแค่คว้าโอกาสไว้ได้ ทุกอย่างก็จะราบรื่นเอง

อวี๋ซีเยว่พูดด้วยเสียงแหลมกว่าเดิม

“แล้วที่นี่มันดีตรงไหน? ทั้งยากจนข้นแค้น ล้าหลัง ไร้ความรู้ แม่ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาบรรยายให้มันคู่ควรเลย!”

ใบหน้าของเด็กหนุ่มปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งในทันที

ไม่เคยคิดมาก่อนว่าในฐานะที่เป็นคนจีน แม่จะมีความคิดต่อประเทศเช่นนี้

“น่าเสียดายนะครับคุณอวี๋ ประเทศจีนในหัวใจผมต่างจากของคุณเหลือเกิน!”

เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเสียดสีไม่คิดปิดบัง

“ในหัวใจของผม ภูเขาลูกใหญ่ของประเทศจีนมียอดสูงตระหง่านมองเห็นเรื่องราวมากมายในประวัติศาสตร์ ในยามที่ประเทศมัวหมอง แม้เผชิญลมฝนพัดผ่านกลับนิ่งไม่ไหวติง ในสถานที่ที่มีเบื้องหลังซึ่งสามารถยืนหยัดมาได้หลายร้อยปีด้วยความสงบสุข

ในหัวใจของผม ประเทศบ้านเกิดมีสายน้ำไหลเชี่ยวอย่างไม่ย่อท้อ ชะล้างสิ่งสกปรกที่สั่งสมมานานนับศตวรรษ มีแผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาล ทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ ทิวทัศน์อันสวยงาม และวัฒนธรรมอันดีงาม

ในหัวใจของผม ประเทศจีนมียอดเขาเอเวอเรสต์ที่หิมะปกคลุมมานานนับพันปี มีที่ราบสูงดินลมหอบอันกว้างใหญ่ มีที่ราบทางตอนเหนือสุดลูกหูลูกตา นอกจากนี้ยังมีแม่น้ำฮวงและแม่น้ำแยงซีทที่ไร้ที่สิ้นสุด น่าเสียดายจริง ๆ ครับที่ในใจคุณผู้หญิงกลับดูถูกสถานที่นับหมื่นพวกนี้ แต่ในใจผมกลับงดงามจนไม่มีที่ใดเทียบได้ติด!”

ฉืออี้หย่วนยังเป็นวัยรุ่น น้ำเสียงของเขาจึงดังกึกก้องแม้จะไม่ได้ตะโกน

โดยเฉพาะกับคนที่เป็นมารดาผู้ให้กำเนิด เธอทำให้เขาผิดหวังและเสียใจมาโดยตลอด

อวี๋ซีเยว่ที่นั่งอยู่ทนไม่ไหวจนต้องลุกขึ้นพรวด ใจนึกอยากตำหนิลูกชาย แต่เหมือนจะพูดอะไรไม่ออก

“เสี่ยวหยวนพูดถูก แม้ตอนนี้ประเทศของเราจะล้าหลัง แต่สักวันหนึ่งมันจะรุ่งเรืองและแข็งแกร่งขึ้น!” ฉือเก๋อยกย่องหลานชายโดยไม่ลังเล

“คุณปู่ครับ ผมจะตั้งใจทำงานครับ หนุ่มสาวนับพันคนก็จะตั้งใจเหมือนกับผมด้วย!”

“ซีเยว่ เธอก็เห็นแล้วสินะว่าเสี่ยวหย่วนไม่อยากไปน่ะ”

หลานชายยังอยู่ข้างกายเขา ไม่ว่าใครจะพูดอะไรก็ให้พูดไป แค่นี้เขาก็พอใจแล้ว

ส่วนลูกชายลูกสาว ตอนนี้เขาไม่อยากให้กลับมาแล้วล่ะ!

เพราะงั้นหลังจากนี้มาใช้ชีวิตกันสองคนปู่หลานกัน!

“คุณพ่อคะ! อี้หย่วนเป็นลูกชายฉันนะคะ!”

“ในเมื่อเธอรู้ว่าอี้หย่วนคือลูกชาย งั้นในฐานะที่เป็นแม่จะออกค่าครองชีพให้ก็คงไม่เป็นไรสินะ? ฉันเองก็ไม่ได้ขออะไรมากเกินไปเลย แถมได้ยินเธอไปพูดกับเด็กตระกูลซูอีกว่าขอให้ทิ้งอี้หย่วนไปซะแล้วจะให้เงินห้าพัน งั้นก็ให้อี้หย่วนสักหมื่นสิ!”

อวี๋ซีเยว่ตะลึงงัน

เพราะรู้ว่าพ่อสามีเป็นคนแบบไหน

เขาเป็นปัญญาชน มีความภาคภูมิใจและยึดมั่นในตัวเอง

แต่ทำไมจู่ ๆ ถึงพูดเรื่องเงินล่ะ?

หรือยัยเด็กนั่นมันมายุยงใช่ไหม?

“คุณพ่อคะ ชีวิตเราที่ต่างประเทศมันก็ไม่ได้สุขสบายนะคะ!”

“งั้นก็ไม่ได้ง่ายที่จะเมินเฉยต่อลูกหรือเปล่า? พวกเธอทิ้งเสี่ยวหย่วนไว้ตั้งหลายปี ไม่ได้สนใจใยดีอะไรเขาเลย แล้วเสี่ยวหย่วนไม่ต้องการเงินค่าดำรงชีพเลยใช่ไหม?”

อวี๋ซีเยว่อยากจะถามเหลือเกินว่า ตอนที่ใช้ชีวิตอยู่ชนบทเพิ่งจะใช้เงินไปเท่าไรเอง เงินหมื่นนึงมันไม่มากไปหน่อยหรือ?

“อย่าคิดว่าฉันเรียกร้องมากเกินไปเลย เงินหมื่นหยวนมันไม่ได้เยอะหรอกนะ ลองคำนวณดูสิว่าหนึ่งปีใช้เงินไปกับลูกที่อยู่ด้วยเท่าไร!” ฉือเก๋อเอ่ยเสียงเย็น

ตอนลูกชายลูกสะใภ้จากไป ฝ่ายหญิงตั้งครรภ์ที่สามแล้ว

ด้วยนิสัยของพวกเขา เด็กคนนั้นที่เกิดมาคงถูกเอาอกเอาใจอย่างดี

อวี๋ซีเยว่ลังเลจริง ๆ

ก็จริง ลูกทั้งสองที่อยู่กับเธอในตอนนี้ใช้เงินปีละเท่าไร?

ถ้าอิงตามนั้น การให้เงินหมื่นหย่วนกับลูกชายคนโตคงไม่ถือว่ามากเท่าไร

แต่มันเหมือนกันหรือ?

สำหรับเธอแล้วมันต่างกันนะ

ในสถานที่ยากจนและห่างไกลอย่างประเทศจีนแล้ว ต่อให้มีรายจ่ายมากแต่มันจะใช้กันสักเท่าไรกันเชียว?

[1] สูงสุดคืนสู่สามัญ