บทที่ 705 ความคิดชั่วร้าย

เมื่อพิธีแต่งตั้งพ่อมดศักดิ์สิทธิ์เริ่มต้นขึ้น เสียงกลองและเสียงดนตรีก็บรรเลงขึ้นพร้อมกัน ธิดาเทพท่องบทสวดด้วยน้ำเสียงกระจ่างบริสุทธิ์ในยามนี้ราวกับสวรรค์เบื้องบนและโลกมนุษย์ได้มาบรรจบกัน สายลมพัดผ่านต้นไม้และใบไม้ส่ายเสียดไปมาจนเกิดเสียงกราวซู่ ผู้คนในเผ่าอู๋ซานก้มคำนับลงกับพื้นด้วยความเคารพและศรัทธา

หลังจากบทสวดจบลง ซานเป่าสรงน้ำจากสระอมฤตให้พ่อมดที่เข้ารับตำแหน่ง พลังจากน้ำอมฤตและธิดาเทพมาจากแหล่งกำเนิดของสวรรค์ ถือว่าเป็นการประทานพรจากเบื้องบน หลังจากผ่านขั้นตอนนี้ไปแล้วการสื่อสารกับเทพเจ้าจะราบรื่นมากยิ่งขึ้น

ขั้นตอนสุดท้ายคือการมอบไม้เท้าที่เป็นสัญลักษณ์แสดงตัวตนของพ่อมดศักดิ์สิทธิ์

หวังหยู..บัดนี้ต้องเรียกว่าอู๋หลี่ ยื่นมือไปรับไม้เท้าจากเด็กหญิง สายตาที่มองไปยังธิดาเทพเปี่ยมไปด้วยความเลื่อมใสและเคารพ ราวกับนางเป็นของล้ำค่าที่สุดในโลกใบนี้

เด็กหญิงยื่นมือเล็กๆ ขาวสะอาดออกมาจับมือของอู๋หลี่แล้วยืนขึ้น

นับจากนี้ไปเขาคือพ่อมดศักดิ์สิทธิ์ และนางเป็นธิดาเทพ นางเป็นเจ้านายของเขา เขาจะอุทิศชีวิตของตัวเองเพื่อปกป้องดูแลนางให้ปลอดภัยและมีความสุขตลอดไป

เสียงกลองเงียบลงเป็นสัญญาณของการสิ้นสุดพิธีแต่งตั้ง

เหยาเจี๋ยคนทรยศถูกนำเข้ามาในพิธี ผมของเขาหลุดลุ่ย หน้ากากบนใบหน้าร่วงหล่นเผยให้เห็นใบหน้าที่น่าเกลียดและแก่ชราเมื่อเทียบกับอดีตพ่อมดศักดิ์สิทธิ์ เขาดูแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

เหยาเจี๋ยและเหยาคูมีหน้าตาแก่เกินอายุ เป็นเพราะเขาฝ่าฝืนกฎแห่งสวรรค์หยิบยืมพลังที่ไม่ใช่ของตัวเองมาใช้

เหยาเจี๋ยถูกข้ารับใช้พาไปมัดไว้กับเสาไม้ สายตาของผู้คนมองเขาด้วยความโกรธแค้น

ชายคนนี้สังหารธิดาเทพและพ่อมดศักดิ์สิทธิ์ เขาหลอกหลวงและดูหมิ่นเทพเจ้าเบื้องบน กดขี่ข่มเหงคนที่อยู่ใต้ล่าง เขาคือคนทรยศของเผ่าอู๋ซาน ชื่อของเขาจะถูกจารึกไว้บนศิลาหินเพื่อให้ชนรุ่นหลังได้ประณามเขา

แม้เหยาเจี๋ยจะถูกมัดไว้กับเสาไม้ แต่ดวงตาของเขาไร้ซึ่งความกลัว ไม่นึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป

ภาพมากมายผุดขึ้นมาในหัวของเขา ทั้งความรังเกียจที่ได้รับจากบิดา การโดนกลั่นแกล้งจากผู้อื่น บรรดามิตรสหายที่พากันหัวเราะเยาะดูหมิ่นถากถางเขา

ทำไมเขาต้องอดทน? ทำไม?

คนบางคนเกิดมาเพื่อเป็นความภาคภูมิใจของสรวงสวรรค์ มีความสามารถที่จะดึงดูดใจผู้คน แต่เขากลับเหมือนหนูในคูน้ำที่เน่าเหม็น

สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรม!เทพเจ้าไม่ยุติธรรม!

ในเมื่อพระองค์ไม่มอบสิ่งดีๆ ให้แก่เขา เขาจึงได้แต่พยายามไขว่คว้าด้วยตัวของเขาเอง

เขาใช้เวลาสิบปีในการเสวยสุขกับอำนาจ คนที่เคยรังแกเขาก็คลานเข้ามากราบกรานแทบเท้า คนที่เคยดูแคลนก็หวาดกลัว เขาสามารถควบคุมชีวิตและความตายของทุกคนได้ ไม่มีใครกล้าขัดขืนเขา! ถ้าเขาไม่ลุกขึ้นสู้ สิบปีที่ผ่านมาจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลย

ไม้ฟืนใต้ฝ่าเท้าของเหยาเจี๋ยมีเปลวเพลิงลุกไหม้ขึ้น แต่เขากลับหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง เขาไม่เสียใจ

ไม่เคยเสียใจเลย!

ตายตอนนี้ก็ดี แม้ว่าเขาจะตายไป เขาก็ไม่กลัวเทพเจ้า เพราะเทพเจ้าไม่ให้ความยุติธรรมแก่เขา

เขามองผ่านเปลวเพลิงเห็นใบหน้าของอู๋หลี่

“จิตหนึ่งเป็นธรรมมะ จิตหนึ่งเป็นอธรรม ในที่สุดอาจารย์ก็ไม่อาจช่วยท่านเอาไว้ได้”

รอยยิ้มของเหยาเจี๋ยชะงักค้าง เขามองอู๋หลี่

“เจ้าหมายถึงอะไร”

อู่หลี่จำได้ดีถึงสิ่งที่อาจารย์พูดก่อนเสียชีวิต เมื่อจิตสำนึกครึ่งหนึ่งเป็นธรรมมะแต่อีกครึ่งเป็นอธรรม นี่คือโชคชะตาที่ข้าไม่อาจช่วยเขาและเผ่าอู๋ซานเอาไว้ได้ ตอนนั้นเขาไม่เข้าใจ แต่บัดนี้อู๋หลี่เข้าใจแล้ว

“ท่านอาจารย์รู้ว่าเจ้าต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส ท่านจึงได้อนุญาตให้เจ้าเข้าไปในวิหาร ปฏิบัติกับเจ้าเป็นอย่างดี โดยหวังว่าจะบ่มเพาะแสงสว่างในใจของเจ้าได้ เพื่อนำทางเจ้าไปในทิศทางที่ถูกที่ควร แต่สุดท้ายท่านก็ล้มเหลว เจ้ากลายเป็นปีศาจที่ชั่วร้าย เป็นโชคชะตาที่ไม่อาจฝืน” อู่หลี่กล่าว

เปลวไฟยิ่งลุกโชนมากขึ้น

เหยาเจี๋ยกำลังถูกไฟกลืนกิน ร่างกายของเขาเจ็บปวดมากแต่วิญญาณของเขาล่องลอยกลับไปในอดีต ไปยังวิหาร เขาเห็นเด็กชายหน้าตาหม่นหมองผู้หนึ่ง เดินรั้งท้ายตามหลังพ่อมดและสาวกรับใช้ เด็กคนนั้นมองไปรอบๆ ด้วยความสงสัย อยากรู้อยากเห็น ในขณะที่เดินไปผู้คนรอบกายก็ลดน้อยลง ในที่สุดเขาก็หลงทาง

ชายหนุ่มรูปงามในชุดสีขาวเดินออกมาจากห้องโถง เขามองตรงมาด้วยรอยยิ้ม

“เจ้าเป็นเด็กใหม่หรือ? หลงทางสินะ ตามข้ามาสิ”

ภาพตรงหน้าเปลี่ยนไป พิธีบูชายัญกำลังจะเริ่มขึ้น แต่เสื้อผ้าของเขากลับถูกใครบางคนตัดออกเป็นชิ้นๆ ชายหนุ่มในชุดขาวเดินเข้ามาให้ความช่วยเหลืออีกครั้ง

“ใส่ไม่ได้แล้วเอาของข้าไปใส่แทนเถิด”

………..

เหยาเจี๋ยกำลังฝึกฝนเวทมนตร์แต่ทำเท่าไรก็ทำไม่ได้ เด็กหนุ่มทึ้งผมตัวเองด้วยความฉุนเฉียว

“ไม่เข้าใจหรือ?มาเถิดข้าจะสอนเจ้าเอง” น้ำเสียงที่อ่อนโยนของชายคนนั้นดังขึ้นอีกครั้ง ในที่สุดเขาก็เข้าใจและทำได้ เสียงของชายหนุ่มเต็มไปด้วยคำเยินยอ

“อาเจี๋ยเก่งมาก”

เมื่อเขาเงยหน้าก็พบกับรอยยิ้มกว้างของชายในชุดขาว รอยยิ้มของเขาเป็นเสมือนแสงตะวันที่ส่องเข้ามาในหัวใจ ขจัดความมืดมิด ความโกรธ ความไม่พอใจของเขาออกไป ความคิดที่ว่าอยากติดตามคนผู้นี้จึงเกิดขึ้น

เขาติดตามชายหนุ่มผู้นี้ไปพบกับธิดาเทพ

นางหยอกล้อพูดเล่นกับเขา เมื่อเด็กชายพูดโต้ตอบ และเห็นนางมองเขา เขาได้แต่เขินอาย ธิดาเทพอ่อนโยนกับเขามาก พูดคุยกับเขาในบางครั้ง แม้ว่าตัวตนของเขาจะจืดจางเพียงใดก็ตาม แต่อีกฝ่ายไม่เคยลืมเหยาเจี๋ยเลย

ต่อมาชายผู้นั้นได้เป็นพ่อมดศักดิ์สิทธิ์ เขามาเยี่ยมเหยาเจี๋ยสกุลเหยาบ่อยๆที่ ชายหนุ่มในชุดขาวกลายเป็นชายหนุ่มในชุดดำ ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็พาลูกศิษย์ตัวน้อยมาด้วย

“อาเจี๋ย นี่คืออาหลี่ลูกศิษย์ของข้า” ชายหนุ่มพูดด้วยรอยยิ้ม เด็กตัวน้อยพูดไม่เก่งส่งเสียงเรียกเขาอย่างน่ารัก

“ท่านอา”

เขามอบปิ่นที่แกะสลักด้วยตัวเองให้แก่หลานชายตัวน้อย เด็กตัวน้อยมีความสุขมาก เขาขอให้อาจารย์ปักปิ่นให้เขา

หลังจากที่กลับมาสกุลเหยา คนเหล่านั้นดูถูกดูแคลนเขามากขึ้น แต่เหยาเจี๋ยไม่สนใจ เขาย้ายออกจากสกุลเหยาไปอยู่ตามลำพังในชนบท ปลูกต้นไม้ผลไม้ในสวน เลี้ยงนก

ชายหนุ่มชุดดำผู้นั้นกลายเป็นชายวัยกลางคน บางครั้งเขาจะไปเยี่ยมเยียนเหยาเจี๋ยซึ่งคอยต้มชารอ ทั้งสองคนนั่งข้างกันทั้งวันโดยไม่พูดอะไรสักคำ

มีเพียงเสียงนกร้องเท่านั้นที่ทำลายความเงียบระหว่างคนทั้งสอง

ราวกับว่าทุกอย่างได้หยุดลงเป็นนิรันดร์ …

ไม่นานนักเปลวไฟได้ลุกท่วมเผาร่างของเหยาเจี๋ยจนไม่เห็นแม้แต่โครงร่างของเขา

“อาหลี่” เสียงอ่อนโยนของเด็กหญิงดังขึ้น อู๋หลี่ได้สติกลับมาอีกครั้ง เขาหันไปคลี่ยิ้มให้นาง

วิญญาณของท่านอาจารย์และอดีตธิดาเทพบนสรวงสวรรค์คงโล่งใจเมื่อได้เห็นเหตุการณ์ในวันนี้

“อาหลี่ไปกันเถิด” ซานเป่าพูด อู๋หลี่พยักหน้ารับ

เมื่อทั้งสองลงจากแท่นพิธีไปแล้ว ผู้คนก็ทยอยจากไป

ผู้เฒ่าเยว่มองอาฮวาและอามู่ที่อยู่ข้างๆ ทั้งสองยังคงพากันตกตะลึง นางคิดว่าเพราะพวกเขาอยู่ในหมู่บ้านห่างไกลจึงไม่เคยเห็น

“เมื่อเจ้าเป็นหัวหน้าสกุลเยว่แล้ว ก็จะได้พบกับธิดาเทพบ่อยๆ เอง กลับกันเถิด”

ผู้เฒ่าเยว่ใช้ไม้เท้ายันกายลุกขึ้นยืน อาฮวาและอามู่รีบเข้าไปประคองท่านยายของตัวเอง เมื่อพวกเขากำลังจะลงจากแท่นพิธี จู่ๆ บ่าวรับใช้ก็เข้ามาเรียกพวกเขา

“ท่านผู้เฒ่าเยว่” นักบวชรับใช้เรียก

“ธิดาเทพมีรับสั่งหรือ?” นางเยว่ถามด้วยความเคารพ

“เด็กสองคนนี้คืออาฮวาและอามู่ใช่หรือไม่?”

“ใช่แล้ว”

“ธิดาเทพต้องการพบพวกเขาทั้งสอง” ข้ารับใช้กล่าว ผู้เฒ่าเยว่ประหลาดใจมาก

เหตุใดธิดาเทพจึงอยากพบอาฮวาและอามู่ พวกเขาเคยเจอกันมาก่อนหรือ?

————————————————