ตอนที่ 524 องค์เง็กเซียนผู้เด็ดเดี่ยว และว่องไว (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 524 องค์เง็กเซียนผู้เด็ดเดี่ยว และว่องไว (2)

ในขณะนั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์นั่งอยู่ในห้องโถง และมีตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์อีกตัวหนึ่งของหลี่ฉางโซ่วนั่งอยู่ใน “ตำหนักเทพวารี” ซึ่งกำลังเริ่มร่างบันทึกเสนอแนะฉบับที่สองที่เขาตั้งใจจะส่งในวันนี้

ทันทีที่เขียนบันทึกเสนอแนะ องค์หญิงหลงจี๋ก็วิ่งมาแสดงความยินดีกับเขาและส่งมอบของรางวัลครั้งที่สองของพระแม่หวังหมู่มาให้

ตอนนี้ของรางวัลชุดแรกยังคงกองอยู่ที่มุมและยังไม่ได้เปิดเลย และหลี่ฉางโซ่วก็ยอมรับของรางวัลเหล่านั้นมาทั้งหมด

เขาใช้สัมผัสเซียนรับรู้ตรวจสอบก่อน พวกมันทั้งหมดล้วนเป็นสมบัติหยกงดงามซึ่งใช้เป็นที่ระดับประดาที่อยู่อาศัย

แม้พวกมันจะล้ำค่า แต่ก็หาได้มีประโยชน์เท่าใดนัก หลงจี๋มองไปยังบันทึกเสนอแนะที่หลี่ฉางโซ่ววางไว้บนโต๊ะพลางยิ้มและกล่าวว่า “ท่านทำงานหนักมาก งานเลี้ยงผลท้อเซียนเพิ่งจบลง ท่านก็เริ่มทำบันทึกเสนอแนะใหม่แล้ว”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ในเมื่อข้าอยู่ในตำแหน่งนี้ ก็ย่อมต้องคิดถึงเรื่องงานของตัวเอง”

“ดี…”

หลงจี๋กัดริมฝีปากและโค้งคำนับให้หลี่ฉางโซ่วทันทีและกล่าวว่า “หลงจี๋ขอขอบคุณเทพวารีที่ช่วยเหลือมาก่อนหน้านี้! แม้ท่านจะไม่ยอมให้ข้าเรียกท่านว่า อาจารย์ แต่ในใจของข้านั้น ท่านคืออาจารย์ของข้าไปตลอดชีวิต!”

“ฝ่าบาทโปรดรีบลุกขึ้นยืนเถิด เร็วเข้า” หลี่ฉางโซ่วยกมือขึ้นเพื่อช่วยพยุงนาง

เขายิ้มและกล่าวว่า “ที่ฝ่าบาททรงไม่ประสงค์เอ่ยถึงพระองค์ต่อหน้าผู้อื่นนั้น เป็นเพราะพระองค์ต้องการปกป้องฝ่าบาท ฝ่าบาทควรเข้าใจถึงความหวังดีของฝ่าบาท”

“ได้ ข้าเข้าใจ…”

หลงจี๋เม้มปากขณะที่ดวงตาของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ก่อนจะค่อยๆ ขจัดความคับข้องใจทั้งหลายออกไปและฟื้นคืนความร่าเริงตามปกติกลับมาอย่างรวดเร็ว

“เทพวารี ท่านจะออกไปอีกหรือไม่?”

หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “ข้าจะไม่ออกไปข้างนอกอีกสักสองสามวันข้างหน้า ท่านไปฝึกบำเพ็ญที่สระหยกอย่างสงบสุขได้ หากออกไปและไม่เป็นอันตราย ข้าจะส่งทหารสวรรค์ให้ไปเชิญท่าน”

“ฮิฮิ ขอบคุณ เทพวารี! เช่นนั้น ข้าไม่ขอรบกวนเวลางานของท่านแล้ว!” หลงจี๋กล่าวพลางโค้งคำนับและออกจากตำหนักเทพวารีไป

หลี่ฉางโซ่วมองดูหลงจี๋จากไป ทันใดนั้นเขาก็เกิดความคิดที่น่าขันขึ้น…

หากหลี่ฉางโซ่วจำไม่ผิด เทพธิดาจินกวงจะกลายเป็นเทพธิดาสายฟ้าแห่งศาลสวรรค์ในเรื่องราวของมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพ

นางจะเป็นผู้ควบคุมสายฟ้าก่อนที่สายฟ้าจะร้องคำรามและเตือนสิ่งมีชีวิตว่าจะเกิดสายฟ้าฟาด

สิ่งที่เกิดขึ้นบนเกาะเต่าทองนั้น สามารถเข้าใจได้ดังนี้:

เทพธิดาสายฟ้าหลงรักเทพแห่งโชคลาภ แต่เทพแห่งโชคลาภเพียงปฏิบัติต่อนางเหมือนน้องสาวน้อยเท่านั้น บรรดาชายโสดจากฝ่ายสายฟ้าต่างพากันจับจ้องมาที่นาง? ว้าว น่าสนใจจริงๆ

หลี่ฉางโซ่วกลับไปที่การศึกษาและยังคงมุ่งเน้นไปที่การเขียนบันทึกเสนอแนะเพื่อโน้มน้าวเหล่าปีศาจ

คราวนี้มีคนมารบกวนเขาที่วิหารเทพทะเลในเมืองอันสุ่ย ยิ่งไปกว่านั้น คนที่มานั้น ยังไม่ธรรมดา หลี่ฉางโซ่วจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหยุดเขียน เขาเพ่งจิตส่วนใหญ่ไปที่ห้องโถงด้านหลังของวิหารเทพทะเล

เป็นผู้ใดมา?

เขาสวมเสื้อคลุมสีเหลืองอ่อน เคราและเส้นผมปลิวไสวไปตามสายลม เขามีรูปร่างสมส่วนและมีใบหน้าดูใจดีมีเมตตา ดูเหมือนว่า เขาจะมีวัยสี่สิบหรือห้าสิบปี แต่เขาก็ให้ความรู้สึกแบบโบราณ

ท่านเป็นผู้อาวุโสที่มีชื่อเสียงและใจดีแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน เขาเป็นมืออาชีพในมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพซึ่งเป็นที่รู้กันว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำล้วนล้มเหลวทั้งสิ้น…

หวงหลงเจินเหริน

“ขอบคุณ เทพแห่งท้องทะเลที่ช่วยเหลือเผ่ามังกร! ขอบคุณ เทพแห่งท้องทะเลที่ช่วยเหลือเผ่ามังกร!”

ทันทีที่ทั้งสองคนพบกัน หวงหลงเจินเหรินก็โค้งคำนับและร้องตะโกน

หลี่ฉางโซ่วไม่กล้ารับโดยตรง เขายังคงโค้งคำนับกลับ ในขณะที่ผู้อาวุโสทั้งสองต่างโค้งคำนับให้กันซ้ำๆ อยู่กลางอากาศนานชั่วขณะหนึ่งจนเหล่าทูตเทวะสองสามคนที่กำลังกินเมล็ดแตงโมและคุยกันอยู่ด้านล่าง ต่างก็รู้สึกขบขัน

หลังจากทักทายโอภาปราศรัยกันจนพอใจแล้ว พวกเขาก็เข้าไปในห้องโถงด้านใน หวงหลงเจินเหรินพลันเห็นว่า มีงานเลี้ยงถูกจัดเตรียมไว้แล้ว ก็อดจะตกใจไม่ได้

ความสามารถในการหยั่งรู้ของเทพแห่งท้องทะเลนั้น ได้มาถึงขั้นนี้แล้ว เขาหยั่งรู้ได้ว่า ข้าจะมาที่นี่ในวันนี้หรือ? ใช่หรือไม่!?!

หลี่ฉางโซ่วยิ้มอยู่ที่ด้านข้างและไม่ได้แก้ไขความเข้าใจผิดให้กระจ่างแต่อย่างใด เขาเชิญหวงหลงเจินเหรินไปที่โต๊ะและขอให้คนมาเพิ่มชุดอุปกรณ์กินอาหาร ชาม ตะเกียบและสุราให้

ครั้งนี้ หวงหลงเจินเหรินมาเพื่อขอบคุณ หลี่ฉางโซ่วเท่านั้น เขาบอกว่าทั้งหมดนี้ล้วนต้องขอบคุณที่หลี่ฉางโซ่วชี้แนะให้

อย่างน้อยที่สุด เมื่อพิจารณาจากชื่อที่หวงหลงเจินเหรินเรียกเขาในเวลานี้ เขาก็รู้ว่าข้อมูลที่สำนักบำเพ็ญเต๋าฉานได้รับนั้น ยังไม่ครอบคลุมหรือถูกต้องแม่นยำนัก

บัดนี้ เขาคือ เทพวารีในศาลสวรรค์แล้ว!

แม้ตำแหน่งเฉพาะและสมบัติพลังศักดิ์สิทธิ์จะยังไม่ได้รับการยืนยัน

“ฮ่าฮ่าฮ่า เทพแห่งท้องทะเล เจ้าช่างน่าทึ่งจริงๆ” หวงหลงเจินเหรินยกย่อง “เจ้าต่อสู้กับศิษย์ของจอมปราชญ์แห่งสำนักบำเพ็ญประจิมในระหว่างงานเลี้ยงผลท้อเซียนจนทำให้พวกเขาพูดไม่ออก

เจ้ายังเชิญเหล่าจื้อมาช่วยปกป้องเจ้าด้วยตัวเองอีกด้วย! ทุกคนในวังอวี้ซวีต่างกำลังพูดกันถึงเรื่องนี้ บรรดาศิษย์ของสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานล้วนชื่นชมเจ้าจริงๆ!”

หลี่ฉางโซ่วรีบกล่าวว่า “ท่านผู้อาวุโส กล่าวจริงจังเกินไปแล้ว การต่อสู้นั้นหรือ? มันเป็นเพียงการสอบสวนเล็กน้อยตามกฎของศาลสวรรค์เท่านั้น ข้ายังทึ่งกับจอมปราชญ์ทั้งสองคนและศิษย์ของจอมปราชญ์แห่งสำนักบำเพ็ญประจิมมากนัก!”

หวงหลงเจินเหรินแย้มยิ้ม

“ได้ ได้ ข้าเข้าใจแล้ว”

ขณะกล่าว หวงหลงเจินเหรินก็ถอนหายใจและกล่าวว่า “งานเลี้ยงผลท้อเซียนนี้เป็นตัวตัดสินการเข้ามาของเผ่ามังกร น่าเสียดายจริงๆ ที่ข้าไม่ได้เข้าร่วมพิธี”

หลี่ฉางโซ่วถึงกับพูดไม่ออก

เขากล่าวตำหนิหลี่ฉางโซ่วที่ไม่เชิญเขาไปงานเลี้ยง หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ผู้อาวุโส ท่านอาจไม่รู้ แต่ข้าไม่อยากให้เหล่าปรมาจารย์ของทั้งสามสำนักไปที่ศาลสวรรค์ในครั้งนี้ นั่นจะเป็นการสร้างแรงกดดันต่อเผ่ามังกรมากเกินไป

นอกจากนี้ นั่นยังจะเป็นการทำให้องค์เง็กเซียนรู้สึกว่า พลังอำนาจของศาลสวรรค์เพียงอย่างเดียวนั้น ไม่เพียงพอที่จะทำให้เผ่ามังกรยอมจำนนได้ ดังนั้น ข้าจึงไม่ได้ส่งเทียบเชิญไปถึงผู้อาวุโส

ผู้อาวุโสกงหมิงไปที่ศาลสวรรค์เพราะเขามีเรื่องอื่นที่ต้องจัดการ ซึ่งมันสะดวกที่เขาจะไปที่ศาลสวรรค์ในระหว่างงานเลี้ยงผลท้อเซียน”

หวงหลงเจินเหรินอดจะถามพร้อมเผยรอยยิ้มออกมาไม่ได้ “โอ้? แล้วเหตุใดน้องกงหมิงจึงต้องไปที่ศาลสวรรค์หรือ?”

“เขาต้องไปพบเทพเฒ่าจันทราเพื่อหารือเรื่องส่วนตัวบางอย่าง”

“เทพเฒ่าจันทรา?”

ดวงตาของหวงหลงเจินเหรินสว่างวาบขึ้น เขาสบตาหลี่ฉางโซ่วก่อนที่จะตระหนักขึ้นได้

และทันทีที่กล่าวจบ ร่างของจ้าวกงหมิงก็ปรากฏตัวขึ้นห่างออกไปหลายร้อยลี้และขี่เมฆพุ่งไปยังเมืองอันสุ่ย

เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของอาจารย์ลุงจ้าว และเคราของเขาที่สั่นเทา หลี่ฉางโซ่วก็รู้ว่า จ้าวกงหมิงน่าจะส่งจดหมายถึงเทพธิดาจินกวงและกลับมา

เมื่ออาจารย์ลุงจ้าวมาถึง หลี่ฉางโซ่วก็ถามคำถามสองสามข้อ มันไม่ได้เป็นไปตามความคาดหมายของเขา

จ้าวกงหมิงพบเทพธิดาจินกวงและยิ้มในขณะที่กล่าวว่า “น้องหญิงน้อยรับไปเถิด” จากนั้นเขาก็โยนจดหมายใส่นางแล้วพุ่งตัวหนีไป เขาใช้พลังเวทของเขาเพื่อเคลื่อนย้ายกลับทันที

หากไม่คำนึงถึงเนื้อหาของจดหมายแล้ว ภาพเหตุการณ์นั้นก็ดูคล้ายกับมีความรักกัน

“มาๆ!”

จ้าวกงหมิงมีกำลังใจสูง “เรื่องนี้จบลงแล้ว พี่หวงหลงก็อยู่ที่นี่ด้วย! เช่นนั้น วันนี้ พวกเราก็น่าจะมาดื่มสุราด้วยกันสักสามร้อยจอก ไม่เมาไม่เลิกรา!”

ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วและหวงหลงเจินเหรินต่างชูจอกสุราขึ้นและแลกดื่มอวยพรซึ่งกันและกันอย่างเข้ากันได้ดีและมีความสุขสนุกสนาน

ราวครึ่งชั่วยามต่อมา จ้าวกงหมิงและหวงหลงเจินเหรินก็กำลังคุยกันอย่างออกรส

หลี่ฉางโซ่วไม่ได้ใส่ใจฟังในขณะที่เขายังคงเขียนบันทึกเสนอแนะของเขาต่อไป ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขากังวลว่าองค์เง็กเซียนจะลงมือเร็วเกินไป จึงรีบร่างบันทึกเสนอแนะก่อน

หลังจากนั้นเขาก็ตรวจสอบถ้อยคำ พิจารณาประโยค และทำให้มันสมบูรณ์แบบก่อนจะทำให้หมึกแห้งแล้วนำบันทึกเสนอแนะทั้งสองฉบับไปที่หอสมบัติหลิงเซียว

เมื่อมาถึงหน้าหอ ก็ไม่จำเป็นต้องรายงานหรือซักถามเขาแต่อย่างใด ในขณะนั้น เขาได้ใช้พลังแห่งเสนาบดีผู้ทรงอำนาจและตรงไปหาองค์เง็กเซียนได้ทันทีโดยไร้สิ่งกีดขวาง

“ฝ่าบาท…ฝ่าบาท?”

“หือ?”

องค์เง็กเซียนซึ่งอยู่ในชุดขาว กำลังเอามือข้างหนึ่งกุมหน้าผากและดูเหมือนว่า เขาจะงีบหลับไปเพราะเขาเหนื่อยเกินไปจากการอ่านบันทึกเสนอแนะทันใดนั้น เขาก็กลับฟื้นคืนสติขึ้นมาทันที

หลี่ฉางโซ่วคิดกับตัวเองว่า ไม่นะ! สถานการณ์นี้คล้ายกับยามที่เขาถูกรบกวนในขณะที่กำลังเพ่งจิตควบคุมหุ่นจำลองกระดาษอย่างสุดใจ!

องค์เง็กเซียนยิ้มและตรัสว่า “ขุนนางฉางเกิง มีอะไรเร่งด่วนหรือไม่”

“ฝ่าบาท” หลี่ฉางโซ่วรีบหยิบบันทึกเสนอแนะทั้งสองออกมาและกล่าวว่า “เทพน้อยกำลังคิดถึงเรื่องเผ่าปีศาจอย่างละเอียดรอบคอบ เทพน้อยรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงรีบร่างบันทึกเสนอแนะนี้ขึ้นมา ขอฝ่าบาทได้โปรดทอดพระเนตรด้วยเถิด!”

จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็ใช้พลังเซียนของเขาผลักดันบันทึกเสนอแนะลงไปบนโต๊ะ

องค์เง็กเซียนหยิบมันขึ้นมาและอ่านดูอย่างระมัดระวัง ในคราแรก เขายังคงพยักหน้า ทว่าเมื่อเขาอ่านครึ่งหลังของบันทึกเสนอแนะ เขาก็ขมวดคิ้วและพึมพำว่า “หากเจ้าคิดเช่นนั้น ข้าก็คงสังหารพวกที่เหลือในศาลปีศาจไม่ได้จริงๆ… เร็วเข้า!”

“หือ?” หลี่ฉางโซ่วจงใจทำท่าทางสับสนงุนงง

“ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร เจ้ารอก่อน ขุนนางของข้า”

องค์เง็กเซียนรีบหลับตาและเพ่งจิตไปที่อื่น

ในขณะนั้น ร่างจำแลงของเขาเกือบจะพากองทหารและพลสำรองของเขาทะยานขึ้นสู่ดวงอาทิตย์อย่างลับๆ แล้ว…

……………………………………………………………..