ตอนที่ 520 เลี้ยงน้องสาวมาร้อยปี ยังอยากใช้…(2)
หลี่ฉางโซ่วได้รับอนุญาตจากองค์เง็กเซียนก่อนหน้านี้ เขาไม่ได้เขียนบันทึกเสนอแนะที่นั่นเพื่อแสดงว่าเขาทำงานหนักมากเพียงใด ทว่าเขาเพียงเขียนมันเพื่อให้เผ่ามังกรและสำนักบำเพ็ญประจิมเห็น
ในเวลาเดียวกัน เขาก็บอกกับราชามังกรแห่งสี่คาบสมุทรว่า หากพวกเขาต้องการส่งบันทึกเสนอแนะในอนาคต ให้พวกเขาใช้รูปแบบมาตรฐาน…
สำหรับส่วนแรกของบันทึกเสนอแนะนั้น… เขาเสนอให้ศาลสวรรค์ส่งกองกำลังไปยังทะเลอุดร ซึ่งเป็นจุดที่อ่อนแอที่สุดและมีปีศาจมากที่สุด
นอกจากนี้ ส่วนของแผ่นดินเทวะอุดรที่อยู่นอกเขตไอพิษ ก็ยังสามารถใช้เป็นสนามฝึกสำหรับกองกำลังของศาลสวรรค์ได้อีกด้วย ทันใดนั้น ราชามังกรทะเลอุดรก็ยิ้มบานออกมาทันที
ส่วนที่สองของเนื้อหานั้นก็เพื่อประโยชน์ของเผ่ามังกรเช่นกัน
นั่นคือ กองทัพเรือเทียนเหอ ซึ่งประจำการอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำเทียนเหอ หากมีอะไรเกิดขึ้นกับวังมังกรทะเลทั้งสี่ พวกเขาจะต้องตอบสนองต่อคำร้องขอความช่วยเหลือของวังมังกรโดยเร็วที่สุด
ราชามังกรทะเลทักษิณ ทะเลอุดร และทะเลบูรพาล้วนฉีกยิ้มบานแฉ่ง ส่วนที่สามของเนื้อหาคือศาลสวรรค์ควรใช้กฎสวรรค์เพื่อควบคุมเผ่าพันธุ์มังกร และกฎสวรรค์ก็ไม่อาจละเลยไปเพียงเพราะเผ่ามังกรมีมรดกและภูมิหลังที่ลึกซึ้งของเผ่ามังกร
หากพบมังกรร้ายก็ควรลงโทษอย่างรุนแรงเพื่อเป็นการเตือนผู้อื่น และศาลสวรรค์ก็ควรสร้างแท่นสังหารมังกร และใช้ทั้งพระเดชพระคุณอย่างเท่าเทียมกัน
ราชามังกรทะเลประจิมมีสีหน้าขมขื่นขึ้นมาทันที
เขาก้มศีรษะลงและถอนหายใจ หลังจากเขียนบันทึกเสนอแนะแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็เก็บมันเอาไว้และรอให้งานเลี้ยงผลท้อเซียนเริ่มขึ้น… และเรื่องของเผ่ามังกรโดยรวมก็ได้รับการจัดการให้คลี่คลายได้แล้ว
ขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย เพราะในท้ายที่สุด เขาก็ไม่ต้องกังวลเรื่องของเผ่ามังกรในอนาคต และองค์เง็กเซียนก็สามารถเข้าไปแทรกแซงได้โดยตรง
ต่อมาเขายังสร้างเรื่อง “เผ่ามังกรหวนคืนสู่ศาลสวรรค์” แต่งเป็นเพลงและเรื่องราวบางส่วน และเผยแพร่ออกไปทั่วโลกบรรพกาลเพื่อเพิ่มพลังอำนาจและความยิ่งใหญ่ของศาลสวรรค์
เขา ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์นั่งอยู่ที่นั่นและรอให้งานเลี้ยงผลท้อเซียนจบลงเงียบๆ
ในบางครั้ง ก็มีบรรดาเทพเซียนของศาลสวรรค์และเหล่าผู้อาวุโสของเผ่ามังกรมาดื่มอวยพรเขา หลี่ฉางโซ่วก็จะยิ้มตอบให้โดยไม่มีการวางท่าใหญ่ใดๆ
เมื่อถึงเวลานัดหมายกับหลิงเอ๋อร์ หลี่ฉางโซ่วก็กำลังจะเพ่งจิตกลับไปสนใจที่ Little Qiong Peak ทว่าทันใดนั้น อ๋าวอี่ก็ลุกขึ้นมาจากที่นั่ง
สหายผู้นี้กำลังพยายามทำอะไร?
หลี่ฉางโซ่วส่งสายตาไปถาม แต่อ๋าวอี่ก็จดจ่ออยู่กับการพูดคุยกับราชามังกรทะเลบูรพาเบาๆ เท่านั้นโดยไม่ได้สังเกตแต่อย่างใด
อ๋าวอี่พูดคุยเบาๆ อยู่ข้างๆ ราชามังกรทะเลบูรพา และหลังจากที่ราชามังกรพยักหน้าเห็นด้วย เขาก็รีบเดินไปที่บัลลังก์ขององค์เง็กเซียนอย่างรวดเร็วก่อนจะยกชายกระโปรงชุดต่อสู้ขึ้นแล้วคุกเข่าลงข้างหนึ่ง
“เทพน้อยถวายบังคมฝ่าบาท!”
องค์เง็กเซียนผู้อยู่ในชุดทรงสีขาว กำลังแย้มยิ้มและเพลิดเพลินกับการร้องเพลงเต้นรำ ทันใดนั้น เขาก็ผายมือออกไปเพื่อเป็นสัญญาณบอกให้เขาลุกขึ้น
จากนั้นเขาก็ยิ้มและกล่าวว่า “เจ้าอยากพูดอะไรก็พูดมาเถิด”
“พะย่ะค่ะฝ่าบาท!” อ๋าวอี่ลุกยืนขึ้นและตอบกลับเสียงดัง
“เทพน้อยปรารถนาจะติดตามท่านเทพวารีแห่งศาลสวรรค์ ขอพระราชานุญาติฝ่าบาททรงโปรดให้เทพน้อยออกจากอำนาจของเทพแห่งท้องทะเลด้วยเถิดฝ่าบาท!”
องค์เง็กเซียนยิ้มและกล่าวว่า “แม่ทัพตงมู่อยู่ที่ใด?”
แม่ทัพตงมู่ลุกยืนขึ้นและโค้งคำนับพลางกล่าวว่า “”เสนาบดีเฒ่าอยู่นี่แล้วฝ่าบาท!”
“ให้ตำแหน่งเทพของอ๋าวอี่ก้าวขึ้นสู่ขั้นหนึ่ง ส่วนอำนาจหน้าที่เฉพาะของเขา ให้เจ้าหารือกับฉางเกิง”
“เสนาบดีเฒ่ารับบัญชาฝ่าบาท!”
อ๋าวอี่ถอนหายจอย่างโล่งอก แล้วเขาหันกลับมายิ้มเขินๆ ให้หลี่ฉางโซ่วก่อนจะโค้งคำนับและหมุนตัวเพื่อวิ่งกลับไปยังที่นั่งเดิมของเขา
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและส่ายศีรษะ รองเจ้าสำนักของเขาช่างมีน้ำใจจริงๆ
ในยามดึก หลี่ฉางโซ่วออกมาจากหอโอสถ เขาร่อนลงที่ริมทะเลสาบและยืนเอามือไพล่หลังอยู่เงียบๆ
เมื่ออับจนหนทางแล้ว หลิงเอ๋อร์ก็เริ่มวางแผนสร้างฉากที่นางกำลังอาบน้ำ และศิษย์พี่ของนางก็ “บังเอิญ” เดินเข้ามาหานาง
เมื่อหลิงเอ๋อร์รู้ว่าแผนของนางล้มเหลว นางก็รีบร้อนแต่งตัวและปลดข่ายอาคมรอบๆ กระท่อมมุงจากลงในขณะที่หลี่ฉางโซ่วหันหลังกลับ เดินจากไปพร้อมเผยรอยยิ้มบาง
“ศิษย์พี่!”
หลิงเอ๋อร์รีบก้าวออกจากบ้านแล้วร้องตะโกน
หลี่ฉางโซ่วเงยหน้าขึ้นมองพลางยิ้มและกล่าวว่า “เทพธิดาน้อยคนใดกันนี่?”
นางสวมชุดผ้าโปรงพลิ้วบางสีเหลืองอ่อน ผิวที่เรียบเนียนของนางยิ่งดูละเอียดอ่อนและงดงามมากขึ้นภายใต้แสงของไข่มุก
หลังจากได้ยินคำพูดของหลี่ฉางโซ่วแล้ว ใบหน้าของหลิงเอ๋อร์ ก็ขึ้นสีแดงเรื่อเล็กน้อย นางกัดริมฝีปากบางเบาๆ และประสานมือไว้ข้างหน้าพลางเบี่ยงกายไปทางด้านข้างเพื่อเปิดทางเข้าประตู
จากนั้นนางก็ก้มศีรษะลง พลางมองไปรอบๆ และยิ้มอ่อนหวานแล้วกล่าวว่า “ศิษย์พี่หน้าเหม็น ในที่สุดท่านก็มาหาข้าแล้ว…”
แต่หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างสงบว่า “พระสูตรมั่นคง”
“เหอะ ช่างเถิด!”
หลังจากเข้าไปในกระท่อมมุงจากแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็นั่งลงบนเก้าอี้ส่วนตัวเฉพาะของศิษย์พี่พลางหยิบชาที่หลิงเอ๋อร์เตรียมเอาไว้ขึ้นมาแล้วกล่าวว่า “มานั่งนี่สิ วันนี้ ข้ามีเรื่องหารือกับเจ้าสองเรื่อง”
หารือ?
หลิงเอ๋อร์กะพริบตาพลางพึมพำเบาๆ แล้วกล่าวว่า “ศิษย์พี่ ท่านไม่สั่งการมาเลยไม่ได้หรือเจ้าคะ?”
“สองเรื่องนี้ซับซ้อนมากขึ้น” หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วหยิบปิ่นหยกออกมาจากแขนเสื้อของเขา
จากนั้นเขาก็ผลักมันออกไปต่อหน้าหลิงเอ๋อร์และกล่าวว่า “เก็บของสิ่งนี้ไว้ให้ใกล้ๆ ร่างของเจ้าก่อน” ดวงตาของหลิงเอ๋อร์พลันเปล่งประกาย และทันใดนั้น นางก็คว้ามันเอาไว้พร้อมเผยรอยยิ้มบานแฉ่ง
“ของชิ้นนี้ไม่ได้มาจากข้า” หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างสงบ
“มันมาจากเซียนสตรีผู้หนึ่งที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับข้า และนางก็ฝากให้ข้ามอบต่อให้เจ้า”
เปรี้ยงปร้าง! เปรี้ยงปร้าง! แกร๊ง!
จู่ๆ ก็ดูเหมือนว่า สายฟ้านับสิบสายจะปรากฏขึ้นทางด้านหลังหลิงเอ๋อร์ แล้วสียงเพลงเยือกเย็นอ้างว้างที่เอ้อร์หูบรรเลงก็ดังก้องอยู่รอบกายนาง
เหตุใดกัน? เห็นได้ชัดว่าข้าเป็นคนแรกนะ…
ในช่วงเวลาที่นางเข้าปิดด่านเพื่อข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ พี่อาวุโสได้พัฒนาความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเซียนสตรีผู้หนึ่ง ซึ่งได้ส่งมอบปิ่นหยกเพื่อมาเป็นสัญลักษณ์ความเป็นเจ้าของพี่ชายผู้อาวุโสมาให้ข้า!
เพื่อ!
“เจ้าเคยได้ยินเรื่องเทพธิดาซานเซียวแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยหรือไม่”
“ข้าเคยได้ยิน” หลิงเอ๋อร์ก้มหน้าอย่างเศร้าสร้อยและบัดนี้ ดูเหมือนว่า นางกำลังจะร้องไห้
“เทพธิดาซานเซียวแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย เป็นสิ่งมีชีวิตเซียนเทียน และยังเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่มีน้อยคนนักในใต้หล้านี้ ล้วนถูกบันทึกเอาไว้ในตำราโบราณที่ศิษย์พี่มอบให้ข้า”
“ใช่แล้ว ผู้ที่ให้ปิ่นหยกกับท่านคือ เทพธิดาอวิ๋นเซียว พี่สาวคนโตของเทพธิดาซานเซียวและศิษย์ขั้นนอกคนโตของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย” หลิงเอ๋อร์ตกตะลึง
นางเสียสมาธิและตกใจมากในคราแรก “ศิษย์พี่ ท่านหลอกเทพธิดาอวิ๋นเซียว!?!”
“คัดลอกพระสูตรมั่นคงสามพันจบ” หลี่ฉางโซ่วอดจะบ่นไม่ได้
“หลอกหรือ เจ้าหมายความอันใดกัน!?!”
“เรื่องนี้ซับซ้อนยากจะอธิบายได้ เจ้าเพียงเข้าใจว่า ในตอนเริ่มต้น เทพธิดาอวิ๋นเซียว และข้ามีความสัมพันธ์ทางสังคมเท่านั้น
ทว่าก็มีผู้ยิ่งใหญ่หลายคนยังคงคอยช่วยเหลือข้าอย่างต่อเนื่อง และทำให้เทพธิดาอวิ๋นเซียว ซึ่งไม่ค่อยเข้าใจเรื่องคู่บำเพ็ญเต๋ากระจ่างชัดนัก เกิดความประทับใจในตัวข้า
ผู้ที่ช่วยข้าคือ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน นักพรตเต๋าตั๋วเป่าแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย รองเจ้าสำนักผู้ชาญฉลาดและทรงพลังที่ไม่สนใจเรื่องเล็กน้อย … ”
หลิงเอ๋อร์ก็อ้าปากของนางแล้วยกมือขึ้นก่ายหน้าผากของนาง
ในขณะนั้น นางรู้สึกเวียนศีรษะจนไม่รู้ว่านางอยู่ที่ใด นางกล่าวว่า “ศิษย์พี่ หากศิษย์พี่กินถั่วสองเมล็ด[1]…อ๋าย!”
นางก่ายหน้าผาก และยิ้มอย่างขมขื่น พร้อมกับบ่นว่า “ศิษย์พี่ ข้าจะเชื่อท่านได้อย่างไรเมื่อจู่ๆ ท่านก็มาพูดเช่นนี้”
“โอสถที่ข้าให้เจ้ามาก่อนหน้านี้อยู่ที่ใด?”
หลิงเอ๋อร์พลิกมือและหยิบโอสถออกมาทันที ใบหน้าของนางแดงก่ำขณะกล่าวว่า “นี่! แต่ข้าเคยกินมันมาก่อน… แม้ข้าจะห่อมันด้วยพลังเซียนเอาไว้ก็ตาม…”
“จงระวังการสัมผัสอักขระเต๋าของเม็ดโอสถนี้ด้วย”
“โอ้” หลิงเอ๋อร์ทำตามคำชี้แนะของเขาและเริ่มเข้าใจเงียบๆ แล้วขมวดคิ้วหลังจากนั้นไม่นาน
หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างสงบว่า “ตอนนี้ เจ้าเป็นเซียนเทียน เจ้าน่าจะรับรู้ได้ว่าโอสถเม็ดนี้พิเศษเพียงใด
นี่คือ เม็ดโอสถทองคำเก้าแปรเปลี่ยนที่เหล่าจื้อได้หลอมขึ้นมาเอง ซึ่งปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูเป็นผู้มอบให้”
ดวงตาของหลิงเอ๋อสั่นไหว นางกัดริมฝีปากและพึมพำว่า “ศิษย์พี่ เหตุใดท่านถึงไม่เก็บของล้ำค่าเช่นนี้เอาไว้สำหรับการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ของท่านเจ้าคะ”
“ข้าได้ข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์เซียนจินไปแล้ว”
หลิงเอ๋อร์พูดไม่ออกทันที
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจช้าๆ และกล่าวว่า “ตอนนี้ข้าและท่านอาจารย์ยังคงเป็นผู้ที่ข้าไว้ใจมากที่สุด แม้จิตใจของเจ้ายังไม่นิ่งพอ แต่สถานะของท่านอาจารย์ก็ไร้ประโยชน์ แค่กๆ!”
“ดังที่ว่ากันว่า ‘เลี้ยงน้องสาวมาร้อยปี ยังอยากใช้น้องสาวอีกสักหน่อย’
แม้ข้าจะมีตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ แต่บางครั้ง ข้าก็รู้สึกว่า ข้าก็ยังไม่อาจดูแลเรื่องต่างๆ ทั้งในและนอกสำนักได้ ข้าอยากให้เจ้ายืนได้ด้วยตัวเองและช่วยข้าจัดการเรื่องบางเรื่องในสำนัก”
“วันนี้ ข้าจะบอกเรื่องบางอย่างเกี่ยวกับการที่ข้าไปอยู่ข้างนอก แม้ข้าจะบอกเจ้าทุกอย่างไม่ได้ แต่ข้าก็จะทำตามคำแนะนำของเจ้า
หากเจ้ารู้สึกว่า เจ้าไม่ต้องการแบกรับสิ่งเหล่านี้ ข้าก็สามารถลบความทรงจำของเจ้าในคืนนี้และปฏิบัติต่อเจ้าเหมือนในวันพรุ่งนี้”
“ข้าจะรับ!” หลิงเอ๋อร์รีบกล่าวว่า “พี่ชาย ข้าจะรับผิดชอบ ท่านใช้ข้าได้ทุกอย่าง!”
หลี่ฉางโซ่วถึงกับเงียบงัน
“เจ้าดูนี่ก่อน” หลี่ฉางโซ่วหยิบรูปคนออกมาจากกระเป๋าหน้าอกและคลี่เปิดออก มันเป็นรูปภาพเหมือนของเทพธิดาอวิ๋นเซียวซึ่งมีถ้อยคำเล็กๆ อยู่ข้างๆ
“นี่คือ สถานการณ์พื้นฐานของเทพธิดาอวิ๋นเซียวและมุมมองของคู่บำเพ็ญเต๋าของนาง เจ้าควรทำความเข้าใจก่อนจะได้ไม่คิดมาก จากนั้นจำสิ่งเหล่านี้เอาไว้ให้หมด อย่าได้ทำพลาด” จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็หยิบยันต์หยกออกมากองหนึ่ง
แผนพเนจรของยอดเขาหยกน้อยได้ถูกบันทึกเอาไว้ในกองยันต์หยกนี้
………………………………………………………………..
[1] เป็นแสลงในทำนองว่าอยากตายหรือ ซึ่งถั่วหนึ่งเมล็ดเปรียบกับลูกกระสุนปืนหนึ่งลูก