บทที่ 641 โยนบาปให้หลี่ฝาน

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 641 โยนบาปให้หลี่ฝาน

บทที่ 641 โยนบาปให้หลี่ฝาน

ลวี่เทาหมุนกายกลับไปจ้องมองหลี่ฝาน และตะโกนขึ้นอีกครั้ง “หลี่ฝาน สิ่งที่เสี่ยวหลีจื่อพูดเป็นความจริงงั้นหรือ? แต่กู้เสี่ยวหวานเปิดโปงว่าเหมียวเอ้อร์โลภมากอยากได้เงินของร้านจิ่นฝู!”

“ใช่!” หลี่ฝานพูดอย่างเด็ดขาด และเปลี่ยนเรื่องทันที “ทว่าก่อนหน้านี้ ข้ามองออกแล้วว่าบัญชีที่เหมียวเอ้อร์ทำนั้นมีปัญหา ข้าจึงตามกู้เสี่ยวหวานมาช่วยคำนวณ!”

“น่าขันยิ่งนัก!” เหมียวซื่อที่อยู่ด้านข้างสบถ เอ่ยเสียงเย็นชา “เถ้าแก่หลี่ เจ้ากลายเป็นคนโง่เขลาไปแล้วหรือ? บัญชีที่เหมียวเอ้อร์ทำจะมีปัญหาได้อย่างไร? ช่วยมีมโนธรรมกว่านี้ได้หรือไม่! ลองฟังสิ่งที่เจ้าพูดออกมาเถิด เหมียวเอ้อร์ของพวกเราทุ่มเทแรงกายให้ร้านจิ่นฝูมาหลายปี แม้แต่คำว่าเหนื่อยยังไม่เคยแม้แต่จะปริปาก? หลายปีมานี้ เจ้าเคยเห็นเขาคำนวณบัญชีผิดพลาดสักครั้งหรือไม่!”

สิ้นประโยคก็ร้องไห้คร่ำครวญด้วยความโศกเศร้า “หลายปีมานี้ เหมียวเอ้อร์ของครอบครัวเราขยันหมั่นเพียรเพื่อร้านของเจ้า หากเขาคำนวณผิดพลาด เจ้าคงไล่เขาออกไปนานแล้ว เหตุใดยังเก็บเขาไว้นานหลายปีขนาดนี้ จนกระทั่งกู้เสี่ยวหวานปรากฏตัว เจ้าถึงบอกว่าเขาคำนวณบัญชีผิด ละโมบโลภมาก มันคือเหตุผลอะไรกัน?”

ครั้นเสี่ยวหลีจื่อเห็นเหมียวซื่อร้องไห้อย่างเศร้าโศก จึงกล่าวอย่างปวดใจ “ฮูหยินเหมียว เราขอแสดงความเสียใจด้วย!

“ข้าจะระงับความโศกเศร้านี้ได้อย่างไร! สามีของข้าตายแล้ว ข้าและลูกทั้งสองจะอยู่กันอย่างไร!” เสียงร้องไห้ของเหมียวซื่อฟังแล้วสะเทือนใจ

แม้แต่ผู้คนรอบข้างยังรู้สึกสะเทือนใจ

แรกเริ่มเดิมทีเพียงแค่สงสัย หลังจากได้ยินเสียงร้องห่มร้องไห้ของเหมียวซื่อ พวกเขาทั้งหมดเอนเอียงไปทางฝ่ายเหมียวซื่อ และพากันประณามหลี่ฝาน

“เถ้าแก่หลี่ เราสงสัยมาตลอดว่า เหตุใดถึงไม่เห็นเหมียวเอ้อร์ในร้านของเจ้า แท้จริงกลับโดนเจ้าไล่ออกไปแล้ว ไม่เป็นไรหากเจ้าจะเลิกจ้างเขา แต่ไม่คาดคิดว่าเจ้าจะหาข้ออ้างโดยบอกว่าเหมียวเอ้อร์โลภเงิน และขอให้เด็กหญิงคนหนึ่งคํานวณบัญชีแทนเหมียวเอ้อร์ นี่ไม่ใช่พังพอนที่อวยพรไก่ปีใหม่ ไม่รู้สึกละอายใจบ้างเลยหรือ!”

“ถูกต้อง ถ้าเหมียวเอ้อร์ ยักยอกเงินสองพันตำลึงของเจ้าจริง ๆ ทําไมไม่พูดอะไรสักคํา และไปศาลาว่าการเพื่อฟ้องร้องเขา เห็นได้ชัดว่าหัวใจของเจ้ามันมืดมิด!”

“ถูกต้อง เถ้าแก่หลี่ ร้านจิ่นฝูยังคงเป็นร้านอาหารที่หรูหราและอร่อยที่สุดในเมืองของเรา หน้าซื่อใจคด ในอนาคตข้าจะไม่อุดหนุนร้านของเจ้าอีก!”

“ใช่! ไม่ไปอีกต่อไป ไม่ไปแล้ว! เจ้าใส่ความผู้อื่นแล้วยังจะตีหน้าซื่อ สร้างเวรสร้างกรรมจริง ๆ!”

คนเหล่านั้นล้วนเป็นคนของร้านอาหารอื่น ครั้นได้ยินใครบางคนต่อต้านหลี่ฝานด้วยความโกรธ จึงฉวยโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะเหยียบย่ำหลี่ฝาน พวกเขาทั้งหมดขยิบตาให้คนของตัวเอง

คนเหล่านั้นซุบซิบนินทาเกี่ยวหลี่ฝาน

“จิตใจโหดเหี้ยมเยี่ยงหมาป่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราใช้เงินจํานวนมากไปกับร้านจิ่นฝู สุดท้ายแล้วเขาก็เป็นเพียงหมาป่าตาขาว!”

“คว่ำบาตรร้านจิ่นฟู คว่ำบาตรร้านจิ่นฟู!” ในเวลานี้มีคนปริปาก ยกมือขึ้น และตะโกนอย่างขุ่นเคือง

คนรอบข้างราวกับติดเชื้อจากบุคคลนั้น พวกเขาทั้งหมดยกมือขึ้นและตะโกนทีละคนว่า “คว่ำบาตรร้านจิ่นฟู คว่ำบาตรร้านจิ่นฟู!”

หลี่ฝานเหลือบมองผู้คนที่มีชีวิตชีวารอบ ๆ อย่างเย็นชา

“เถ้าแก่หลี่ เจ้าเห็นหรือยังว่าสิ่งที่เจ้าทำลงไปทั้งหมด แม้แต่ทุกคนก็ไม่อาจรับได้!” ในเวลานี้ ลวี่เทาในห้องโถงถอนหายใจ พูดราวกับหลี่ฝานมีพฤติกรรมไม่เป็นธรรม

“อืม มีบางอย่างที่น่าสะอิดสะเอียนยิ่งกว่านี้! ใต้เท้า ท่านยังคงไม่รู้สินะ ตอนนี้เถ้าแก่เจ้าของร้านจิ่นฝูลายเป็นพวกของกู้เสี่ยวหวานแล้ว ท่านรู้หรือไม่ว่านางได้เงินเดือนเท่าไร”

“เท่าไร?”

ทุกคนเบิกตากว้างจ้องมองไปยังเสี่ยวหลีจื่อ

หลี่ฝานขมวดคิ้ว จ้องมองเสี่ยวหลีจื่อที่ใบหน้าเปี่ยมความภาคภูมิใจ และพูดเสียงดังว่า “สิบห้าตำลึงเงิน!”

สวรรค์!

คนรอบกายสูดลมหายใจเข้า

เงินเดือนสูงเช่นนี้เลยหรือ?

แม้แต่ลวี่เทาในห้องโถงก็ขมวดคิ้ว

สิบห้าตำลึงเงิน สูงกว่าเงินเดือนของเขาเสียอีก เงินเดือนของเขาต่อเดือนเพิ่งจะสิบตำลึงเงิน

หญิงคนหนึ่งมีเงินเดือนสิบห้าตำลึงเงิน!

ผู้คนรอบข้างราวกับต้องการเห็นสัตว์ประหลาด เสี่ยวหลีจื่อกล่าวต่อว่า “มันเหลือเชื่อใช่หรือไม่? ตอนแรกข้าคิดว่ามันเหลือเชื่อ แต่ต่อมาข้าก็เคยชินกับมัน! เจ้าว่ามันยุติธรรมต่อเหมียวเอ้อร์หรือไม่เล่า?”

เหมียวซื่อร้องไห้สะอึกสะอื้น “ใต้เท้า ตอนนี้เรื่องทุกอย่างก็ชัดเจนแล้ว การตายของเหมียวเอ้อร์มีส่วนเกี่ยวข้องกับกู้เสี่ยวหวานและหลี่ฝานเป็นอย่างมาก”

“หลี่ฝานและกู้เสี่ยวหวานร่วมมือกันใส่ร้ายเหมียวเอ้อร์ของพวกเรา จากนั้นพวกเขาก็สร้างหลักฐานดังกล่าวเพื่อเอาผิดเหมียวเอ้อร์ของพวกเรา”

เมื่อเห็นใบหน้าของลวี่เทาซีดเซียวและก้มหน้าลงเล็กน้อย ราวกับว่าเขากําลังคิดถึงสิ่งต่าง ๆ เหมียวซื่อจึงพูดอย่างตั้งใจ “หลังจากที่พวกเขาร่วมมือกันฆ่าเหมียวเอ้อร์ หลี่ฝานก็ขอให้กู้เสี่ยวหวานมาเป็นคนทำบัญชีของร้านจิ่นฝูแทน และเขาก็ให้เงินเดือนสูงแก่นาง จุดประสงค์ก็เพื่อต้องปิดปากกู้เสี่ยววาน และอย่าให้นางพูดเรื่องไร้สาระ!”

เรื่องราวเริ่มสนุกขึ้นเรื่อย ๆ!

ลวี่เทาก็มีความสุขเช่นกัน เมื่อมองไปยังหลี่ฝานที่ไร้ความรู้สึกกำลังยืนอยู่ใต้ห้องโถง เขากำลังครุ่นคิดอยู่ในใจ เดิมทีเรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกู้เสี่ยวหวาน

ถ้ากู้เสี่ยวหวานถูกตัดสินว่ามีความผิด นางจะต้องชดเชยให้เหมียวซื่อ สําหรับกู้เสี่ยวหวานที่มีที่นามากมาย ไม่ต้องพูดถึงว่าจะนำมันไปทั้งหมด แค่แปดส่วนก็สมควรแล้ว

แต่ตอนนี้ เรื่องนี้กลับไปในทิศทางตรงกันข้ามและได้ยั่วยุหลี่ฝานเข้าให้แล้ว หลี่ฝานเป็นเถ้าแก่ใหญ่ หากเขาสามารถยืนยันความผิดได้ เงินจํานวนนี้…

แววตาของเขาหลุกหลิกเล็กน้อย ความโลภมลายหายไป

เมื่อลวี่เทามองไปที่หลี่ฝาน หลี่ฝานยังคงไม่แสดงสีหน้าใด ๆ สายตาจับจ้องมาที่ใบหน้าของตน ลวี่เทากลัวว่าหลี่ฝานจะเห็นความคิดในจิตใจของเขา เขาจึงตบโต๊ะและพูดอย่างนอบน้อมว่า “เหมียวซื่อ เจ้าเงียบก่อนเถอะ ข้าจะให้ความยุติธรรมกับเจ้าเอง! หลี่ฝาน จนถึงตอนนี้เจ้ายังมีสิ่งใดต้องการพูดอีกหรือไม่”

หลี่ฝานยิ้มพลางมองไปที่ลวี่เทา เหมียวซื่อ และคนที่อ้างว่าเป็นเสี่ยวหลีจื่อ

“นี่เรียกว่าหลักฐานได้หรือ?” หลี่ฝานพูดอย่างเหยียดหยามว่า “มันช่างไร้สาระที่จะตัดสินลงโทษผู้คนด้วยคําพูดของเขา แล้วเจ้าเห็นร่างของเหมียวเอ้อร์หรือไม่?”