War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2004
ตอนที่ 2,004 : แค่บังเอิญหรือเจตนา?
“ตะ…ตายแล้ว?”
“นิ…นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน!?”
“ไม่จริง! เรื่องพรรค์นี้ไฉนเป็นไปได้! ศิษย์พี่หยางเหวินไม่เพียงกินโอสถต้องห้าม ยังสำเร็จเวทย์พลังสายจู่โจมขั้นสูงแล้วด้วยซ้ำ! มิใช่ว่าฆ่าต้วนหลิงเทียนสมควรเป็นเรื่องราวอันง่ายดายหรือไร แล้วไฉนต้วนหลิงเทียนถึงเป็นฝ่ายตีโต้จนฆ่าศิษย์พี่หยางเหวินได้เล่า!?”
“เมื่อครู่มันอะไรกันแน่ เสียงหวีดหวิวของกระบี่นั่น…ไม่เพียงแต่เสียงหอนจะดังกลบเสียงกระบี่อื่น แต่ยังทำลายกระบวนท่าที่ศิษย์พี่หยางเหวินลงมือเต็มกำลังได้ง่ายดาย…ดูจากสีหน้าของศิษย์พี่หยางเหวินเถอะ น่ากลัวว่ากระทั่งตัวเองตกตายอย่างไรยังไม่ทันได้รู้ตัวด้วยซ้ำ!!”
“พลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนไฉนถึงได้ร้ายกาจขนาดนี้เล่า!?”
…
ในขณะที่เนี่ยสุ้ยและอาวุโสเพลิงทองแดงทั้ง 3 ของวิหารเป็นตายยังคงตะลึงพรึงเพริดไม่หาย เหล่าศิษย์ชั้นยอดในวิหารเป็นตายกว่า 9 ส่วนก็ได้แต่ลุกขึ้นมายืนมองเรื่องราวด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“ฝัน! ข้าต้องกำลังฝันอยู่แน่! ฮ่าๆๆ ใช่แล้วนี่เป็นแค่ความฝันเท่านั้น!!”
ศิษย์ชั้นยอดคนหนึ่งโพล่งร้องออกมาด้วยความตกใจ ก่อนที่จะยกมือขึ้นแล้วตบหน้าตัวเองดังฉาด
“โอ๊ย!! มารดามันเจ็บ!”
ความแสบร้อนที่แก้มพาลให้มันตะลึงไปกันใหญ่ “มารดามันเถอะ…ข้าไม่ได้ฝัน! นี่ไม่ใช่ความฝัน! แล้วมันจะเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร!?”
“เพลงกระบี่ที่ต้วนหลิงเทียนใช้ ที่แท้มันเป็นวรยุทธ์เซียนหรือเวทย์พลังผีสางอันใดกันแน่ แต่ต้นจนจบกระทั่งเงากระบี่ข้ายังมิอาจแลเห็น!”
“กระบี่ของมันรวดเร็วเกินไป…ข้ากลัวว่าหากไม่ใช่คนที่อยู่ในขอบเขตเซียนสวรรค์คงมองไม่เห็น!”
…
เหล่าศิษย์ชั้นยอดกล่าวไปกล่าวมา พอพูดถึงเรื่องนี้พวกมันก็หันไปมองอาวุโสของวิหารเป็นตายทั้ง 4 ทันที
เพราะทั้ง 4 คือยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์
สายตาของศิษย์หลายคนยังหันไปมองจ้องหลิวอวิ๋น
และคนกลุ่มเล็กๆส่วนหนึ่งของอัฒจันทร์ก็อดไม่ได้ที่จะหันมองไปยังชาจิน เพราะอย่างไรชาจินก็เจียนบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์และเป็นศิษย์ที่แท้จริงเต็มที
“ศิษย์พี่ชาจิน เพลงกระบี่ของต้วนหลิงเทียน ท่านมองออกหรือไม่?”
ศิษย์ชั้นยอดคนหนึ่งกล่าวถามออกมาด้วยสงสัย
“ข้ามิอาจมองเห็นแม้แต่เงา…”
ชาจินส่ายหัวไปมาค่อยกล่าวออกเสียงหนัก “เป็นไปมิได้เลยที่จะมองเห็นกระบี่ของต้วนหลิงเทียนหากยังไม่บรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์…กระบี่ของมันไวเกินไป! ยังว่องไวจนเหลือเชื่อ!!”
ซูด! ฟืด! ซื่อ!
…
ถึงแม้จะคาดเดาไว้แล้ว แต่ศิษย์ชั้นยอดหลายคนยังอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บเมื่อได้รับฟังคำยืนยัน
“เพลงกระบี่ที่ใช้ออกด้วยเซียนปฐพีขั้นสูงสุดคนหนึ่ง แต่กลับต้องเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์ขึ้นไปถึงจะมองเห็น…เรื่องพรรค์นี้หากข้าไม่มาเห็นกับตา พูดให้ตายข้าก็ไม่มีวันเชื่อ!”
เหล่าศิษย์ชั้นยอดหลายคนอดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนกเสียขวัญ
“หากเป็นแบบนั้นหมายความว่าภายในวิหารเป็นตาย ผู้ที่พอจะมองเห็นกระบี่ของต้วนหลิงเทียนได้ ก็มีเพียงท่านผู้อาวุโสทั้ง 4 กับศิษย์พี่หลิวอวิ๋นเท่านั้นสิ?”
พอวาจาประโยคนี้ดังขึ้น เหล่าศิษย์ชั้นยอดหันไปจับจ้องคนทั้ง 4 ทันที
“สีหน้าท่าทางของท่านผู้อาวุโสเนี่ยสุ้ยกับอาวุโสเพลิงทองแดงทั้ง 3 รวมถึงศิษย์พี่หลิวอวิ๋นดูเหมือนจะไม่สู้ดี…”
“ข้าเห็นแต่แรกแล้วล่ะ…ทุกคนชักสีหน้าเช่นนั้นแต่แรก”
“ยะ…อย่าบอกนะ ว่ากระทั่งเหล่าอาวุโสกับศิษย์พี่…ก็มองไม่เห็นกระบี่ของต้วนหลิงเทียน?”
“บ้าน่า! เรื่องแบบนั้นมันจะเป็นไปได้ยังไง!?”
…
และในขณะที่เหล่าศิษย์ชั้นยอดคุยกันถึงเรื่องนี้หนาหู
หนึ่งในผู้อาวุโสเพลิงทองแดงของวิหารเป็นตาย พลันก้าวออกมากล่าวออกเสียงดัง “เพลงกระบี่ที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออก แรกๆข้ายังพอเห็นได้ถึงเงากระบี่ แต่กระบี่ที่ส่งเสียงหอนราวหงส์ฟ้าทะยานนั่น…แม้จะละอายใจอยู่บ้างแต่ข้าขอกล่าวบอกตามความสัตย์จริงไว้ตรงนี้เลยว่า…ข้ามิอาจแลเห็นแม้แต่เงา!!”
“ข้าก็เช่นกัน!”
“ข้าเองก็ไม่ต่าง”
อาวุโสเพลิงทองแดงอีก 2 คนพยักหน้าเห็นชอบกับคำของอาวุโสเพลิงทองแดงคนแรก
“ข้าด้วย…ไม่เห็นแม้แต่เงา”
ขณะเดียวกันด้านหลิวอวิ๋นพอถูกเหล่าศิษย์หันมาจ้องมากเข้า ก็จำต้องกล่าวตอบออกมาเช่นกัน
ด้วยคำตอบของอาวุโสเพลิงทองแดงทั้ง 3 ของวิหารเป็นตายและศิษย์ที่แท้จริงชนชั้นยอดฝีมืออย่างหลิวอวิ๋นออกมาทำนองเดียวกัน สรรพเสียงในวิหารเป็นตายกลับกลายเป็นเงียบสงัดลงทันใด
ตอนนี้กระทั่งเสียงเข็มร่วงตกพื้นสักเล่ม อาจจะดังมากพอให้ทุกคนได้ยิน
ตอนนี้ทุกคนในวิหารเป็นตายได้แต่จับจ้องมองไปยัง เนี่ยสุ้ย อาวุโสคุมวิหาร
จังหวะนี้กระทั่งตัวเนี่ยสุ้ยเอยก็ยังรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าอาวุโสเพลิงทองแดงใต้อาณัติของมัน รวมทั้งศิษย์แท่แท้จริงอันดับที่ 27 อย่างหลิวอวิ๋นจะไม่เห็นแม้แต่เงากระบี่ของต้วนหลิงเทียน!
และด้วยความบังเอิญที่ร่างของมันกลับถูกต้วนหลิงเทียนบังเอาไว้พอดี มันเองก็ไม่ทันได้ตอบสนองเรื่องราวใดๆในพริบตาสังหาร สุดท้ายก็เป็นหยางเหวินตกตายไปเสียแล้ว! จึงไม่ทันได้เห็นอะไรเช่นกัน!!
กระบี่นั่นของต้วนหลิงเทียน ทำลายกระบวนท่าจู่โจมที่ผสานไปด้วยพลังอำนาจของเวทย์พลังจักรพรรดิหอกกำเนิดและวรยุทธ์เซียนจนราบคาบ ทำลายเงาร่างจักรพรรดิหอกกำเนิด! กระทั่งพรากชีวิตของหยางเหวินไปในห้วงเวลาชั่วพริบตาดั่งละออฟไฟ!!
มองจากรอยยิ้มแสยะเหี้ยมเกรียมด้วยความยินดีของหยางเหวินที่ตกตาย ย่อมบอกให้รู้ชัดว่าจวบจนตายตกไปแล้ว หยางเหวินยังไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ! ไม่อาจตอบสนองกระบี่สังหารของต้วนหลิงเทียนได้เลย!!
เผยให้เห็นว่ากระบี่ของต้วนหลิงเทียนมันไวแค่ไหน!
ตุบ!
ในขณะที่ผู้คนในวิหารเป็นตายกำลังตกตะลึงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ร่างต้วนหลิงเทียนพลันเหินไปลงจอดบนพื้นสังเวียนเป็นตายตรงจุดที่หยางเหวินนอนตาย ใช้สำนึกเทวะตรวจสอบดวงจิตมันอย่างละเอียด…
หลังจากยืนยันแน่ชัดแล้วว่าดวงจิตหยางเหวินแตกสลายอย่างสมบูรณ์และไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของวิญญาณหลงเหลือ เขาพอได้ระบายลมหายใจออกมา
เพราะในตอนที่เขาอยู่ภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องฉีจิ้งกลับรอดชีวิตมาได้แม้จะถูกเขาทะลวงหว่างคิ้วทำลายดวงจิต!
ด้วยมีเรื่องนี้เป็นบทเรียน ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่คิดพลาดซ้ำสองจึงลงมาตรวจซ้ำอย่างละเอียด! แน่นอนว่าเขาไม่คิดทำลายศพของหยางเหวินได้ เพราะต้องเหลือของดูต่างหน้าให้หยางชงช้ำใจเล่น!!
‘น่าเสียดายที่ในวิหารเป็นตายมียอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์เยอะเกินไป ข้าเลยไม่อาจใช้เขตแดนหมื่นกระบี่บังตาพวกมันได้’
ตอนนี้เมื่อยืนอยู่ข้างศพหยางเหวิน แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนย่อมอยากจะกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณที่ยังไม่สลายหายไปจนหมดของหยางเหวิน แต่เขาจำต้องหักห้ามใจเอาไว้
เพราะในขณะลงมือกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณ แม้จะน้อยแต่ก็ต้องบังเกิดความปั่นป่วนของพลัง และนั่นต้องดึงดูดความสนใจจากเซียนสวรรค์ในวิหารเป็นตายไม่มากก็น้อย!
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘เนี่ยสุ้ย’ ผู้อาวุโสคุมวิหารเป็นตาย ต้องมองเห็นสิ่งที่เขากำลังทำอยู่แน่นอน!
เขตแดนหมื่นกระบี่ของเขาแม้จะควบรวมจากพลังเซียนสุริยันจนกลายเป็นอาณาเขตทรงกลมกินรัศมี 100 หมี่ที่เจิดจ้าแสบตา จนสามารถปิดกั้นสายตาของคนอื่นได้…
อย่างไรก็ตามเขตแดนหมื่นกระบี่ที่ควบรวมด้วยพลังเซียนสุริยันขอบเขตเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุดของเขา เต็มที่ก็ได้แต่บดบังสายตาของผู้ฝึกตนที่อยู่ใต้ขอบเขตเซียนสวรรค์เท่านั้น
กล่าวสั้นๆได้ว่า ด้วยพลังของเขาตอนนี้เขตแดนหมื่นกระบี่ ไม่อาจปิดกั้นสายตาของตัวตนขอบเขตเซียนสวรรคได้เลย
หาไม่แล้วตั้งแต่แรกเขาคงไม่ต้องเสียเวลาอะไรมากมาย เพียงใช้ออกกด้วยเขตแดนหมื่นกระบี่และใช้กระบี่นิลสวรรค์ผสานด้วยพลังกระบี่จากขอบเขตที่ 3 ของยอดใจกระบี่ฆ่าหยางเหวินเสียก็สิ้นเรื่อง!
หากทำแบบนั้นไม่เพียงไม่เสียเวลา ยังไม่ต้องวุ่นวายขนาดนี้
วันนี้ที่เขาใช้เวลาต่อสู้กับหยางเหวินพักใหญ่ กระทั่งจำต้องเหินร่างหลีกหนีไปทั่วอยู่นานก็มีจุดประสงค์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
เพื่อให้ ‘เนี่ยสุ้ย’ อาวุโสคุมวิหารเป็นตายผ่อนคลายการระวัง!
เนื่องจากเขาได้รับทราบจากผู้เฒ่าหั่วมาแต่แรกแล้ว
ว่าด้วยพลังของเขาตอนนี้ การกระตุ้นใช้งานกระบี่นิลสวรรค์ด้วยพลังทั้งหมด พร้อมด้วยพลังลึกล้ำจากขอบเขตที่ 3 ของยอดใจกระบี่…จะมีเพียงเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนขึ้นไปเท่านั้น ถึงจะมองเห็นวิถีกระบี่เขาได้
สำหรับศิษย์ที่แท้จริงอย่างหลิวอวิ๋น หรืออาวุโสเพลิงทองแดงทั้ง 3 นั้น กระทั่งยามเขาใช้กระบี่ร้อยอาคมเซียนพวกมันก็ทำได้แค่เห็นเงากระบี่เท่านั้น จึงไม่ต้องวุ่นวายคิดหาวิธีปกปิดสายตาพวกมัน
‘จะยังไงก็แล้วแต่ กระบี่เมื่อครู่มันกินพลังเซียนสุริยันของข้าไปแทบเกลี้ยง…’
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกโหวงเหวงว่างเปล่านัก พลังเซียนสุริยันของเขาแทบจะหมดเกลี้ยง!
นอกจากนั้นพลังวิญญาณของเขาก็ร่อยหรอเต็มที เพราะประคองสภาพเวทย์พลังปฐมกลืนกินเอาไว้อยู่นาน…
ด้วยสภาพของตอนนี้ ขอแค่มีเซียนปฐพีขวัญกล้าถือมีดมาจ้วงสักคน ต้วนหลิงเทียนก็ไม่พ้นต้องตายแน่ๆ…
อาจกล่าวได้ว่าตั้งแต่ต้นจนจบ ต้วนหลิงเทียนได้ทำตามแผนการเพื่อฆ่าหยางเหวินได้สำเร็จ…
เป็นธรรมดาที่แผนการของเขาไม่ได้คิดเพื่อฆ่าหยางเหวิน แต่เพื่อปิดบังสายตาของอาวุโสเนี่ยสุ้ย เพื่อไม่ให้ความลับเรื่องกระบี่นิลสวรรค์ถูกเปิดเผย!
หลังจากทั้งหมดแล้ว หากกระบี่นิลสวรรค์เปิดเผยออกมา ย่อมชักนำหายนะเภทภัยมาสู่เขาไม่จบไม่สิ้น!
ด้วยเหตุนี้แต่ต้นจนจบต้วนหลิงเทียนจึงไม่ได้แยแสหยางเหวินแม้แต่น้อย
จะอย่างไรหยางเหวินมันก็แค่เซียนสวรรค์ 1 เปลี่ยนเท่านั้น
หากเขาใช้กระบี่นิลสวรรค์ ผสานด้วยพลังลึกล้ำจากขอบเขตที่ 3 ของยอดใจกระบี่ล่ะก็ ต่อให้เป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนเขาก็ฆ่าได้ง่ายๆ!
ด้วยเหตุนี้แม้หยางเหวินที่มีพลังฝึกปรือเพียงเซียนสวรรค์ 1 เปลี่ยน ถึงจะกินโอสถต้องห้ามจนพลังเทียบได้กับเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยน ก็ยังต้องตกตายด้วยน้ำมือต้วนหลิงเทียน!
‘แม้วันนี้การฆ่าหยางเหวินจะถือได้ว่าความดีความชอบส่วนใหญ่เป็นของกระบี่นิลสวรรค์…แต่ถ้าไม่ได้ขอบเขตที่ 3 ของยอดใจกระบี่ เรื่องราวก็คงไม่สำเร็จราบรื่นขนาดนี้’
ต้วนหลิงเทียนลอบคิดในใจ
อาจกล่าวได้ว่าไฉนต้วนหลิงเทียนถึงได้เปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจนักว่าสามารถฆ่าหยางเหวินได้แน่ๆ ย่อมมาจากกระบี่นิลสวรรค์และการบรรลุถึงขอบเขตที่ 3 ของยอดใจกระบี่
“อาวุโสเนี่ยสุ้ย”
ทันใดนั้นเองต้วนหลิงเทียนพลันรีดเค้นพลังเซียนสุริยันที่เหลือ เพื่อเหินร่างไปหาเนี่ยสุ้ยอาวุโสคุมวิหารเป็นตาย ก่อนที่จะยื่นส่งบัตรผลึกแก้วไปให้อีกฝ่าย “หลังจากที่ท่านหักคะแนนสะสมไป 400,000 คะแนนแล้วท่านค่อยมอบคืนให้ข้า”
ได้ยินคำกล่าวของต้วนหลิงเทียน เนี่ยสุ้ยพลันดึงสติกลับคืนมาจากภวังค์คิด เมื่อรู้สึกตัวแล้วสิ่งแรกที่ทำคือมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาลึกซึ้ง
มันไม่รีบร้อนรับบัตรผลึกแก้วที่ต้วนหลิงเทียนยืนส่งมา และไม่รีบร้อนหยิบเกาทัณฑ์ดับตะวันคืนให้ต้วนหลิงเทียน แต่กลับกล่าวถามต้วนหลิงเทียนออกมาแทน “ต้วนหลิงเทียน กระบี่สุดท้ายนั่นของเจ้า…มิใช่ว่าเจ้าตั้งใจปกปิดเพื่อมิให้ข้าเห็นหรอกนะ?”
ไม่น่าแปลกอะไรที่เนี่ยสุ้ยจะคิดไปแบบนี้
เพราะต้วนหลิงเทียนกับหยางเหวินก็สู้กันไปพักใหญ่ แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่มันจะถูกบังตาแบบนี้
จนกระทั่งถึงจุดสำคัญที่สุดในการประลองเป็นตาย ร่างต้วนหลิงเทียนดันมาลอยอยู่เบื้องหน้าของมันทั้งหันหลังให้พอดิบพอดี จนทำให้มันไม่อาจแลเห็นวิถีกระบี่ของต้วนหลิงเทียนได้เลย…
เรื่องนี้มันคิดไปว่าสมควรเป็นเหตุ ‘บังเอิญ’ เสียมากกว่า…แต่มันก็อดคิดไม่ได้ว่าต้วนหลิงเทียนอาจจะเจตนา
“อาวุโสเนี่ยสุ้ย เรื่องนี้ท่านหมายความว่าอะไร? ข้าน่ะหรือตั้งใจปกปิดท่าน ไฉนท่านคิดแบบนั้นเล่า? ”
ต้วนหลิงเทียนแม้จะทึ่งกับการ ‘คาดเดา’ ของเนี่ยสุ้ย แต่เขายังเก็บอาการและทำสีหน้างุนงงได้อย่างไร้พิรุธ
เนี่ยสุ้ยพยายามมองสังเกตต้วนหลิงเทียนอย่างละเอียด หมายจับพิรุธบนสีหน้าแววตาของต้วนหลิงเทียน ทว่าสุดท้ายมันก็ไม่อาจพบอะไรได้เลย
‘หรือข้าคิดมากไปเองจริงๆ?’
เนี่ยสุ้ยอดไม่ได้ที่จะครุ่นคิดในใจ
แต่สุดท้ายหลังจากคิดอยู่พักหนึ่งมันก็เลิกคิดวุ่นวายอะไรสืบไป เลือกที่จะส่งเกาทัณฑ์ดับตะวันคืนให้ต้วนหลิงเทียน ก่อนที่จะรับบัตรผลึกแก้วของต้วนหลิงเทียนมาพร้อมๆกัน