ทหารต้าโจวนี่ช่างเหิมเกริมจริงๆ
แม่ทัพจินทั้งหลายมองดูกระบวนทัพสี่เหลี่ยมเบื้องหน้ากับทหารโจวสิบกว่าคนที่ควบม้าวิ่งท้าทายอยู่หน้ากระบวนทัพสี่เหลี่ยมก็โกรธจนหนังหน้ากระตุก
กล้าไล่ตามมาถึงชายแดนด้านนี้ นอกจากนี้ยังเอ่ยวาจาโอหังหน้าไม่อายเช่นนี้อีก
ดูจำนวนคนของพวกเขาก็ไม่นับว่ามากเกินไปนัก ทำไมกล้าเหิมเกริมเช่นนี้?
ไม่ต้องพูดถึงจำนวนคนของสองฝ่ายเท่าๆ กัน นี่กำลังเข้าใกล้ชายแดนแล้ว แม้มีกำลังพลของเฉิงกั๋วกงรบห้ำหั่นขวางอยู่ แต่ทหารจินของพวกเขาก็รวมตัวกันนับหมื่น
เมื่อได้ยินคำพูดที่ทหารโจวเหล่านี้ตะโกนออกมา แม่ทัพจินก็ตะคอกเสียงดังโกรธเกรี้ยว
แม้ถูกเฉิงกั๋วกงข่มมาตลอด แต่ไม่เคยถูกท้าทายเช่นนี้
“ไปฆ่าพวกเขาให้หมด” แม่ทัพจินร้องตะโกน
พร้อมกับที่คำสั่งนี้ดังขึ้น ทหานจินแถวแล้วแถวเล่าก็ร้องตะโกนบ้าคลั่งชูอาวุธพุ่งไปหาทหารโจวที่อยู่เบื้องหน้า ทหารจินที่เหลือก็เริ่มตั้งกระบวนทัพเคลื่อนไปด้านหน้า
ประชาชนทั้งหลายล้วนกุมหัวนั่งยองหลบหลีก จวงเหล่าซานก็ไม่เว้น อ้อมแขนกอดหลาน หลบไปข้างหลัง แต่ก็อดไม่ได้รวบรวมความกล้าชะเง้อมองด้านหน้าด้วย
“จะสู้ชนะได้ไหม?” บุรุษด้านข้างคนหนึ่งเอ่ยถามเสียงเบา “ข้าว่าคนของพวกเราไม่มากนะ”
“ใช่แล้ว ทหารจินน่ะมีตั้งสองพันเชียวนะ ก่อนหน้านี้อย่างน้อยที่สุดต้องเกินครึ่งหนึ่งสองฝ่ายถึงสู้กันได้นะ” บุรุษอีกคนหนึ่งก็เอ่ยเสียงเบาบ้าง
“ต้องได้สิ” จวงเหล่าซานเอ่ยท่าทางแน่วแน่อย่างยิ่ง “พวกนี้ล้วนเป็นผู้กล้า”
ต้องเป็นผู้กล้าแน่นอน ไม่เช่นนั้นคงไม่มีทางมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ แล้วยังตั้งใจมาเพื่อพวกเขาประชาชนที่ถูกจับตัวมาเหล่านี้
แต่ก็เพราะเป็นผู้กล้า ดังนั้นพวกเขาถึงยิ่งเป็นห่วงกังวล
“พวกเจ้าไม่เคยได้ยินหรือ? นี่คือกองทหารชิงซาน” จวงเหล่าซานเสียงสั่นเอ่ย
พวกเขาล้วนเป็นประชาชนที่ถูกจับตัวมาจากทั่วทุกสารทิศ คนละภูมิลำเนาหาใช่เพื่อนบ้าน ไม่ใช่ทุกคนล้วนรู้ข่าวคราวเหมือนกัน
ตัวอย่างเช่นบุรุษสองคนนี้ไม่รู้จักกองทหารชิงซาน
“ป้าโจวฝั่งนี้ไม่ใช่กองทหารซุ่นอันหรือ?” พวกเขาเอ่ยถามเสียงเบา “กองทหารชิงซานคืออะไร?”
“กองทหารชิงซานเป็นกองทหารที่ร้ายกาจยิ่งนัก…” จวงเหล่าซานเอ่ย ยังไม่ทันสิ้นเสียงพูด ก็ได้ยินเสียงบึ้มบึ้มดังขึ้น พร้อมกันนั้นแผ่นดินพลันสะเทือน
ประชาชนทั้งหลายส่งเสียงร้องตกใจฟุบหมอบกับพื้น
เกิดเรื่องอะไรขึ้น?
ใต้ฝ่าเท้าสั่นสะเทือนไม่ทันหยุด หูก็ได้ยินเสียงกรีดร้อง เสียงกรีดร้องนี่ไม่ใช่เสียงของชาวโจว ส่วนใหญ่ล้วนเป็นภาษาหู ชาวบ้านทั้งหลายอดไม่ได้รวบรวมความกล้ามองไป เห็นรูปกระบวนทัพของทหารจินเสียรูปกระบวนแล้ว ส่วนทหารจินหลายแถวที่พุ่งไปข้างหน้าล้วนล้มกลิ้งอยู่บนพื้น
ม้าสิบกว่าตัวย้อมไปด้วยเลือด ส่งเสียงร้องคลุ้มคลั่งวิ่งเตลิด
ควันทึบลอยขึ้นมาเป็นพักๆ แสบจมูกชวนให้สำลัก
นี่คืออะไร?
ชาวบ้านทั้งหลายไม่ทันพินิจให้ละเอียด ทหารจินด้านหลังที่พุ่งตามต่อไปข้างหน้าก็ตกสู่ความโกลาหล เสียงหวีดแหลมมาพร้อมกับหอกยาวที่บินมาประหนึ่งสายฝน
กั้นห่างกันไกลปานนี้ ชาวบ้านทั้งหลายยังมองเห็นทหารจินมากมายถูกแทงปลิวตอกตรึงไว้กับพื้น บ้างก็ถูกแทงทะลุ หอกยาวทะลวงผ่านหลายคนไปก็ยังไม่หยุด
น่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว…
ในหมู่พวกเขามีคนมากมายเคยเห็นทหารจินกับทหารโจวรบกันมาก่อน ภาพการรบย่อมโหดร้ายยิ่ง แต่โหดร้ายเช่นนี้เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก
ที่สำคัญก็คือความโหดร้ายนี่เป็นการฆ่าล้างบางอยู่ฝ่ายเดียว กำลังพลด้านนั้นยังไม่ออกมาสักคน ด้านนี้ก็ล้มลงเป็นแถบแล้ว
“กองทหารชิงซานนี่ร้ายกาจจริงๆ…” บุรุษสองคนเอ่ยพึมพำ ในดวงตาความหวังลุกโชนเต็มเปี่ยม
เสียงการเข่นฆ่ายังคงดังต่อเนื่อง
แม้ถูกอาวุธอันรุนแรงนี้ทำให้ตื่นตะลึง แต่ชาวจินแถวแล้วแถวเล่ายังคงคำรามโกรธเกรี้ยวพุ่งเข้าไป
ระยะห่างใกล้ย่อมไม่อาจใช้กระสุนหินกับรถยิงศรได้แล้ว พร้อมกับเสียงกลองรบด้านในกระบวนทัพ กระบวนทัพของทหารโจวพลันเปลี่ยนแปรอีกหน พวกผู้หญิงด้านหน้าถอยกลับไปใจกลางกระบวนทัพ พลหอกยาวทั้งหลายเรียงแถวขึ้นหน้า
เหลยจงเหลียนมือซ้ายกำหอกยาวแน่น
“บุก” เขาตะโกนเสียงดัง ควบม้าพุ่งออกไป
ซ้ายขวาและหลังร่างเขา บรรดานายทหารทั้งหลายล้วนตะโกนเสียงดัง สะบัดขยับหอกยาว ดาบใหญ่ในมือประจันเข้าใส่ทหารจินที่โถมมา
กำลังพลของสองฝ่ายในที่สุดก็ปะทะกัน
เสียงคำว่าฆ่าสะเทือนฟ้า
ชาวบ้านที่หมอบอยู่บนพื้นดินแม้หลับตายังรู้สึกได้ถึงภาพคลุ้งคาวเลือดนั่นได้
จวงเหล่าซานไม่กล้าลืมตามองแล้ว เขากอดเด็กน้อยปากเอ่ยพึมพำไม่หยุด กระทั่งตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าตนเองพึมพำอันใด
เทพเทวาพระพุทธองค์ที่ใดก็ตาม ได้โปรดคุ้มครองนายทหารผู้กล้าเหล่านี้ด้วยเถิด
ผู้ที่ปกป้องตนเองได้ แต่ไหนแต่ไรมาล้วนไม่ใช่เทพเทวาพระพุทธองค์ มีเพียงตนเองเท่านั้น
เสียงฉึบทึบตันดังขึ้นทีหนึ่ง หอกยาวในมือเหลยจงเหลียนแทงทะลุทหารจินที่มือถือดาบฟันม้าคนหนึ่ง
แต่นายทหารหลายคนอีกด้านหนึ่งกลับกรีดร้องถูกทหารจินนายอื่นที่รุมเข้ามาฟันเข้า
ทหารจินคนนั้นในมือกำดาบคู่ ร่ายรำดุดันเยี่ยงพยัคฆ์น่าเกรงขาม พลหอกยาวทั้งหลายในแถวที่เหลยจงเหลียนอยู่ถูกบีบถอยร่นไม่หยุด
ดาบคู่
คิดถึงเมื่อก่อนตนเองก็ใช้หอกคู่เหมือนกัน หากตนใช้หอกคู่ต้องร้ายกาจยิ่งกว่าเขาแน่นอน
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาทอดถอนใจ เสียสมาธิแค่ครู่เดียวเท่านั้น เหลยจงเหลียนก็ยกหอกพุ่งเข้าไป
ดาบของทหารจินฟันโดยหัวไหล่ของนายทหารนายหนึ่ง คล้ายตัดแขนทั้งข้างของเขาไป นายทหารคนนี้ส่งเสียงกรีดร้อง แต่คนกลับไม่ล้มกลิ้งลง ตรงกันข้ามท่าทางเด็ดเดี่ยวใช้แขนอีกข้างหนึ่งกอดดาบของทหารจินคนนี้ไว้แน่น
ก็เป็นช่องว่างนี้เอง เหลยจงเหลียนส่งหอกยาวในมือเข้าไปอย่างแรง
เสียงฉึบดังขึ้นทีหนึ่ง ปลายหอกแหลมคมของเหลยจงเหลียนแทงเข้าไปในลำคอของทหารจินตรงๆ ทหารจินกรีดร้องทีหนึ่งล้มคว่ำกับพื้น
เหลยจงเหลียนถูกดึงล้มไปด้านหน้าด้วย ยังดีตั้งร่างมั่นทันเวลา กำลังจะชักหอกยาวออกมาก็ได้ยินเสียงฉึบ เลือดสาดเต็มศีรษะเขา
ทหารจินคนหนึ่งล้มอยู่แทบเท้าเขา ในมือยังกำเคียวเล่มหนึ่งไว้ บนหน้ายังคงยิ้มเ**้ยมเกรียม
เหลยจงเหลียนหันศีรษะมองไปด้านหลังร่าง จินสือปากำลังเก็บดาบยาวกลับไป สีหน้าเฉยชา
เขา…
เหลยจงเหลียนกำลังคิดจะพูดอะไร จินสือปาก็หมุนตัวกลับไปแล้ว กลับไปยืนท่ามกลางนายทหารอีกแถวหนึ่ง
ต่อให้ในสถานการณ์โหดร้ายเช่นนี้ นายทหารทั้งหมดก็ยังคงรักษาตำแหน่งของตนในขบวนแถวนี่ รุดหน้าตามรูปขบวนที่กองทหารชิงซานเคยสอนอย่างเคร่งครัด
ความหาญกล้าของแต่ละคนทั้งหมดถูกหลอมรวมอยู่ในกระบวนทัพสี่เหลี่ยมที่นี่ คนทั้งหมดร่วมรุกร่วมถอย ต่างแบ่งงานกัน หนึ่งคนกล้า สามคนห้าวหาญ สิบคนไม่อาจต้านทาน
เหลยจงเหลียนมองจินสือปาที่กำลังร่ายรำดาบฟันทหารจินคนหนึ่งคว่ำแล้วสูดหายใจลึกทีหนึ่ง
“นับว่าเจ้าหนูนี่ก็ยังเป็นมนุษย์คนหนึ่ง” เขาเอ่ยกับตนเอง พูดจบก็สะบัดหอกยาวทีหนึ่ง ประจันเข้าหาทหารจินที่โถมมาคนหนึ่ง
หอกยาวแทงทะลุหน้าผากของอีกฝ่าย
มีคนล้มลงไม่หยุด มีคนกลิ้งหลุนๆ บนพื้น มีทหารจินแล้วก็มีทหารโจว
แต่ไม่มีทหารโจวถอยหลัง คนล้มลงไป ขบวนแถวก็ปรับเสริมที่ขาดทันที
กระบวนทัพสี่เหลี่ยมของทหารโจวประหนึ่งรถคันยักษ์เคลื่อนที่บดขยี้เข้ามา
หัวหน้าแม่ทัพจินที่ยืนอยู่ด้านหลังมองตะลึงไปแล้ว ความเสียหายเกินกว่าที่เขาคาดไว้อย่างสิ้นเชิง
“พวกนี้มันทหารที่ไหน? ถึงกับเ**้ยมหาญยิ่งกว่ากองทหารฝีมือฉกาจคนสนิทของเฉิงกั๋วกง” เขาเอ่ยพึมพำ
บรรดาผู้ใต้บังคับบัญชารอบด้านพากันล้อมเข้ามา
“นี่คือกองทหารชิงซาน”
“ได้ยินเกี่ยวกับพวกเขามานานแล้ว”
“ทหารกล้าจำนวนหนึ่งของพวกเราตายในมือพวกเขาไปแล้ว”
“พวกเราไม่อาจบาดเจ็บล้มตายได้อีกแล้ว ใต้เท้าปาตูอย่างไรพวกเราไปช่วยที่จุดพักไป๋โกวดีกว่า”
“บอกว่าจะเอาประชาชนก็ให้พวกเขาไปเถอะ ไม่อาจเสียทหารกล้าของพวกเราเพื่อแกะสองขาเหล่านี้ได้นะขอรับ”
คำกล่อมเหล่านี้ทำให้แม่ทัพจินยิ่งลังเล มองดูทหารจินด้านหน้าสูญเสียไม่หยุด ใบหน้าเขาก็กระตุกเป็นพักๆ
บาดเจ็บล้มตายมากเกินไปแล้ว บาดเจ็บล้มตายมากเกินไปแล้ว
เขาย่อมไม่อยากให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาเสียไปหมดสิ้นเพื่อการกุมตัวประชาชนกลุ่มหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งทหารฝีมือดีของตน ไม่มีทหารฝีมือดีเหล่านี้ ในเผ่าเขาก็ไม่มีตำแหน่งแล้ว
เขายกมือขึ้น ในดวงตามีความโกรธเกรี้ยวแล้วยังมีความหวาดกลัวที่ยากปิดบังอยู่จางๆ
……………………………………….
เมื่อเสียงแตรเขาสัตว์ดังฮูมฮูมขึ้นมา จวงเหล่าซานก็หวิดจะเป็นลม
นี่ไม่ใช่กลัว แต่ตื่นเต้น
นี่เป็นแตรเขาสัตว์เรียกทหารกลับของชาวจิน นี่เป็นครั้งที่สองในชีวิตนี้ที่เขาได้ยิน
ครั้งแรกเป็นตอนที่ตัวอำเภอซึ่งตนอยู่ถูกโจมตีแตก แตรเขาสัตว์เรียกทหารกลับของเหล่าทหารจินเป็นความปิติยินดีแห่งชัยชนะ
แต่ตอนนี้….
ทหารจินทั้งหลายประหนึ่งน้ำหลากถอยไป ขบวนแถวแตกกระเจิง ไม่มีเวลาสนใจสหายที่บาดเจ็บล้มตาย
เสียงแตรเขาสัตว์ฮูมฮูมประหนึ่งระฆังไว้อาลัย พาความหวาดกลัวมาทำให้คนหดหู่
“ชนะแล้ว ชนะแล้ว” จวงเหล่าซานอุ้มเด็กกระโดดลุกขึ้นมาตะโกนเสียงดัง ไม่ทันสนใจว่าข้างตัวทหารจินยังไม่ทันถอยไปไกล
คนมากกว่าเดิมก็กระโดดลุกขึ้นมา โห่ร้องตะโกนยินดีด้วย
แล้วก็มีคนร่ำไห้หมอบลงกับพื้นโขกศีรษะไม่หยุด
ยังมีคนร่ำไห้ตะโกนวิ่งไปหาทหารโจวที่ยังคงรักษารูปกระบวนทัพเคลื่อนมาช้าๆ ด้านนั้น ประหนึ่งเด็กน้อยหลงทางในที่สุดก็เห็นคนในครอบครัวที่มาตามหา
……………………………………….
ข่าวกระจายไปดุจสายลม
จูจั้นที่มาถึงอีกเมืองหนึ่งยื่นมือลูบหนวดเครารกครึ้ม
“ภรรยาของบุตรชายเฉิงกั๋วกงนำทหารเหยียบราบทุกทิศ ประชาชนในเขตป้าโจวมองประหนึ่งเทพ” บุรุษคนหนึ่งเอ่ยอยู่ด้านข้าง วันนี้มีประชาชนเกือบสิบหมื่นแล้วที่ได้นางคุ้มครองถอยลงมาที่เมืองเหอเจียน”
“พี่ใหญ่ พวกเราก็รีบไปเถอะ” บุรุษอีกคนเอ่ยขึ้นอย่างฮึกเหิม ในดวงตายากปิดบังความสงสัยใคร่รู้
ดูซิภรรยาของบุตรชายเฉิงกั๋วกงคนนี้ที่แท้เป็นใคร ทหารในมือนี่ทำไมร้ายกาจปานนี้
จูจั้นกลับส่ายศีรษะ
“พวกเราไม่ไปป้าโจว” เขาเอ่ย “พวกเราไปเซินโจว”
เซินโจว?
บุรุษทั้งหลายไม่เข้าใจอยู่บ้าง
“แต่ท่านหญิง…” พวกเขาเอ่ย
“แม่ข้าอยู่ที่ด้านนั้นย่อมปลอดภัยไร้อันตราย” จูจั้นเอ่ย ดวงตาสุกใส “ข้าไปที่นั่นไม่สู้ไปเซินโจว ข้ามาช่วยทหารหย่งหนิงที่เซินโจวคุ้มครองประชาชนของเป่าโจวลงใต้”
เซินโจวอยู่ชิดติดเป่าโจว เหอเจียนด้านนั้นอย่างไรกำลังพลก็มีจำกัด แค่ป้าโจวที่เดียวก็ทำให้พวกเขาตรากตรำวิ่งวุ่นแล้ว จะไปสยงโจว เป่าโจวอีกยากลำบากนัก
กำลังพลของเซินโจวด้านนี้ยังรอดูท่าทีอยู่ หากไปเกลี้ยกล่อมพวกเขาให้เข้าเป่าโจวทำเรื่องนี้ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องให้ท่านหญิงเฉิงกั๋วกังวลใจด้านนี้อีกต่อไป
บุรุษทั้งหลายพยักหน้า
“ดี พวกเราไปเซินโจว” พวกเขาเอ่ยพร้อมเพรียง
“อีกอย่าง” จูจั้นเอ่ยขึ้นยื่นมือทึ้งหนวดลงมา เส้นผมก็ออกแรงกำทีหนึ่งยกขึ้น เส้นปมที่ขาวประปรายเหล่านั้นพลันกระจายร่วง เส้นผมดำขลับเผยออกกมาทันที “ตั้งแต่ตอนนี้จูจั้นกลับมาแล้ว”
บุรุษทั้งหลายตกตะลึงอีกครั้ง
“ต่อให้ใช้ตัวตนคนตัดฟืน พวกเราก็เกลี้ยกล่อมกองทหารหย่งหนิงได้นะขอรับ” บุรุษคนหนึ่งเอ่ย “ท่านชายท่านไม่ต้องเปิดเผยร่องรอยหรอก”
“ใช่แล้ว องครักษ์เสื้อแพรไล่ตามมาแล้ว คนเหล่านี้หลอกหลอนไม่เลิก” บุรุษอีกคนหนึ่งขมวดคิ้วเอ่ย
จูจั้นมุมปากยกโค้ง
“ก็เพื่อให้พวกเขาไล่ตามข้ามาน่ะสิ” เขาเอ่ย “ไม่ให้เจ้าโง่พวกนี้ถูกภรรยาท่านชายตัวปลอมคนนั้นหลอกไป”
พูดจบก็เอามือรองไว้หลังศีรษะ หมุนตัวก้าวยาวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
“ข้าบุรุษดีๆ คนหนึ่ง ไม่อยากถูกคนทำให้เสียความบริสุทธิ์หรอกนะ”