จนกระทั่งอวิ๋นชวนเดินตรงเข้ามากอดเขา เจียงจั้นก็ยังคงอยู่ในอาการตกตะลึง
แผนชายหนุ่มรูปงามได้ผลเกินคาด?
ไม่น่าใช่ ผู้ที่อยู่ตรงหน้านี้คือเด็กหนุ่มคนหนึ่ง!
จู่ๆ เจียงจั้นก็สัมผัสได้ถึงอันตราย จนกระทั่งเด็กหนุ่มผู้นั้นนำมือมาสัมผัสที่ร่างกายของเขา เขาก็มีปฏิกิริยาตอบสนองด้วยการเอื้อมมือไปคว้าข้อมือของอวิ๋นชวนเอาไว้ “เจ้าจะทำสิ่งใด”
อวิ๋นชวนชะงักลงเล็กน้อย น้ำเสียงของเขาดูราบเรียบ “เจ้าบอกว่าให้ข้าพาเจ้าออกไปจากที่นี่ แล้วเจ้าจะบอกคำตอบข้าไม่ใช่หรือ”
ประโยคนี้ทำให้เจียงจั้นรู้สึกเคอะเขินแล้วรีบปล่อยมือ เขากล่าวว่า “รอข้าก่อน” จากนั้นเขาก็กินน่องไก่ที่อยู่ในมือจนหมดอย่างตะกละ เหลือไว้เพียงแค่ข้าวเปล่า ก่อนจะเช็ดริมฝีปากตอบว่า “ไปกัน”
แท้จริงแล้วเจียงจั้นก็ไม่ได้คาดหวังสิ่งใดมาก เพียงแต่เขาถูกกักขังเอาไว้เนิ่นนาน การปรากฏตัวของเด็กหนุ่มผู้นี้จึงทำให้เขารู้สึกได้ถึงความหวังอันเล็กน้อย
อุปสรรคมีไม่น้อย อย่างดอกไม้ใบหญ้าที่อยู่ในลานแห่งนี้ สามารถทำให้ผู้คนไร้เรี่ยวแรงได้ เขาไม่คิดว่าร่างกายอันผอมบางของเด็กหนุ่มผู้นี้จะสามารถพาเขาหลบหนีไปได้จริงๆ
เมื่อเดินผ่านดอกไม้ต้นหญ้าเหล่านั้นไป เจียงจั้นกลับต้องตกตะลึงเพราะเขาไม่ได้รับอิทธิพลจากกลิ่นหอมของดอกไม้เหล่านั้นเลย
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะเอ่ยถามเด็กหนุ่มว่า “พวกเจ้ากินยาถอนพิษอย่างงั้นหรือ”
อวิ๋นชวนมองไปทางเจียงจั้น
เจียงจั้นชี้ไปที่ดอกไม้เหล่านั้น
อวิ๋นชวนครุ่นคิดแล้วหยิบถุงหอมห้าสีออกมาให้เขาดู
“นี่คือ…”
“หากมีเจ้าสิ่งนี้ก็ไม่ต้องเกรงกลัว” อวิ๋นชวนอธิบายอย่างเรียบง่าย
เจียงจั้นหรี่ตาลงมองไปทางเด็กหนุ่มที่มีหน้าตาขี้เหร่เล็กน้อยผู้นี้ ก่อนจะคิดอยู่ในใจว่า เจ้าเด็กน้อยคนนี้โง่เขลาเหลือเกินที่อธิบายเรื่องนี้กับเขาอย่างตรงไปตรงมา ไม่กลัวว่าเขาจะแย่งถุงหอมนี้ไปหรือ
แน่นอนว่าเขาไม่ใช่คนเช่นนั้น
เมื่อเดินผ่านลานกว้างนี้ไป รอบกายก็ไม่เห็นผู้คนแม้แต่คนเดียว มีเพียงบ้านเรือนตั้งตระหง่านและเสียงกลองบรรเลงมาจากที่ไกลๆ
“ในวันนี้พวกเจ้าเฉลิมฉลองสิ่งใดกันงั้นหรือ” เจียงจั้นเอ่ยถาม
“เทศกาลซินหั่วที่มีเพียงปีละครั้ง”
“อ้อ เช่นนี้นี่เอง” เจียงจั้นยิ้มขึ้นเล็กน้อยดูเหมือนเข้าใจ แท้จริงแล้วเขาไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าซินหั่วคืออะไร
ช่างเถิด ไม่จำเป็นต้องถาม กว่าจะพบเข้ากับผู้โง่เขลาไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่แน่ว่าอาจสามารถพาเขาออกไปได้จริงๆ
เจียงจั้นคิดไปคิดมา คิดว่าอย่างมากตนก็เพียงแค่ต้องกลับไปอาศัยอยู่ในที่นั่นโดยไม่มีข้าวกิน ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น
แต่เด็กหนุ่มผู้นี้โง่เขลายิ่งนักที่ไม่บังคับให้เขาเอ่ยคำตอบให้ฟังเสียก่อน
ความคิดนี้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ
ในไม่ช้า เจียงจั้นก็มองเห็นฝูงชนซึ่งกำลังร้องรำทำเพลง หูของเขาเต็มไปด้วยน้ำเสียงของเพลงและเสียงหัวเราะ
ทันใดนั้น เด็กหนุ่มก็หยุดฝีเท้าลง
เจียงจั้นจึงได้หยุดลงตามไปด้วย เขาเอ่ยถามว่า “เหตุใดจึงไม่เดินต่อไปเล่า”
อวิ๋นชวนจ้องมองมาทางเขา เอ่ยข้ามขึ้นอย่างช้าๆ “มีอาฮวาสองคนจริงหรือ”
เจียงจั้นขมวดคิ้วเข้าหากัน
เหตุใดจึงเอ่ยถามในตอนนี้
ท่ามกลางความอัดอั้นใจ พบว่าเด็กหนุ่มยกมือขึ้นชี้นิ้วไปทางกลุ่มคนมากมาย เขากล่าวขึ้นด้วยท่าทางนิ่งเงียบดังเดิมว่า “หากเจ้าไม่บอก ข้าจะตะโกนให้พวกเขารู้”
เจียงจั้นอ้าปากค้าง เขาอยากจะตบปากตนเองเหลือเกิน
เขาผิดไปแล้ว ไม่ใช่ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้โง่เขลา ไปๆ มาๆ เป็นตัวเขาเองต่างหากที่โง่เขลา!
ที่แท้เจ้าเด็กหนุ่มหน้าตาขี้เหร่คนนี้กลัวว่าจะสู้เขาไม่ได้หากอยู่ในห้อง จึงได้พาเขามาท่ามกลางฝูงชน…
คนเราเมื่อยืนอยู่บนหลังคาก็จำเป็นจะต้องก้มหน้าลงมอง พลิกแพลงปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ เจียงจั้นถอนหายใจออกมากล่าวว่า “ถูกต้องแล้ว ข้ารู้สึกว่ามีอาฮวาสองคน น้องชาย ข้าจะบอกกับเจ้าให้ อาฮวาที่ข้าเคยเห็นในครั้งแรกไม่ใช่เช่นนี้…”
เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้นจากเจียงจั้น อวิ๋นชวนก็ค่อนข้างมั่นใจในความสงสัยของตน สตรีที่เต้นรำในวันนี้ไม่ใช่อาฮวาที่ช่วยเขา!
น้ำเสียงนั่นไม่เหมือนกัน
ตอนที่เขาใช้ผ้าห่มห่อหุ้มเอาไว้อย่างน่าสมเพช รอให้ร่างของท่านปู่ถูกช้อนขึ้นมา น้ำเสียงที่พูดกับเขานั้นช่างยากที่จะลืมเลือน
อวิ๋นชวนมองไปทางฝูงชนมากมายแล้วกัดฟันกรอด
อาฮวาที่เคยช่วยเขาไว้อยู่ที่ใด
เจียงจั้นกระแอมออกมา “น้องชายเจ้าต้องการทำสิ่งใดกันแน่”
ตอนนี้เขาเริ่มคิดจะแย่งถุงหอมจากมือของเด็กหนุ่มผู้นี้แล้วแทรกเข้าไปในฝูงชน
คนมากมายเพียงนี้ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะหลบหนีไปได้
อวิ๋นชวนได้สติกลับคืนมา เขาพยักหน้าเล็กน้อย “ข้าจะพาเจ้าออกไปจากที่นี่”
เจียงจั้นรู้สึกประหลาดใจแล้วเลิกคิ้วขึ้น
เด็กหนุ่มผู้นี้รักษาคำมั่นสัญญายิ่งนัก
อวิ๋นชวนไม่ได้เอ่ยปากกล่าวสิ่งใดอีก เขาพาเจียงจั้นเดินตรงออกไปจากประตูค่าย
จนกระทั่งเขาเดินทางออกมาจากค่ายได้อย่างปลอดภัย เจียงจั้นราวกับว่าตนฝันไป เขาคิดถึงคำของเด็กหนุ่ม ‘วันนี้จะมีงานรื่นเริงทั้งวัน ที่แห่งนี้ยากจะเข้ามา แต่ง่ายที่จะออกไป ในเมื่อเจ้าเดินทางออกไปแล้วก็ยากที่จะได้กลับเข้าไปอีก…’
เมื่อได้ยินดังนั้นเขาก็ถึงกับกลอกตา หากเขาอยากเข้าไปอีกคงเป็นไอ้โง่เง่า!
ผู้ที่รู้สึกว่าตนกำลังฝันไปยังมีหลงต้านอีกคน
เขาใช้มือดึงไปที่เหล่าฉินอย่างแรง “เหล่าชิน เจ้ารีบดูคนคนนั้น เหตุใดข้ามองไปดูคล้ายคุณชายรองเจียงเหลือเกิน!”
เหล่าฉินที่มักแสดงท่าทีสงบตลอดมา บัดนี้เขาก็ได้แต่ตกตะลึงแล้วพิจารณามองดู ก่อนจะกล่าวมาอย่างมั่นใจว่า “เขาคือคุณชายรองเจียง!”
หลงต้านรีบมองไปทางประตูค่าย “นี่มันเกิดอะไรขึ้น พระชายาอ๋องกำชับพวกเราว่าให้ใช้โอกาสในเทศกาลของอูเหมียววันนี้ในการแทรกตัวเข้าไปด้านในไม่ใช่หรือ พวกเรายังไม่ทันได้เข้าไปเลย คุณชายรองเจียงกลับออกมาด้วยตนเองแล้ว?”
เหล่าฉินกำเหอเปาของเจียงซื่อที่ยื่นมาให้เขาก่อนที่นางจะติดตามผู้อาวุโสฮวาเข้าไปด้านใน บัดนี้เขาก็รู้สึกงุนงงเช่นกัน
พระชายาอ๋องทิ้งเหอเปาเอาไว้ให้เขากับหลงต้านสองอัน กล่าวว่าหากเข้าไปในเผ่าอูเหมียวนี้ได้แล้ว ให้นำของสิ่งนี้ติดตัวไปด้วย ในเหอเปานี้มีสมุนไพรคุณสมบัติพิเศษ จำเป็นจะต้องจุดมันจึงจะเกิดผล และจะมีผลเพียงแค่หนึ่งวันเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เองพวกเขาจึงรอจนกระทั่งวันนี้ค่อยหาโอกาสลงมือ
บัดนี้พวกเขายังไม่ได้ลงมือเลย
หลงต้านรีบออกมาจากที่ซ่อนแล้วเดินตรงเข้าไป “ไปถามคุณชายรองเจียงก็คงรู้เรื่อง”
เจียงจั้นถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ยังไม่ทันจะรู้สึกดีใจที่หลบหนีออกมาได้ เขาก็ถูกคนเอามือปิดปากแล้วลากตัวไป
“อู้อี้ๆ!” เมื่อเขาเห็นชัดว่าใครเป็นคนเข้ามาปิดปากเขาไว้ เจียงจั้นก็ได้จะตกตะลึง “หลงต้าน?”
หลงต้านกลับคืนสู่สภาวะปกติ “คุณชายรอง ท่านกินยาคลายกล้ามเนื้อหรืออย่างไร”
นี่มันง่ายดายเหลือเกิน คาดว่าแม้แต่สตรีก็สามารถจัดการคุณชายรองเจียงได้สำเร็จ
เจียงจั้นทำสีหน้าแข็งทื่อแล้วพูดด้วยความโมโห “เจ้าไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องนี้ ว่าแต่เหตุใดพวกเจ้าจึงอยู่ที่นี่”
หลงต้านกะพริบตาด้วยความประหลาดใจ “ข้ากับเหล่าฉินกำลังหาโอกาสจะแทรกตัวเข้าไปด้านในแล้วช่วยท่านออกมา”
เจียงจั้นยิ่งรู้สึกสงสัยเข้าไปอีก “ว่าอย่างไรนะ พวกเจ้ารู้ว่าข้าอยู่ที่นี่หรือ”
“แน่นอนสิขอรับ พระชายาอ๋องไม่ได้กล่าวกับท่านหรือ”
“พระชายาอ๋อง?” เจียงจั้นสัมผัสได้ถึงลางไม่ดี ความรู้สึกยินดีที่หนีออกมาได้บัดนี้ได้หมดสิ้นลง “น้องสี่ของข้าก็มาที่นี่ด้วยหรือ แล้วนางอยู่ที่ใด”
หลงต้านชี้ไปที่ปากประตูค่ายเผ่าอูเหมียว “พระชายาอ๋องเข้าไปเมื่อหลายวันก่อนแล้ว คุณชายรองไม่ได้พบกับพระชายาอ๋องงั้นหรือ”
เจียงจั้นราวกับถูกใครเอาน้ำมาสาดเข้าให้เป็นถัง บัดนี้เขาหน้าเขียวหน้าเหลือง รีบหันหลังกลับวิ่งไป “ไม่ได้การละ ข้าจะเข้าไปช่วยนางออกมา!”
และเขาคือไอ้โง่จริงๆ!
หลงต้านรีบเข้าไปคว้าร่างของเจียงจั้นเอาไว้ “คุณชายรอง กว่าจะออกมาได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย รีบตามพวกเราไปเถิด พระชายาอ๋องได้กำชับไว้แล้ว หากว่าพวกเราพาท่านออกมาได้แล้วให้ส่งสัญญาณไปให้นาง”
ขณะที่กำลังกล่าวอยู่นั้น เหล่าฉินก็ได้เอื้อมมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อแล้วนำของบางอย่างโยนขึ้นไปบนท้องฟ้า
ดอกไม้ไฟสีแดงถูกจุดเป็นประกายงดงามบนท้องฟ้า
มือของเจียงซื่อที่ถือแก้วสุราไว้ชะงักลงเล็กน้อย ใบหน้าของนางไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป แต่ในใจกลับรู้สึกงุนงง
น่าแปลกยิ่งนัก ในตอนนั้นนางได้ตกลงกับเหล่าฉินเอาไว้แล้ว หากพวกเขาสามารถเข้าไปได้อย่างราบรื่นก็จะจุดดอกไม้ไฟสีเขียว นางก็จะพยายามจับตามอง หลังจากที่พบพวกเขาแล้วค่อยคิดหาวิธี รอให้พวกเขาช่วยเหลือพี่รองออกมาได้แล้วค่อยจุดดอกไม้ไฟสีแดงให้นางวางใจ
บัดนี้ดอกไม้ไฟสีเขียวยังไม่เห็นสักดอก เหตุใดดอกไม้ไฟสีแดงจึงปรากฏขึ้นแล้วเล่า
หลงต้านท่าทางกๆ เงิ่นๆ เขาคงไม่ได้จุดผิดใช่หรือไม่
เจียงซื่อครุ่นคิด