ตอนที่ 523 องค์เง็กเซียนผู้เด็ดเดี่ยว และว่องไว (1)
องค์เง็กเซียน…
หรือว่า เขานำคนไปทำลายวังอีกาทองคำจริงๆ?
จากนั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่ว ก็กลับไปยังที่พำนักของเทพแห่งท้องทะเล ด้วยความกังวลใจยิ่ง
ในขณะนั้นศาลสวรรค์เพิ่งเข้าครองเผ่ามังกร ก่อนที่พวกเขาจะเปลี่ยนมังกรให้เป็นผู้ช่วยของศาลสวรรค์ พลังงานของศาลสวรรค์ส่วนใหญ่จะถูกใส่เข้าไปในเผ่ามังกร
ย่อมไม่ฉลาดเลยที่จะไปยั่วยุพวกปีศาจในตอนนี้
เพื่อความปลอดภัย ควรรอจนกว่าจะไร้ความกังวลใดๆ ในเรื่องเผ่ามังกรอีกต่อไป และให้ความแข็งแกร่งของร่างหลักของศาลสวรรค์เพิ่มขึ้นมากกว่าหนึ่งในสิบส่วนก่อน
จากนั้น ก็ค่อยใช้เรื่องของลู่หยาเป็นจุดเริ่มต้น เขาจะปลุกระดมเหล่าปีศาจให้ต่อสู้กับศาลสวรรค์
หลังจากนั้นเขาก็จะจับพวกมันและทำให้พวกมันสูญเสียความยุติธรรม เขาจะฉวยโอกาสกำจัดปีศาจแห่งกรรมร้ายและช่วยให้ศาลสวรรค์ทะยานขึ้นสู่ฟ้า!
ใช่ มันเป็นเพียงแผนการเล็กๆ
ความเจริญรุ่งเรืองของศาลสวรรค์ในอดีตนั้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหลี่ฉางโซ่วมากนัก
ทว่าหลี่ฉางโซ่วก็ได้กำหนดเส้นทางการพัฒนาสำคัญก่อนที่จะเกิดมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพ ในระดับหนึ่ง และเขาก็ได้ผูกมัดศาลสวรรค์แล้ว
แน่นอนว่า เมื่อหลี่ฉางโซ่วเริ่มผูกมัดตัวเองกับศาลสวรรค์ เขาก็ได้เตรียมการล่าถอยเอาไว้ล่วงหน้าเช่นกัน “ยังไม่ถึงเวลาโจมตีปีศาจ อย่างน้อยที่สุด เราก็ต้องรอจนกว่าคนของแดนยมโลกจะมาถึง”
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดถึงเรื่องนี้อยู่ครู่หนึ่ง และนำบันทึกเสนอแนะที่เขาเขียนเอาไว้ในงานเลี้ยงผลท้อเซียนออกมามองดูมันก่อนจะหยิบบันทึกเสนอแนะฉบับใหม่ออกมาแล้วไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนรอบคอบ
ก่อนที่เขาจะยกพู่กันขึ้น จ้าวกงหมิงก็มาถึงวิหารเทพทะเลแล้ว หลี่ฉางโซ่วจึงทำได้เพียงต้องหยุดเอาไว้ชั่วคราว
เขาคิดว่าเลื่อนเวลาออกไปอีกสักครึ่งชั่วยาม หรือหนึ่งชั่วยาม องค์เง็กเซียนก็ยังไม่สามารถระดมทหารมาได้ทันเพียงพอ ดังนั้นเขาจึงพักเรื่องนี้เอาไว้ก่อนชั่วคราว
ในยามนี้ เขาตัดสินใจที่จะจัดการเรื่องอาจารย์ลุงจ้าวก่อน
จ้าวกงหมิงขี่เมฆมาถึงที่หน้าวิหารเทพทะเลแล้ว เขากำลังร้องเพลงเบาๆ ไปเรื่อยๆ
ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วกำลังรออยู่ในอากาศแล้ว เมื่อได้ยินเสียงเพลงนั้น เขาก็แต่งกลอนอยู่ในใจโดยไม่รู้ตัว…
“คิมหันต์ค่อยๆ ผันผ่าน เหลือไว้เพียงความลับเล็กน้อย…[1]”
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่า อาจารย์ลุงจ้าวนั้นกำลังเผชิญคลื่นใหญ่ลมแรง[2]มากขึ้น
“น้องชาย น้องชาย ข้ามาแล้ว!”
“พี่ชาย เชิญท่าน” หลี่ฉางโซ่วหันกลับมาแล้วผายมือเชื้อเชิญให้จ้าวกงหมิงเข้าไปในห้องโถงด้านใน
จ้าวกงหมิงมองไปยังห้องโถงด้านหน้าและอดจะถามไม่ได้ว่า “วิหารของเจ้ากำลังอยู่ระหว่างก่อสร้างอีกแล้วหรือ?”
“ตอนนี้ ข้าเป็นเทพวารีแล้ว ส่วนเทพแห่งท้องทะเลก็คือ ราชามังกรทั้งสี่คาบสมุทร” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “เพื่อความปลอดภัย ก่อนอื่นข้าจะสร้างรูปปั้นของราชามังกรทั้งสี่คาบสมุทรเอาในวิหารเทพทะเลทุกแห่ง
หลังจากนี้ ข้าจะเผยแพร่เรื่องราวความพยายามในการช่วยเหลือของเหล่าราชามังกร เรื่องนี้จะให้แล้วเสร็จในอีกสิบถึงยี่สิบปีข้างหน้า”
จ้าวกงหมิงยิ้มและกล่าวว่า “น้องชาย เจ้าวางแผนและดำเนินการได้อย่างถี่ถ้วนรอบคอบจริงๆ ทั้งเจ้ายังคิดเผื่อถึงผู้อื่นอยู่เสมอ”
“พี่ชาย ท่านชมเกินไปแล้ว” หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างถ่อมตัวว่า “ปกติแล้ว เป็นเพราะข้ากังวลมากกว่า ความคิดของข้าหาได้มีค่าคู่ควรให้กล่าวถึงไม่”
จ้าวกงหมิงมองไปที่มุมและเห็นว่าโต๊ะทำงานถูกจัดเตรียมไว้ด้วยพู่กันและหมึกแล้ว เขาก็อดยิ้มจะหัวเราะเบาๆ ออกมาไม่ได้แล้วรีบเดินไปหลังโต๊ะอย่างรวดเร็วก่อนจะก็หยิบพู่กันขึ้นมาและกล่าวว่า… “ข้าจะเขียนเรื่องนี้อย่างไรดี?”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “พี่ชาย ท่านเพียงเขียนในสิ่งที่ท่านปรารถนาจะกล่าวกับเทพธิดาจินกวงก็พอ”
จ้าวกงหมิงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจมจ่อมอยู่ในห้วงแห่งความคิดลึกซึ้งๆ
จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็กล่าวว่า “เอาเช่นนี้เป็นอย่างไร? ข้าจะช่วยสร้างบรรยากาศให้ท่าน”
ขณะกล่าว ก็มีตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ธรรมดาไม่กี่ตัวหลุดออกมาจากแขนเสื้อของหลี่ฉางโซ่วแล้วกลายร่างเป็นชายสามคนหญิงสองคน จากนั้นพวกเขาก็เริ่มบรรเลง…
มันเป็นเพลงคึกคักที่หมุนเวียนอยู่ในสำนักโคมเขียวของเมืองอันสุ่ย จ้าวกงหมิงยิ้มอย่างรวดเร็วและกล่าวว่า “ไม่ต้องพูดแล้ว ด้วยการเพิ่มดนตรีบรรเลงนี้ ก็ช่วยให้ข้าคิดได้ชัดเจนขึ้น”
ขณะกล่าว จ้าวกงหมิงก็เขียนคำว่า “ศิษย์น้องหญิงจินกวง”
ทว่าหลังจากนั้น… จ้าวกงหมิงก็ถือพู่กันค้างไว้และโน้มตัวไปบนโต๊ะโดยที่เขายังไม่ได้เริ่มเขียนใดๆ เลย
ทว่าจู่ๆ ภาพยังนิ่งหน้าจอค้าง[3]
“น้องฉางเกิง ข้าควรเขียนอย่างไรดี?”
“ไม่เป็นไร” หลี่ฉางโซ่วยิ้มอย่างใจเย็น เขาเก็บแส้หางม้าไป พลางยกแขนเสื้อขึ้น แล้วคลำของในแขนเสื้อ จากนั้นเขาก็หยิบภาพคนสองสามภาพออกมาวางไว้ข้างหน้าจ้าวกงหมิง
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “มีแม่แบบจดหมายสำหรับบุรุษที่นี่ สีขาวใช้สำหรับผู้รับที่ท่านไร้ใจชมชอบ
สีชมพูอ่อนเป็นสีเอาไว้สำหรับคนสองคนที่มีความรู้สึกดีๆ อยู่ในขอบเขตประทับใจ สีส้มจะใช้เมื่อคนสองคนอยู่ในคนสองคนอุ่นรักและขอบเขตรุ่มร้อน”
“แล้วเจ้าสีเหลืองนี้เล่า?”
“มันจะใช้ได้หลังจากที่ท่านไปถึงขอบเขตแต่งงานแล้วเท่านั้น”
ติ๊ง!
จ้าวกงหมิงยกนิ้วให้เขาทันทีและกล่าวว่า “น้องชาย เจ้าช่างเป็นอัจฉริยะจริงๆ เช่นนั้น ข้าจะเลือกสีขาว อืม… อันที่เป็นสีชมพูอ่อน”
ในขณะนั้น จ้าวกงหมิงคลี่เปิดม้วนกระดาษและเห็นถ้อยคำเล็กๆ แถวหนึ่ง เขาจึงอ่านอย่างระมัดระวังและรู้สึกว่าเป็นคำพูดที่ถูกต้องเหมาะสมและเรียบร้อยช่วยให้เขาค้นหาประเด็นมากมายที่เขาอยากจะสื่อได้
หลังจากนั้นไม่นาน จ้าวกงหมิงก็มั่นใจและเริ่มเขียนลงไปอย่างรวดเร็ว… แน่นอนว่า ย่อมมีองค์ประกอบอ้างอิงในระดับหนึ่ง
หลี่ฉางโซ่วเก็บจดหมายรักอีกฉบับและรออยู่ข้างๆ พร้อมเผยรอยยิ้มโดยไม่ได้ดูสิ่งที่จ้าวกงหมิงเขียน
อย่างมากที่สุด เขาก็จะเผลอเหลือบมองไปเล็กน้อยและคิดถึงพรสวรรค์ด้านการเขียนและวรรณกรรมของอาจารย์ลุงจ้าว
ทันใดนั้น…
“น้องชาย เหตุใดเจ้าถึงเตรียมจดหมายให้สตรีมากมายเช่นนี้”
หลี่ฉางโซ่วแย้มยิ้มและตอบกลับว่า “หลังจากที่ข้าแยกทางกับเทพธิดาอวิ๋นเซียวในวันนั้นแล้ว ข้าก็กลับไปเตรียมสิ่งของเหล่านี้ … ”
เขากำลังป้องกันความเป็นไปได้ที่บรรดาเซียนแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยจะมาหาเขาแล้วถามเขาถึงวิธีเกี้ยวเซียนผู้ที่รักของเขาว่าทำอย่างไร
แน่นอนว่า เขาไม่อาจกล่าวครึ่งหลังของประโยคได้
จ้าวกงหมิงยิ้มและกล่าวว่า “ขอบใจเจ้า ข้าจะพิจารณาดูอีกครั้ง”
หลี่ฉางโซ่วไม่เอ่ยอะไรอีกและรอคอยอยู่เงียบๆ จ้าวกงหมิงอ่านถ้อยคำแต่ละคำอย่างระมัดระวัง ทว่า เขาก็รู้สึกว่าเขาไม่พอใจกับฉบับแรกที่เขาเขียน เขาจึงตัดสินใจเขียนถ้อยคำหลายร้อยคำใหม่อีกครั้ง
คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความนับถือ เขาเพียงกล่าวถึงเต๋าใหญ่ในระหว่างบรรทัดเท่านั้น
มาถึงตอนนี้ หลี่ฉางโซ่วก็แน่ใจว่า อาจารย์ลุงจ้าวไม่ได้ปฏิเสธเทพธิดาจินกวง เพราะเขาไม่อาจกลืนความภาคภูมิใจหรือทำให้ตัวเองเสียหน้าได้ แต่เป็นเพียงเพราะเขาไม่ได้มีความรู้สึกใดๆ กับนางจริงๆ
ตลอดทั้งจดหมายนั้น มีเพียงประโยคสั้นๆ ว่า “เจ้าไม่ใช่คนที่ใช่ขอข้า”
หลังจากเขียนจดหมายแล้ว จ้าวกงหมิงก็อ่านออกเสียงเบาๆ และยิ้มพลางกล่าวว่า “ตอนนี้ ข้ารู้สึกโล่งใจจริงๆ หัวใจเต๋าของข้ากระจ่างชัดเจน”
หลี่ฉางโซ่วเตือนว่า “พี่ชาย หากท่านส่งจดหมายนี้ถึงเทพธิดาจินกวงด้วยตัวเองจะดีที่สุด ไม่เช่นนั้น นางอาจสงสัยว่าเป็นผู้อื่นเขียน”
“แน่นอน!”
จ้าวกงหมิงม้วนแขนเสื้อขึ้น พลางหยิบจดหมายขึ้นมาและกล่าวคำอำลาโดยบอกว่าเขาจะกลับมาคุยกับหลี่ฉางโซ่วอีกครั้งหลังจากนี้
แน่นอนว่า หลี่ฉางโซ่วรับคำและยังให้เหล่าทูตเทวะช่วยจัดเตรียมงานเลี้ยงและดื่มกับ อาจารย์ลุงจ้าวในภายหลัง
ในขณะนั้น สัมผัสเซียนรับรู้ของเขาได้มองไปที่ทางเข้าภูเขา และพบว่าหลิงเอ๋อร์กำลังนับต้นไม้และหินบนภูเขาในขณะที่ห้องเดินหมากเล่นไพ่ยังคงครึกครื้น
ก่อนหน้านี้ หลี่ฉางโซ่วเคยคิดว่าเขาจะจัดการกับอาจารย์อาจิ่วจิ่วและศิษย์น้องหญิงจอมพิษตัวอันตรายได้อย่างไร หากเขาแอบออกจากสำนักตู้เซียนไปกับหลิงเอ๋อร์ วิธีแก้ปัญหานั้นง่ายมาก หลิงเอ๋อร์สามารถทิ้งตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ตัวเก่าเอาไว้ในสำนักตู้เซียนได้
ยิ่งไปกว่านั้น ตามแผนของหลี่ฉางโซ่ว ก่อนที่มหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพจะเริ่มขึ้น ผู้ที่ใกล้ชิดกับเขาจะถูกส่งไปยังศาลสวรรค์ในรูปแบบต่างๆ เพื่อหลีกเลี่ยงภัยพิบัตินี้
เมื่อคิดถึงเรื่องนั้น หลี่ฉางโซ่วก็อดจะเขียนบทกวีหนึ่งออกมาไม่ได้ว่า
ศาลสวรรค์เป็นที่หลบภัย ข้าน่าจะมาจัดการเรื่องใดๆ เสียก่อนหน้านี้ ไม่เพียงแต่ช่วยให้ข้าแคล้วคลาดจากเภทภัย แต่ยังให้ข้าได้รับบุญอีกด้วย!
ใช่ เมื่อเร็วๆ นี้ ข้าไม่ระวัง ตั้งแต่ข้าต่อบทกวีกับนักพรตเต๋าลู่หยา ‘ความสามารถด้านบทกวี’ ของข้าก็ลดลงมาก มันยาวนานเพียงใดจนกว่าจะถึงมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพ?
หลี่ฉางโซ่วไม่รู้จริงๆ เขาเพียงรู้สึกถึงอันตรายและทำได้เพียงรอให้มีสัญญาณปรากฏขึ้น
………………………………………………………………..
[1] เนื้อหาจากเพลงความทรงจำสีชมพูขับร้องโดยหานเป่าอี้ ซึ่งป็นเพลงดังมากในยุค 1980
[2] เปรียบว่ามีอุปสรรคมากมาย
[3] อาการชะงักงัน คล้ายไร้สติ คิดอะไรไม่อออก ตะลีงงันหรือประหลาดใจ